นายหัวไทร..จับประเด็น..มุมมอง ไม่มีหรอก “ปรับ ครม.” ลุงป้อมมีมารยาทพอ

นายหัวไทร..จับประเด็น..มุมมอง ไม่มีหรอก “ปรับ ครม.” ลุงป้อมมีมารยาทพอ

      เชื่อว่าในช่วง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี จะไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี เชื่อในมารยาทของ ลุงป้อมในฐานะพี่ใหญ่ของ 3ป. ถึงแม้จะมีอำนาจเต็มทำได้ แม้กระทั้งการ “ยุบสภา”

      “ไม่มี” คือคำตอบที่ชัดเจนจากปากของ พล.อ.ประวิตร เมื่อนักข่าวถามว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงรักษาการแทนนายกรัฐมนตรีหรือไม่

     มีมารยาทพอ….แม้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยสถานะการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี พล.อ.ประวิตร นั่งเป็นประธานการประชุม ครม.ยังนั่งเก้าอี้ประจำตัวเดิมในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ไม่นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเก้าอี้ตัวที่ พล.อ.ประยุทธ์นั่งในช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเป็นการให้เกียรติ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังมีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่

      แต่กลับมี สส.พลังประชารัฐสายใต้บางคนต่างหากกลับเสนอให้ พล.ประวิตร ปรับ ครม.แถมยังไปก้าวล่วงถึงโควต้าพรรคประชาธิปัตย์ คือเสนอให้ปรับ ครม.ยึดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ คืนมา อันเป็นการไม่สมควร เพราะเป็นโควต้าของพรรคร่วมรัฐบาล ต้องให้แกนนำไปเจรจาพูดคุยกัน แต่ละพรรคมีผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ ทำหน้าที่ในการประสานกับพรรคร่วมอยู่แล้ว

     แม้นเวลานี้อาจจะเป็นจังหวะเหมาะ เพราะโควต้าเดิมของพรรคพลังประชารัฐ ยังมีอยู่ 2 ตำแหน่ง จากการปรับออกของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พ้นรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ และ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้นจากรัฐมนตรีช่วยแรงงานฯ แถมด้วยศาลสั่งให้กนกวรรณ วิลาวัณย์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยศึกษากรณีรุกป่าเขาใหญ่อีกคน

     วันที่ 5 กันยายน ปปช.ก็นัดส่งฟ้องนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่เบิกจ่ายงบให้กับบริษัทเอกชนที่ชนะการประมูลงานของ อบจ.สงขลา ที่ชนะการประมูลด้วยการ “ฮั้ว” ก็ยังไม่รู้ว่าศาลจะมีคำสั่งอะไรลงมาหรือไม่ เพราะ ปปช.มีคำร้องขอไปด้วยให้ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

      นิพนธ์ยังมีอีกประเด็น คือศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 14 กันยายน กรณีพรรคฝ่ายค้านยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นิพนธ์พ้นจากตำแหน่งเฉพาะตัวหรือไม่ กรณีรัฐมนตรีมหาดไทยสั่งปลดจากตำแหน่งนายกฯอบจ.สงขลา ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่เบิกจ่ายให้บริษัทเอกชนผู้ชนะการประมูลด้วยการ “ฮั้ว”

     พล.อ.ประวิตรก็เป็นผู้ใหญ่พอ มีประสบการณ์มากับหลายรัฐบาลไม่น่าจะทำอะไรผลีผลามตามข้อเสนอของลูกพรรค สส.สมัยเดียว ที่เสนอออกมาจนกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะคล้อยหลังมาเพียงวันเดียว “ชัยชนะ เดชเดโช” สส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาตอบโต้ทันควัน และถึงขั้นจะเสนอให้พรรคถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลด้วยซ้ำ เพราะเป็นการเสนอที่ก้าวล่วงพรรคประชาธิปัตย์

     ข้อสังเกตว่า การที่ พล.อ.ประวิตรไม่ไปนั่งหัวโต๊ะบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เท่ากับยังเป็นการให้เกียรติ์น้องรัก พล.อ.ประยุทธ์อยู่ ถึงแม้นจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังมีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ อันเป็นการสะท้อนมารยาทอันสูงยิ่งของ พล.อ.ประวิตร คงต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดลงมาให้เสด็จน้ำก่อน ถึงจะตัดสินใจทำอะไรลงไป ถ้าทำอะไรลงไปในวันนี้แล้ววันหน้า พล.อ.ประยุทธ์กลับมา จะทำอย่างไร

      เกมการเมืองเหมือนเล่นหมากรุก อย่าคิดชั้นเดียว อย่าคิดการเมืองแบบเด็กๆเพราะนี้คือ “ชาติบ้านเมือง”

เล่าเรื่อง..มุมมอง โลกเปลี่ยน ..คนเปลี่ยน ยุคโลกโซเซียล ใครๆก็เป็นนักข่าวได้..

เล่าเรื่อง..มุมมอง โลกเปลี่ยน ..คนเปลี่ยน ยุคโลกโซเซียล  ใครๆก็เป็นนักข่าวได้..

  ประพันธ์  ฤทธิวงศ์ บรรณาธิการเวปปลายด้ามขวาน@ชายแดนใต้

   ครับ  ในฐานะบรรณาธิการสื่อออนไลน์ปลายด้ามขวาน@ชายแดนใต้ ก็ได้คลุกคลิ อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาตลอด  เพราะเป็นคนใต้ในพื้นที่มาตั้งแต่กำเนิด ได้เข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม   ด้วยการทำงานสื่อมวลชนอิสระ ในพื้นที่ ได้สัมผัส รู้เห็น สถานการณ์จริง  ยุคนี้ โลกเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน  ใครๆก็เป็นนักข่าวได้ 95 เปอร์เซ็นต์ ส่วนมากจะมืมือถือกันทั้งนั้น

          จากสถานการณ์ใน ใน3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  ทำให้ประชาชน ตกเป็นเหยื่อของสือทั้งกระแสหลัก และโซเซียลมีเดีย  ที่จะนำข่าวสารไปสู่สาธารณชน ไม่ไปในทางทิศเดียวกัน  ที่จะนำไปสู่ความไม่เข้าใจ เกิดการขัดแย้งคนในพื้นที่  ซึ่งมีส่วนเป็นอย่างมาก บางสื่อโดยเฉพาะทางโซเชียล มีส่วนในการนำเสนอในเชิงยั่วยุได้ด้วยเช่นกัน เพราะหากมีคนมาคอมเม้นต์ในเชิงรุนแรง ก็เป็นการยั่วยุเพิ่ม  สื่อบางสื่อกลายเป็นสื่อเลือกข้าง มุงเน้นในเชิงเชื้อชาติ มากกว่ากำนำเสนอการอยู่ร่วมกัน

            แต่เมื่อพูดถึง “สื่อ”จะทำให้สถานการณ์ในพื้นที่เกิดความบานปลาย/แย่ลง?ไหม  ก็เป็นได้ทั้งบวกและลบ  มีส่วนเป็นไปได้อีกเช่นกันครับ  หากเป็นสื่อที่เลือกนำเสนอแต่ฝ่ายของตน. ก็จะสร้างความแตกแยก. ไม่เฉพาะแต่สื่อโซเชียล. สื่อกระแสหลักบางช่องก็เสนอเลือกข้าง. โดยเฉพาะนำเสนอในมิติทางการเมือง

            สำหรับทิศทางการทำงานปัจจุบัน สื่อเป็นโรงเรียนของสังคมไปแล้ว ในช่วงการหล่อหลอมเทคโนโลยีที่ทุกคนมีโทรศัพท์ การทำสื่อจึงไม่จำกัดเฉพาะวิชาชีพ ทำให้บทบาทของสื่อมวลชนกำลังเปลี่ยนไป จำเป็นต้องปรับตัวเข้าสู่เทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ เพื่อร่วมมือกันผลิตข่าวสารที่มีคุณภาพ บูรณาการทำงานร่วมกับสื่อมวลชนทุกแขนนง พร้อมกับเป็นนักสื่อสารสร้างสรรค์ที่รับผิดชอบต่อสังคม และเป็นต้นแบบแก่สื่อเยาวชนรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวสู่วงการ ขณะเดียวกันเราจะต้องเป็นแหล่งความรู้เสริมสติปัญญาแก่คนอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะการผลิตเผยแพร่สื่อในโลกออนไลน์

            สื่อมวลชนควรมีวิธีการเสนอข่าวอย่างถูกต้อง รอบด้าน และมีความชัดเจนในข้อมูล รวมทั้งเรื่องการใช้คำในการรายงานข่าวเพื่อลดความรุนแรง และให้เกิดสินติภาพในพื้นที่ชายแดนภาคใต้    จึงอยากเสนอว่า สื่อมวลชนควรมีทิศทางในการรายงานข่าว,หาหลักในการรายงานข่าว และมีความตระหนักถึงความรุนแรงในการรายงานข่าวว่า ซึ่งจะไม่สร้างผลกระทบกับทั้ง 2 ฝ่าย และพร้อมที่จะ เป็นสื่อกลาง การสื่อสารสร้างความเข้าใจกับองค์กรของรัฐกับภาคประชาชน

          พยายามนำเสนอข้อจริงในพื้นที่. ใช้ถ้อยคำที่เป็นมิตรกับผู้อ่าน หรือผู้ที่เสพสื่อ. มีหน้าที่เสนอขอเท็จจริง ไม่ได้แต่งเติมหรือมีอคติกับฝ่ายใด เลยไม่เข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสื่อกลับถูกยัดเยียดให้เป็นผู้ชั่วร้าย และสื่อมีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ทุกๆด้านของภาครัฐ

     

  

    ในการรักษาความใสงบและป้องกันเหตุร้ายรุนแรง ในส่วนนี้คิดว่าหน่วยงานภาครัฐมที่รับผิดชอบโดยตรง ต้องมีมาตรการไม่เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกการสร้างสันติสุข ต้องมีการร่วมมือทั้งสองฝ่าย ซึ่งอำนาจหน้าที่สื่อคงจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ภาพรวมแล้วรัฐเป็นผู้มีอำนาจและกฎหมายที่จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้ครับ ..

                                                                                                                                                                                            5 มีนาคม  2563

                                                                                                                                                                                วันนักข่าว

.

เล่าเรื่องมุมมอง..เป็นโจทย์มีคำถาม?..ท่านขาว ในนามพระธรรมทายาทรุ่นที่ 14 และประธานเครือข่ายพระธรรมทูตอาสา 5 จชต. ร่วมกับสมาพันธ์ไทยพุทธ จชต. โดยศูนย์พัฒนาและส่งเสริมพระพุทธศาสนา จชต. ...กำลังทำและคิดจะทำอะไรต่อไปในอนาคตในพื้นที่ จซต.

เล่าเรื่องมุมมอง..เป็นโจทย์มีคำถาม?..ท่านขาว ในนามพระธรรมทายาทรุ่นที่ 14 และประธานเครือข่ายพระธรรมทูตอาสา 5 จชต. ร่วมกับสมาพันธ์ไทยพุทธ จชต. โดยศูนย์พัฒนาและส่งเสริมพระพุทธศาสนา จชต. ...กำลังทำและคิดจะทำอะไรต่อไปในอนาคตในพื้นที่ จซต.

   ประพันธ์  ฤทธิวงศ์ บก.ศูนย์รวมข่าวสมาพันธ์ไทยพุทธจังหวัดชายแดนภาคใต้

ถามว่าท่านขาว ในนามพระธรรมทายาทรุ่นที่ 14 และประธานเครือข่ายพระธรรมทูตอาสา 5 จชต. ร่วมกับสมาพันธ์ไทยพุทธ จชต. โดยศูนย์พัฒนาและส่งเสริมพระพุทธศาสนา จชต. ...กำลังทำและคิดจะทำอะไรต่อไปในอนาคต

1 ต้องพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อไม่ให้ชาวพุทธย้ายออกจากพื้นที่จชต .

2 ถ้าพยายามแล้วยังไงก็ต้องย้าย ไม่เป็นไรย้ายได้ เนื่องด้วยเหตุความไม่ปลอดภัย แต่พื้นที่ ห้ามขายเด็ดขาด

 3 ชุมชนหรือครอบครัวไหน พี่ย้ายไปแล้วหรือขายพื้นที่ไปแล้ว โดยเฉพาะชุมชนรอบวัด หรือสำนักสงฆ์ ต้องพยายามรื้อฟื้นหรือให้กลับมาอยู่ที่เดิมให้ได้มากที่สุด ถ้าเพิ่มคนได้ยิ่งดี

4 เราต้องระดมทุนเพื่อซื้อที่ดินให้ชาวพุทธหรือให้วัดเพิ่มเติมให้ได้มากที่สุดเพื่อประโยชน์ในการเพิ่มคน และเพิ่มพื้นที่จำนวนชาวพุทธ เพราะถ้าเราเสียคน เท่ากับเสียพื้นที่เราเสียพื้นที่เท่ากับเสียดินแดน

 5 เมื่อเราได้พื้นที่ เตรียมไว้แล้ว ใครยังไม่มีบ้าน เราพยายามสร้างบ้านให้เขาอยู่ หาอาชีพให้เขาทำ เพื่อความมั่นคง ของลูกหลาน ชาวพุทธต่อไปในอนาคต

6 เราต้องมีพระ วัด หรือสำนักสงฆ์ ในชุมชนนั่นๆเพื่อเป็นหัวใจหรือศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธ เพราะอย่าลืมว่าสิ่งที่กำลังเกิดในจชต.เป็นเรื่องของอัตลักษณ์วิถีและวัฒนธรรมรวมถึงศาสนา เราต้องมี ความคิด ที่เป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจที่สูงสุดคือเข้าถึงความเป็นพุทธให้ได้มากที่สุดเราจึงจะอยู่รอดได้

ที่ต้องทำอย่างนี้ มีเหตุผลข้อเดียวก็คือว่าถ้าเราสามารถเพิ่มจำนวนชาวพุทธในพื้นที่ได้ให้มากที่สุด ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้จบลงที

ขอยกตัวอย่างอำเภอแม่ลานในจังหวัดปัตตานีไม่มีทหารมาอยู่เลย ถอนทหารไปหลายปีแล้วแต่ไม่เกิดเหตุการณ์อะไร นั่นก็เพราะว่าจำนวนชาวพุทธและมุสลิมในพื้นที่มีความใกล้เคียงกันประมาณ 60 /40%

ถ้าใครคิดว่าเห็นด้วยกับแนวทางที่ท่านขาวและทีมงาน...กำลังทำอยู่ช่วยสนับสนุนด้วยหรือไม่ก็มาคุยกัน และร่วมวางแผนทำงานร่วมกันได้แล้ว

แต่ถ้าใครคิดว่า น่าจะคนละแนวทาง ก็ไม่เป็นไร ก็ทำไปในแนวทางที่ตัวเองคิด สามารถไปทำอีกกลุ่มนึง ได้อีกเหมือนกัน หรือทำ ตามในแนวทางที่ตัวเองคิดอีกหลายๆกลุ่มก็ยิ่งดี...

บางครั้งเราต้องแยกกันเดินเพื่อร่วมกันตี เหมือนกับสิงโต ไฮยีน่าและฝูงหมาป่าเวลามันล่าเหยื่อ...

หลายอย่างที่เราคิด และกำลังจะทำเราต้อง ขอความร่วมมือและอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่รัฐ ให้มากที่สุดพวกเราชาวพุทธไม่มีหน้าที่ที่จะทะเลาะกับเจ้าหน้าที่รัฐ อันไหนที่เขาทำไม่ได้ในระดับนโยบายก็ไม่เป็นไร เราต้องพยายามหาช่องทาง เพื่อทำให้ความสำเร็จเกิดขึ้นกับชาวพุทธให้มากที่สุดทุกคน ควร ควักหัวใจ ที่เป็นชาวพุทธออกมานั่งคุยกันได้แล้ว

 ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานหรือองค์กรใดก็ตามที ทั้งพระ ชาวบ้านเจ้าหน้าที่รัฐ รวมเรียกว่าพุทธบริษัททั้ง 4 ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมานั่งคุยกัน แล้วลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อความอยู่รอด ของสถาบันพระพุทธศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้

 ...พระครูโฆสิตสุตาภรณ์(ท่านขาว)

ปลื้มปิติ..บก.เวปปลายด้ามขวาน @ ชายแดนใต้ ชีวิต..เวลา..ประสบการณ์ ..จึงมีวันนี้..แห่งความทรงจำ ..ด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ปลื้มปิติ..บก.เวปปลายด้ามขวาน @ ชายแดนใต้  ชีวิต..เวลา..ประสบการณ์ ..จึงมีวันนี้..แห่งความทรงจำ ..ด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

                สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา ณ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้

     ในนาม ผู้มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นในรอบปีของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2560 สาขาสื่อสารมวลชน มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯรับพระราชทาน ใบประกาศเกียรติบัตรและเข็มที่ระลึก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ .ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

                   ขอนำข้อคิดเพื่อแรงบันดาลใจในการทำงาน..ด้วยชีวิต..เวลา..ประสบการณ์

                     บนเส้นทางชีวิตกว่า 20 ปี เริ่มต้นด้วยประโยคทีว่า “ใจรักที่จะทำ” มาแต่วัยเยาว์อายุ20 ปีกว่าๆแต่ก็ไม่เคยเรียนนิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ จากที่ใด เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างจากการทำงานเป็นนักข่าว นักเขียนอิสระ อาศัยรักการอ่านหนังสือทุกประเภทและประสบการณ์ที่ได้ทำข่าวเหตุการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้มาตลอด

                      ปัจจุบัน เวลาเปลี่ยน โลกเปลี่ยน สิ่งที่ท้าทายชีวิตนักข่าวอิสระ การเติบโตของสื่อใหม่จากเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี่ที่ท้าทายสื่อเก่า ในปัจจุบันเทคโนโลยี่สามารถทำให้อาชีพนักข่าวสะดวกขึ้น เพราะหลายๆคนมีสมาร์ทโฟน หรือมือถือ ที่สามารถบันทึกได้ทั้งภาพและเสียง เพราะในบางครั้งเราไม่รู้ว่าจะเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดเหตุการณ์ขึ้นเมื่อไร สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์จริงนั้นและนำเสนอข่าวได้ในทันที

                  

           ครับ..อายุงานไม่เกี่ยวเพราะลงสนามข่าวทุกคนเท่าเทียมกันเสมอกัน ต้องยืนยันจุดยืนจุดแข็งของตนเอง ความน่าเชื่อถือ ความเป็นมืออาชีพในการทำข่าว

                      เมื่อถึงยุคแห่งการเติบโตของสื่อออนไลน์หรือสื่อโซเซียลมีเดีย ในความรู้สึกส่วนตัวการแข่งขันแย่งชิงดีเด่น และในเรื่องผลประโยชน์ที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง จึงมองไปว่า นิยามของข่าวเปลี่ยนไป ข่าวอะไรก็ได้ที่ผู้อ่านสนใจ ผมจึงได้ศึกษาเรียนรู้ลองผิดลองถูกการใช้โปรแกรมต่างๆการแปลงไฟล์ตัดต่อวีดีโอของเทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์ด้วยตนเอง

                        จนกระทั่งมาถึงยุคสื่อออนไลน์ที่ได้แพร่หลายจึงได้สร้างกลุ่มไลน์และเข้าร่วมกลุ่มไลน์เพื่อสร้างเครือข่ายในการส่งข่าวและรับข่าวสารกว่า 100 กลุ่ม สร้างFacebook มีผู้ติดตามกว่า 3,000 คน สร้างบล็อกเกอร์ เพจ Twitter รือเสาะนิวส์ และยูทูปในนามชื่อผม ได้นำเสนอข่าวสารทุกเรื่องราวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากกว่า 600 เรื่อง ปัจจุบันสถิติคนดูกว่า 4 ล้านคน

                           “นักข่าวหนังสือพิมพ์” ที่ดีต้องมีความรับผิดชอบ ด้วยจรรยาบรรณ คุณธรรม จริยธรรม ทางศีลธรรม และมโนธรรมด้วย จะต้องเป็นครูของสังคม ที่พึ่งหลักประกันของสังคมและประชาชน จะต้องให้ความสว่างแก่ผู้อ่าน หน้าที่คือบอกเล่าสาธารณชนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันต่อวัน ยึดสัจธรรมเป็นสรณะ

                       ด้วยระยะเวลาที่ผ่านมา ...เมื่อมาถึงวันนี้ ได้นำความภาคภูมิใจ มีโอกาสรับใช้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อสังคมและประเทศชาติ จะขอยึดมั่นด้วยอุคมการณ์ “สร้างสุข สนุกกับงาน  สร้างต้นทุนทางสังคม ด้วยคุณธรรม จริยธรรม ความศรัทธา นำมาสู่เวปสื่อออนไลน์ หนังสือพิมพ์ Deep  South post  ปลายด้ามขวาน@ชายแดนใต้” ได้มาปีกว่า สถิติยอดวิวปัจจุบันครึ่งล้านกว่า

                        ชีวิตการทำงานของแต่ละคนนั้น เรียกได้ว่าต้องผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านอุปสรรค ผ่านความอดทน พากเพียร พยายามมาไม่น้อย กว่าจะเดินทางถึงเป้าหมายของความสำเร็จในแต่ละขั้น พลังที่เราทุ่มเทลงไปในการทำงานทุกวันนั้น ยอ่มต้องการสะสมประสบการณ์ให้เกิดแรงบันดาลใจใหม่ๆเสมอ เพื่อให้สามารถก้าวต่อไปได้บนเส้นทางสายอาชีพ  และเติบโตเป็นคนทำงานมืออาชีพ ได้อย่างมีความหมายและมีคุณค่าต่อชีวิตเรา

                      ต้นทุน ของเรา อาจมีน้อย แต่เราก็ “สามารถ”ทำให้ต้นทุนด้วยระยะเวลาคือประสบการณ์ ได้แค่ลงมือทำ โชคชะตาไม่ได้เป็นคนกำหนดชีวิตเรา แต่เรา..ต่างหากที่กำหนดชีวิตตัวเอง ที่ต้องพยายามทำทุกอย่างให้มันดี เพราะต้นทุนชีวิตที่เรามีมันต่างกัน

                    บางครั้งก็เป็นเรื่องยากที่เราจะตอบตัวเองได้ว่า เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เมื่อเรายังไม่สามารถเข้าใจชีวิตมากพอที่จะบอกความหมายของมันได้ ..

          

 ครับวันนี้..ผมจึงเป็นวันแห่งความทรงจำ..ขอนำข้อคิดที่แฝงข้อคิดที่ดีๆ..ไม่มีอะไรที่น่าพอใจไปกว่า..ก็ต่อเมื่อเราเดินไปตามเส้นทางนั้นเท่านั้น..และเมื่อถึงเวลานั้นความมุ่งมั่นตั้งใจทำด้วยความมุมานะ แม้จะบางครั้งถึงจะเจออุปสรรคมากมาย ถ้าเรามุมานะ เชื่อมั่นว่าเราทำดีจริง สิ่งที่ได้รับก็จะตามมา รวมถึงวงศ์ตระกูลสู่ครอบครัว

       ด้วยใจ..     ประพันธ์  ฤทธิวงศ์