โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้


วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2566

นิพนธ์ เตือนต้องระวังเรื่องการลงประชามติแบ่งแยกดินแดน จะยิ่งสร้างเงื่อนไขการแก้ปัญหาชายแดนใต้ให้ยากลำบากยิ่งขึ้น

  นิพนธ์ เตือนต้องระวังเรื่องการลงประชามติแบ่งแยกดินแดน จะยิ่งสร้างเงื่อนไขการแก้ปัญหาชายแดนใต้ให้ยากลำบากยิ่งขึ้น



   (10 มิ.ย.66) นายนิพนธ์ บุญญามณี รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กระแสข่าวที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จัดงานเปิดตัว"ขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ (Pelajar Bangsa)" ณ ห้องประชุมศรีวังสา ของคณะรัฐศาสตร์ โดยในงานมีการกล่าวปาฐกถา หัวข้อ "การกำหนดอนาคตตัวเอง (Self

Determination) กับสันติภาพปาตานี" และแถลงการณ์ ของประธานขบวนนักศึกษาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น 


   นายนิพนธ์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้นั้น เป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนปราถนาให้เกิดขึ้นจริง ไม่ว่ารัฐบาลไหนๆที่เข้ามาบริหารประเทศก็ให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ มีคณะกรรมการต่างๆ ทั้งหน่วยราชการ NGO ภาคเอกชน ต่างลงไปทำศึกษา ช่วยเหลือ ครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เพื่อนำไปสู่การลดความรุนแรง เกิดความสงบสุข อีกทั้ง ยังกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญในเรื่องความมั่นคงทางด้านอาหาร เป็นแหล่งผลิตสินค้าฮาลาลเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดโลกมุสลิม ซึ่งที่ผ่านมามีการทุ่มงบประมาณเพื่อเข้าไปจัดการในพื้นที่หลายแสนล้านบาทตลอดระยะเวลา 20 ปี แต่ก็ยังไม่สามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม 


    นายนิพนธ์ ยังกล่าวต่อว่า โดยข้อเสนอที่พยายามขับเคลื่อนมาโดยตลอดเพื่อการแก้ไขปัญหาฯนั้น ต้องน้อมนำแนวทางพระราชทาน”เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เพื่อสร้างความร่วมมือและรับรู้ร่วมกันทำให้ปัญหาที่หลายฝ่ายเรียกร้องได้ถูกแก้ไขได้อย่างยั่งยืน รวมถึงการเดินตามยุทธศาสตร์ “สันติภาพสู่สันติสุข” คือ การทำให้เกิดสันติภาพ ยุติความขัดแย้ง เพื่อนำไปสู่สันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

ซึ่งต้องสนับสนุนให้มีการพูดคุยกับกลุ่มต่างๆที่มีความเห็นที่ต่างกันอยู่ในพื้นที่ ทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายสร้างการมีส่วนร่วมในทุกมิติที่มีผลกระทบต่อคนในพื้นที่ ซึ่งถ้าหากไม่สามารถแก้เรื่องความเห็นต่างหรือแก้เรื่องความขัดแย้งไม่ได้ก็ยากที่จะนำสันติสุขมาสู่ชายแดนใต้ ซึ่งตนสนับสนุนการพูดคุยกับทุกกลุ่มและเคยเดินทางไปพบปะพูดคุยกับระดับผู้นำของบางกลุ่มมาแล้ว

 ทั้งนี้ ตามที่เป็นข่าวในเรื่องของกลุ่มขบวนนักศึกษาแห่งชาติ ที่ได้เปิดหัวข้อพูดคุย เรื่องการกำหนดอนาคตตัวเอง (Self Determination) กับสันติภาพปาตานี นั้น ถือเป็นประเด็นที่อ่อนไหว ละเอียดอ่อนและส่อขัดต่อรัฐธรรมนูญ และการเคลื่อนไหวเพื่อลงประชามติแบ่งแยกดินแดนดังกล่าวเป็นมุมมองที่ยึดรูปแบบของโครงสร้างเพียงอย่างเดียว คือ ต้องเป็นรูปแบบปกครองตนเองเป็นรัฐอิสระเท่านั้นจึงจะแก้ปัญหาได้ ในส่วนนี้เห็นว่าไม่ถูกต้อง เพราะขาดความเชื่อมโยงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและตรงกันจากประชาชนกลุ่มต่างๆในพื้นที่ 

ซึ่งมีความแตกต่างด้วยความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม และเมื่อปรากฏเป็นข่าวในบรรดาผู้ร่วมเวทีก็ต่างออกมาปฏิเสธ  และเกิดการต่อต้านจากคนในพื้นที่ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการขาดความพร้อมเพื่อสื่อสารเรื่องดังกล่าวให้เกิดการรับรู้กับคนในพื้นที่และสาธารณะ โดยหลังจากนี้อาจจะนำไปสู่ความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น ของกลุ่มสนับสนุนที่ต้องแสดงออกว่ามีเพียงการแบ่งแยกเท่านั้นจึงจะยุติปัญหาได้ ขณะเดียวกัน การใช้ชีวิตของผู้คนในพื้นที่จะเกิดความหวาดระแวงกันมากขึ้น ขาดความไว้เนื้อเชื่อใจกันของประชาชนกลุ่มต่างๆ จนอาจทำให้แก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ที่มียาวนานนั้น ยิ่งแก้ไขได้ยากลำบากมากยิ่งขึ้นไปอีก


///

" โรงเรียนบ้านท่ามะขามสวนผึ้ง ราชบุรี โรงเรียนสุดชายแดนภาคตะวันตกให้นักเรียนชาวไทยเชื้อสายกระเหรี่ยง นับถือศาสนาทุกศาสนา กล่าวคำระลึกชาติ เพื่อให้นักเรียนทุกคนเกิดความภาคภูมิใจในความเป็นชาติหน้าเสาธงชาติก่อนเคารพธงชาติตอนเช้าทุกวันเพื่อแสดงความจงรักภักดี เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และรักแผ่นดินบ้านเกิด "


  " โรงเรียนบ้านท่ามะขามสวนผึ้ง ราชบุรี โรงเรียนสุดชายแดนภาคตะวันตกให้นักเรียนชาวไทยเชื้อสายกระเหรี่ยง นับถือศาสนาทุกศาสนา  กล่าวคำระลึกชาติ เพื่อให้นักเรียนทุกคนเกิดความภาคภูมิใจในความเป็นชาติหน้าเสาธงชาติก่อนเคารพธงชาติตอนเช้าทุกวันเพื่อแสดงความจงรักภักดี เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และรักแผ่นดินบ้านเกิด "





 รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 13.55 น. - 14.00 น. ( กดหมายเลข 5 )


  " โรงเรียนบ้านท่ามะขามสวนผึ้ง ราชบุรี โรงเรียนสุดชายแดนภาคตะวันตกให้นักเรียนชาวไทยเชื้อสายกระเหรี่ยง นับถือศาสนาทุกศาสนา  กล่าวคำระลึกชาติ เพื่อให้นักเรียนทุกคนเกิดความภาคภูมิใจในความเป็นชาติหน้าเสาธงชาติก่อนเคารพธงชาติตอนเช้าทุกวันเพื่อแสดงความจงรักภักดี เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และรักแผ่นดินบ้านเกิด "

   คำกล่าว " ระลึกชาติ "

ของโรงเรียนบ้านท่ามะขาม สวนผึ้ง ราชบุรี   ลูกๆนักเรียนที่รัก สัตว์ทุกชนิดมีชีวิตเป็นที่รักยิ่ง ไม่มีสิ่งอื่นใดเป็นที่รักมากไปกว่าชีวิต แต่ธงไตรรงค์ที่ปรากฏเฉพาะหน้าของพวกเราอยู่ขณะนี้เป็นสัญลักษณ์ของความรัก  ความเสียสละ อันยิ่งใหญ่ที่บรรพบุรุษไทย มอบไว้ให้แก่พวกเรา คือ ชาติ ชาติไทยนั้นบรรพบุรุษของเรารักษาไว้ด้วยเลือด เนื้อ น้ำตา และชีวิต พื้นแผ่นดินที่รองรับเท้าทั้งสองของเราอยู่ขณะนี้ เป็นพื้นปฐพีที่เคยชุ่มโชกไปด้วยเลือด เนื้อและน้ำตาของท่าน แผ่นดินไทยจึงเป็นสัญลักษณ์ของความรักอันยิ่งใหญ่กว่าชีวิต ที่บรรพบุรุษมอบไว้ให้แก่พวกเรา พวกเราควรสำรวมใจยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช ความรัก และความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษไทยเรา " 




    รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ขอนำเสนอเรื่องราวแพร่ภาพออกรายการคืนคุณให้แผ่นดินครั้งแรก ออกสู่สายตาพี่น้องประชาชนทุกครัวเรือน ของโรงเรียนบ้านท่ามะขาม สวนผึ้ง ราชบุรี โรงเรียนบ้านท่ามะขามตั้งอยู่สุดชายแดนภาคตะวันตก การดูแลพื้นที่ความสงบสุขและปลอดภัยให้พี่น้องประชาชนที่อาศัยตามแนวชายแดนโดยหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ กองกำลังสุรสีห์ ทุกวันช่วงเช้า ก่อนเคารพธงชาตินักเรียนทุกคนจะกล่าวคำระลึกชาติทุกวัน ท่าน อาภรณ์ทิพย์ เอื้อประเสริฐ  ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่ามะขามจะบอกกล่าวหน้าเสาธงชาติทุกวันให้น้องๆทุกคนรักแผ่นดินบ้านเกิดและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และคุณครูโรงเรียนบ้านท่ามะขาม สวนผึ้ง ราชบุรี จะสอนประวัติศาสตร์ชาติไทยให้น้องๆนักเรียนทุกชั้นเรียนให้รับทราบประวัติความเป็นมาประวัติศาสตร์ชาติไทยและบรรพบุรุษไทย  "


   รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ค้นหาคำตอบมาให้ผู้ชมทางบ้านทุกครัวเรือนและแพร่ภาพออกอากาศเดือนมิถุนายน ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 13.55 น. - 14.00 น. จ่าเอก อภิคม แก้วละเอียด , ร้อยตรี สหรัฐ เตชานุบาล พิธีกรดำเนินรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก


CR: ศิริพร จงศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ผลิตรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก

โรงเรียนตาดีกา 186 โรงใน นราธิวาส ร่วมเดินขบวนพาเหรดเผยแพร่ประเพณี-วัฒธรรม จชต. ด้าน เลขาฯ ศอ.บต. เผย รัฐบาลพร้อมส่งเสริมวีถี ตามอัตลักษณ์ บนพื้นฐานของสังคม พหุวัฒนธรรม(ชมคลิป)


โรงเรียนตาดีกา  186 โรงใน นราธิวาส ร่วมเดินขบวนพาเหรดเผยแพร่ประเพณี-วัฒธรรม จชต. ด้าน เลขาฯ ศอ.บต. เผย รัฐบาลพร้อมส่งเสริมวีถี ตามอัตลักษณ์ บนพื้นฐานของสังคม พหุวัฒนธรรม(ชมคลิป)  

 ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส





วันนี้ (10 มิถุนายน 2566) 168 โรงเรียนตาดีกา จาก 19 ตำบล ร่วมเดินขบวนพาเหรดเผยแพร่อัตลักษณ์ ประเพณี วัฒนธรรมในพื้นที่ผ่านกิจกรรมตาดีกาสัมพันธ์ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ในโครงการรวมพลังมวลชน กิจกรรมรวมพลังตาดีกากีฬานาวี ณ ค่ายจุฬาภรณ์ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส 







โดยมีพลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานเปิดกิจกรรม และมีนาวาเอก พงษ์ศักดิ์ ทองไสย ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ และผู้บังคับหน่วยนาวิกโยธินภาคใต้ รองผู้ว่าราชการจ.นราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำศาสนา และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกว่า 2,000 คน 




เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า สีสัน การแต่งกายหลากหลาย ธงชาติไทย พระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่มีอยู่ในทุกขบวน เชื่อว่าเป็นความสุขที่ทุกคนได้ร่วมกันเผยแพร่วัฒนธรรมและความเป็นคนไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีความพิเศษในเรื่องภาษา การแต่งกาย และประเพณีวัฒนธรรม สีสันดังกล่าวบ่งบอกว่า กิจกรรมวันนี้มิใช่เพียงกีฬาตาดีกาสัมพันธ์ แต่เป็นกิจกรรมของครอบครัวพี่น้องชาวนราธิวาส ทุกคนมาร่วมสร้างบรรยากาศของความเป็นพหุวัฒนธรรมที่สวยงามสู่สายตาคนในประเทศ สำหรับ รัฐบาล ศอ.บต.





 และหน่วยงานทุกหน่วยพยายามหนุนวีถีชีวิต ตามความเชื่ออัตลักษณ์และประเพณีในพื้นที่ โดยเฉพาะโรงเรียนตาดีกา เพราะเข้าใจดีว่า ตาดีกาคือวิถีชีวิต เป็นโรงเรียนสอนศาสนาของเยาวชน ขัดเกลาให้เป็นคนดี ตามแบบฉบับของศาสนา เพราะวีถีของคนชายแดนใต้ยึดโยงกับศาสนา ตั้งแต่เกิดจนถึงหลุมฝังศพ ทั้งนี้ในนามรัฐบาล พร้อมหนุนเสริมพหุวัฒนธรรมในพื้นที่ อาทิ อนุมัติโครงการอาหารกลางวันตาดีกาและโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เพื่อให้นักเรียนมีอาหารกลางวันได้รับประทานในช่วงพักกลางวัน สามารถเรียนรู้ศาสนาอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังหนุนเสริมค่าตอบแทนของครูผู้สอน เพื่อให้มีรายได้ ยกระดับการเรียนการสอนในโรงเรียนให้มีคุณภาพ 









สำหรับกิจกรรม ตาดีกาสัมพันธ์ จัดขึ้นเพื่อให้เด็ก และเยาวชนมีโอกาสเล่นกีฬา พัฒนาทักษะด้านกีฬาพื้นบ้าน ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลยาเสพติด สร้างความรัก ความสามัคคี การมีน้ำใจเป็นนักกีฬา แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยจัดการแข่งขัน จำนวน ๓ ชนิด ประกอบด้วย กีฬาฟุตบอล กีฬาปันจักสีลัตและกีฬายิงธนูโบราณ พร้อมกับการประกวดขบวนพาเหรด

กกต.ตั้งธงหนัก หยิบ ม.151 เล่นงาน “พิธา” มีโทษทั้งจำคุก-ตัดสิทธิ์ 20 ปี By ; นายหัวไทร

 กกต.ตั้งธงหนัก หยิบ ม.151 เล่นงาน “พิธา” มีโทษทั้งจำคุก-ตัดสิทธิ์ 20 ปี 

By ; นายหัวไทร



กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ 6 เสียง ไม่รับ 3 คำร้องที่ร้องเรียน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และคาดิเดตนายกรัฐมนตรี มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการสมัครรับเลือกตั้งส.ส. กรณีถือหุ้น บริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น ทำให้บางคนรู้สึกโล่งอก มีช่องทางเดินไปได้


ยัง….ยังไม่จบ กกต.ยังไม่ได้วินิจฉัยว่า การถือหุ้นไอทีวีของพิธาถูกหรือผิด ขาดคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ เพียงแต่ผู้ยื่นให้ตรวจสอบ ยื่นหลังจากเลยเวลาตรวจสอบมาแล้วเท่านั้นเอง ง่ายๆคือเลยเวลาแล้ว


แต่กกต.ได้หยิบเอาประเด็นจาก 3 คำร้องมาสั่งตั้ง “คณะกรรมการสืบสวนไต่สวน” ลุยสอบเอง ในประเด็นการฝ่าฝืนมาตรา 42 (3) และมาตรา 151 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ต่อไป


กกต.ใช้คำว่า “สืบสวนไต่สวน” น่าสนใจกับการตั้งกรรมการชุดนี้แสดงว่า มีอำนาจทั้งสืบสวน และไต่สวนด้วย


ดูเหมือนจะหนักกว่าเดิม ถ้าผิดโทษจะหนักกว่าด้วยซ้ำ

โดยเฉพาะคดีอาญา ถ้านายพิธารู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งเพราะมีลักษณะต้องห้าม แต่ยังฝืนลงสมัครเลือกตั้ง และอนุญาติให้พรรคการเมืองส่งลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่


ซึ่งในกรณีนี้นายสิระ เจนจาคะ อดีตส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เคยเจอมาก่อนแล้ว 

เมื่อถูก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ขุดอดีตขึ้นมาร้อง อดีตที่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกฐานฉ้อโกง โดยศาลแขวงปทุมวัน สั่งจำคุกนายสิระ ในคดีหมายเลขดำที่ 812/2538 คดีแดง หมายเลขที่ 2218/2538 อันเป็นผู้มีคุณสมบัติต้องห้ามของคนเป็นส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10)


พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ในฐานะอดีต ผบ.ตร.นำมติ 7 ต่อ 2 เสียงที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ในคดีดังกล่าว ไปร้องต่อกกต.เป็นดาบสอง มาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.เช่นเดียวกับกรณีนายพิธาและกกต.ก็มีมติแจ้งความเอาผิด


ทั้งนี้ ตามมาตรา 151 ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่กกต. ตั้งกรรมการสอบสืบสวนไต่สวนมีเนื้อหาว่า


“ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะ ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกำหนด 20 ปี”


“ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้นั้นคืนเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดำรงตำแหน่งดังกล่าวให้แก่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย” 


กล่าวสำหรับนายพิธาหากถูกชี้ตามมาตรานี้ นายพิธาจะมีโทษจำคุกสูงสุด 1-10 ปี ถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี และยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องคืน “เงินเดือน-ค่าตอบแทนอื่นๆ” จากการเป็นส.ส.ทุกบาท ทุกสตางค์อีกด้วย


วิบากกรรมของพิธาบนเส้นทางก้าวเดินสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมันยากยิ่งกับสิ่งที่ก่อไว้แล้วไม่ได้แก้ให้จบสิ้นก่อนกระโดดเข้าสู่เวทีการเมือง รู้ทั้งรู้ว่า เมื่อยืนอยู่บนเวทีการเมือง ประวัติทุกเม็ดจะต้องถูกขุดคุ้ย ไส้ทุกขดจะถูกลากออกมากองให้สังคมได้ตรวจสอบ


ที่เห็นๆว่าถูกขุดคุ้ย ตั้งแต่ปัญหาในครอบครัวแตกแยกเลิกรากับภรรยา ถือหุ้นสื่อ ค้ำประกันเงินกู้ และขาดคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.


ลำบากแท้นะ “พิธา”เสียงมหาชน 14 ล้านเสียงอาจจะช่วยไม่ได้ เมื่อทำผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายต้องบังคับใช้โดยเสมอภาค เท่าเทียมกัน

 #นายหัวไทร

วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2566

" รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ลงพื้นที่ชายแดนภาคตะวันตก ห่วงใยทหารชายแดนที่ปฎิบัติหน้าตามแนวชายแดนปกป้องอธิปไตยและดูแลพี่น้องประชาชนที่ตั้งถิ่นฐานตามแนวชายแดน


 " รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ลงพื้นที่ชายแดนภาคตะวันตก ห่วงใยทหารชายแดนที่ปฎิบัติหน้าตามแนวชายแดนปกป้องอธิปไตยและดูแลพี่น้องประชาชนที่ตั้งถิ่นฐานตามแนวชายแดน




 รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 13.55 น. - 14.00 น. ( กดหมายเลข 5 )


   " รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ลงพื้นที่ชายแดนภาคตะวันตก ห่วงใยทหารชายแดนที่ปฎิบัติหน้าตามแนวชายแดนปกป้องอธิปไตยและดูแลพี่น้องประชาชนที่ตั้งถิ่นฐานตามแนวชายแดนมีความปลอดภัยและสงบสุขได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคมอบให้ หน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ กองกำลังสุรสีห์ ตำบลตะนาวศรี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี "


     ศิริพร จงศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ผลิตรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก และอมรรัตน์ เครือสวัสดิ์ช่างภาพรายการคืนคุณให้แผ่นดิน พร้อมบริษัท จินหมิง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ( น้ำดื่ม ) และผู้ใหญ่ใจดีปิดทองหลังองค์พระปฎิมา ห่วงใยทหารชายแดนที่ปฎิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนภาคตะวันตก พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค มอบให้ท่าน 

พันเอก สรายุทธ ศรลัมพ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ / รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 19 กองกำลังสุรสีห์  ณ หน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ กองกำลังสุรสีห์


CR: รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก

พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมคณะ ลงพื้นที่อำเภอรือเสาะ มอบถุงยังชีพเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ พระสงฆ์ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิด ขณะออกบิณฑบาต พร้อมพบปะประชาชนไทยพุทธ-มุสลิม (มีคลิป)

พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมคณะ ลงพื้นที่อำเภอรือเสาะ   มอบถุงยังชีพเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ พระสงฆ์ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิด ขณะออกบิณฑบาต   พร้อมพบปะประชาชนไทยพุทธ-มุสลิม (มีคลิป) 







                                     (ชมคลิปแม่ทัพภาค 4 กล่าวพบปะ สร้างขวัญกำลังใจ)


(ชมคลิปพระสงฆ์ เล่านาทีระทึก!รถตู้ส่งพระบิณฑบาต โดนระเบิด)

             ประพันธ์  ฤทธิวงศ์ บก.ปลายด้ามขวาน@ชายแดนใต้/ภาพข่าว/รายงาน



 เมื่อ วันที่ 7 มิถุนายน 2566 เวลา 10.00 น.ที่วัดไพโรจน์ประชาราม อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมคณะ  ได้พบปะ และมอบถุงยังชีพเพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่พี่น้องชาวไทยพุทธยังวัดไพโรจน์ประชาราม ตำบลรือเสาะออก อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจพระสงฆ์ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีพี่น้องชาวไทยมุสลิม และผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่มาร่วมให้กำลังใจพระสงฆ์ และพี่น้องชาวไทยพุทธในพื้นที่ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการปลอบขวัญให้กำลังใจระหว่างประชาชนกันเอง

     โดยมี นายณัฎฐ์กร บุญโรภาคย์ นายอำเภอรือเสาะ  พันเอก ก่อเกียรติ เข็มแดง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พันเอก สิทธิชัย บำรุงเขต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 นายวิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม นายกเทศมนตรีตำบลรือเสาะ  กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำศาสนา และประชาชนในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ


     จากกรณีเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดรถตู้ขณะเดินทางนิมนต์พระสงฆ์เพื่อบิณฑบาต เหตุเกิดที่บริเวณปากซอยเจริญราษฎร์ 2 หมู่ที่ 2 ตำบลรือเสาะออก อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เหตุเกิดเช้าวันที่ 2 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดรักษาความปลอดภัยพระสงฆ์ สังกัด กองร้อยทหารพรานที่ 4603 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 และพระสงฆ์ จำนวน 3 รูป ได้รับบาดเจ็บ  ประกอบด้วย พระ ฉันท์ แสนศิลา (ฉันทโก) อายุ 62 ปี, พระ อำนวย เข็มศิริ (วรปัญโญ) อายุ 72 ปี และพระ ดี ทองอยู่ (ปัญญาธโร) อายุ 70 ปี และ อาสาสมัครทหารพราน ศรีสุวรรณ์ ก๋าจุม และอาสาสมัครทหารพราน ไชยชิต นามเขตต์ ซึ่งขณะนี้อาการปลอดภัย และดีขึ้นตามลำดับ






    ทั้งนี้แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กล่าวขอบคุณแทนพี่น้องชาวไทยพุทธในพื้นที่ “ขอบคุณพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่ให้ความช่วยเหลือดูแลให้กำลังใจกันไม่ทอดทิ้งกัน ซึ่งได้เห็นถึงความรักความสามัคคี และการอยู่รวมกันระหว่างไทยพุทธไทยมุสลิมที่ยังคงรักช่วยเหลือกันอย่างแน่นแฟ้น และให้คงอยู่ความเป็นพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็งแบบนี้ไว้ ในนามในหน่วยงานภาครัฐ











     พร้อมให้การช่วยเหลือ ดูแล และจะเคียงข้างประชาชน มาให้กำลังใจขอให้ประชาชนมีขวัญกำลังใจที่เข้มแข็ง พร้อมให้การช่วยเหลือกันไม่ทอดทิ้งกัน จะดูแลพื้นที่วัด ดูแลมัสยิด จะดูแล ประชาชนทั้งไทยพุทธและมุสลิมให้เกิดความปลอดภัยขอให้มั่นใจ เจ้าหน้าที่พร้อมจะดูแล และปกป้องพื้นที่และประชาชนให้ปลอดภัย