โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2566

พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.กระทรวงยุติธรรมเปิดประชุม ต้อนรับคณะ “รัฐมนตรีไทย-ลาว” จับมือล้างบางยาเสพติด บ้านพี่เมืองน้องเผชิญ “นักโทษคดียาล้นคุก”

 พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง  รมว.กระทรวงยุติธรรมเปิดประชุม  ต้อนรับคณะ “รัฐมนตรีไทย-ลาว” จับมือล้างบางยาเสพติด บ้านพี่เมืองน้องเผชิญ “นักโทษคดียาล้นคุก”   


ประพันธ์  ฤทธิวงศ์ บก.เดลิมิเร่อร์@ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

 


พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ต้อนรับคณะ “รัฐมนตรีไทย-ลาว” จับมือล้างบางยาเสพติด ย้ำเป็นปัญหานานาชาติ บ้านพี่เมืองน้องเผชิญสถานการณ์ “นักโทษคดียาล้นคุก” หวังผลักดันเป็น “วาระแห่งชาติ” ร่วมกัน หยุดยานรกทำลายอธิปไตย

 









ช่วงค่ำของวันอาทิตย์ที่ 24 ก.ย.66 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ให้การต้อนรับ พลตรี คำกิ่ง ผุยหล้ามะนีวง รองรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบ และหัวหน้ากรมใหญ่ตำรวจ, พลจัตวา สมหมาย พมมะจัน หัวหน้ากองบัญชาการป้องกันความสงบ แขวงสะหวันนะเขต, พันเอก อินปง จันทะวงสา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อตรวจตราและควบคุมยาเสพติด, พันเอก สาลี พุดทะวงหัวหน้ากรมตำรวจสกัดกั้นและต้านยาเสพติด พร้อมคณะที่รับผิดชอบงานส่วนที่เกี่ยวข้อง รวม 15 ท่านที่ได้เดินทางมาร่วมการประชุมทวิภาคีไทย-ลาว เรื่อง “ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 19”

การประชุมมีขึ้นระหว่างวันอาทิตย์ที่ 24 ก.ย. ถึงวันจันทร์ที่ 25 ก.ย. ที่ โซฟิเทล กระบี่ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท

โดยมี นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และข้าราชการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ 

พ.ต.อ.ทวี กล่าวระหว่างการต้อนรับคณะจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ตอนหนึ่งว่า ยาเสพติดเป็นปัญหาของคนทั้งโลก เพราะว่าเป็นเรื่องของการทำลายความเป็นมนุษย์ เป็นเรื่องที่ทำให้คุณภาพของคนในประเทศแต่ละประเทศนั้นต้องเสื่อมสภาพเพราะติดยาเสพติด

 

ความร่วมมือครั้งนี้ เมื่อเป็นปัญหาของคนทั้งโลก หรือเป็นปัญหาของนานาชาติ การจะแก้ปัญหายาเสพติดจึงไม่มีประเทศใดประเทศหนึ่งแก้สำเร็จได้เพียงลำพัง จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือ โดยเฉพาะเมื่อผู้ผลิตหรือผู้ค้ายาเสพติดมีมูลค่าหรือกำไรในการค้าสูง จึงทำให้ผู้ค้ายาเสพติดพัฒนาวิธีการขนส่งและจำหน่าย

 บ้านพี่เมืองน้องเผชิญ “นักโทษคดียาล้นคุก”




จากการติดตามปัญหาของแต่ละประเทศ พบว่ามีความจำเป็นจะต้องมีความร่วมมือระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยกับประเทศลาว จากข้อมูลที่ได้รับรายงาน และได้พูดคุยกับ พลตรี คำกิ่ง ท่านบอกว่าในเรือนจำของประเทศลาวมีนักโทษยาเสพติดถึง 90 เปอร์เซ็นต์ เหมือนกับเรือนจำของประเทศไทย ซึ่งมีนักโทษยาเสพติด 85 เปอร์เซ็นต์ นี่คือสถานการณ์ที่ทั้งสองประเทศจะต้องเผชิญเหมือนกัน

วันนี้การพบปะหารือ และการประชุมทวิภาคีระดับรัฐมนตรีไทย-ลาว ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาและการจัดการยาเสพติดจึงเป็นวาระที่มีความสำคัญ   




ทั้งนี้ ประเทศไทยได้จัดลำดับเรื่องยาเสพติดเป็น “วาระของชาติ” ที่ต้องเร่งแก้ไข ซึ่งก็ทราบว่าประเทศลาวก็อยากจะทำเป็นวาระแห่งชาติ ดังนั้นการประชุมที่จะเกิดขึ้น ถือว่าเป็นที่คาดหวังของทั้งสองประเทศว่าปัญหายาเสพติดที่ประสบ เป็นปัญหาอันดับต้นๆ ที่เกิดกับเยาวชน เกิดกับคนในประเทศ




 และเชื่อมั่นว่าหลังจากประชุมจะความจริงใจและความร่วมมือที่ดีกับการแก้ไขปัญหา แม้จะมีอาณาเขตอธิปไตยของแต่ละประเทศก็ตาม แต่ในเรื่องยาเสพติด มันได้ทำลายอธิปไตยทั้งสองประเทศ ความร่วมมือที่ใกล้ชิดจะสามารถนำพาการแก้ปัญหาได้

ด่วน! ค้นบ้าน ‘บิ๊กโจ๊ก’ พบมีเส้นทางการเงินเอี่ยวเว็บไซต์พนันออนไลน์

 ด่วน! ค้นบ้าน ‘บิ๊กโจ๊ก’ พบมีเส้นทางการเงินเอี่ยวเว็บไซต์พนันออนไลน์

ตำรวจไชเบอร์บุกค้นบ้าน บิ๊กโจ๊ก หลังพบมีเส้นทางการเงินเอี่ยวเว็ปไซต์พนันออนไลน์ ล่าสุดยังไม่ให้ค้นบ้าน  กำลังเจรจาขอเข้าตรวจ

  ตำรวจไซเบอรื  พร้อมหน่วยคอมมานโด นำหมายค้เข้าตรวจสอบบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก รอง ผบ.ตร.และบ้านที่ซื้อไว้ ให้ลูกน้องพักรวม 5 หลัง ภายในหมู่บ้านในซอยวิภาวดี 60 หลังสโมสรตำรวจ  หลังพบมีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ 

    เบื้องต้น รอง ผบ.ตร.อยู่ในบ้านพัก  และปฎิเสธการเข้าตรวจค้น ขณะนี้กำลังรอให้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.ร่วมเข้าเจรจาขอตรวจค้น

 หากมีความคืบหน้า เดลิมิเร่อร์ออนไลน์@ปลายด้ามขวานชายแดนใต้/รายงาน

พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตรวจเยี่ยมสถานฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติดปอเนาะ เกาะศรีบอยา จังหวัดกระบี่พร้อมรับฟังถึงปัญหาอุปสรรคสิ่งที่ต้องการสนับสนุนจากภาครัฐ รวมถึงให้กำลังใจ ผู้ป่วยยาเสพติดที่เข้ารับการรักษาฟื้นฟู (ชมคลิป)

 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตรวจเยี่ยมสถานฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติดปอเนาะ เกาะศรีบอยา จังหวัดกระบี่ (ชมคลิป)  




เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2566 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดปอเนาะเกาะศรีบอยาจังหวัดกระบี่ พร้อมรับฟังถึงปัญหาอุปสรรคสิ่งที่ต้องการสนับสนุนจากภาครัฐ รวมถึงให้กำลังใจ ผู้ป่วยยาเสพติดที่เข้ารับการรักษาฟื้นฟู



การตรวจเยี่ยมในครั้งนี้เป็นแนวทางของ ภาครัฐในการขับเคลื่อนแนวคิดผู้เสพเป็นผู้ป่วย ที่ต้องได้รับการรักษา แทนการลงโทษทางอาญาให้กลับมาเป็นพลังของสังคมโดยต้องดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อให้เห็นผลในทันที


โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้รับฟังการบรรยายจาก นายนายอิดริส บุหงารัตน์ ผู้อำนวยการ สถานฟื้นฟูสมรรถภาพปอเนาะเกาะศรีบอยา ซึ่งได้รายงานถึงสถานฟื้นฟูสมรรถภาพปอเนาะเกาะศรีบอยา ซึ่งบริหารโดย มูลนิธิคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยเพื่อการศึกษาและเด็กกำพร้า และได้รับการอนุญาตจากสถาบันบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565 ปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยฟื้นฟูซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 327 คน โดยศูนย์ฟื้นฟูปอเนาะเกาะศรีบอยา ใช้แนวทางศาสนาในการช่วยบำบัดขัดเกลาผู้ป่วยให้มีการเปลี่ยนพฤติกรรมเปลี่ยนแนวคิดไม่กลับไปสู่วงจรยาเสพติดซ้ำรวมถึงการพูดคุยกับครอบครัวผู้ป่วยให้มีส่วนช่วยในการเปลี่ยนพฤติกรรม

 

ระหว่างการตรวจเยี่ยม พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ให้กำลังใจกับผู้ป่วยที่เข้ารับการฟื้นฟู และได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติดซึ่งไม่ใช่คนร้ายแต่เป็นผู้ป่วยซึ่งการรักษาภาครัฐจะต้องดำเนินงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ทั้งกับหน่วยงานภาครัฐด้วยกันเองรวมถึงชุมชนครอบครัว อย่างเป็นระบบ และต่อเนื่อง ในการติดตามผู้ผ่านการรักษาเป็นระยะ เพื่อไม่ให้เกิดวงจรการกลับไปเสพซ้ำ

 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังได้กล่าวถึง แนวคิดผู้เสพคือผู้ป่วยซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยจากการติดยาเสพติด หากสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษาสามารถทำได้โดยไม่เสียประวัติและไม่ถูกลงโทษทางอาญา ซึ่งหากผู้ต้องการเข้ารับการบำบัดรักษาสามารถโทรสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 1386 นอกจากนั้นครอบครัวหรือผู้ใกล้ชิดของผู้ป่วยก็สามารถมีบทบาทในการช่วยสังเกตการณ์และเฝ้าระวังสมาชิกในครอบครัวที่อาจจะมีสัญญาณ มีพฤติกรรมหรือความคิดที่เปลี่ยนแปลง ไม่สามารถควบคุมตนเอง และแจ้งหรือสอบถามข้อมูลเพื่อสามารถนำสมาชิกในครอบครัว หรือคนใกล้ชิดเข้ารับการรักษาได้เช่นกัน




ประพันธ์  ฤทธิวงศ์ บรรณาธิการเดลิมิเร่อร์ออนไลน์ปลายด้ามขวานชายแดนใต้/รายงาน

 

-----

วันเสาร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2566

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สิน-แนะนำช่องทางช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ

 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สิน-แนะนำช่องทางช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ(ชมคลิป) 

.   


พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมรับฟังการไกล่เกลี่ยคดีลูกหนี้ กยศ.







(วันที่ 23 กันยายน 2566) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ห้องสัตตบงกช อาคาร 1 ชั้น 3 มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต ว่า เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ผ่านมา พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “เผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย และมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สิน” จัดโดย ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี (มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ) ร่วมกับ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนันต์ ธรรมชาลัย คณบดีคณะรัฐศาสตร์ และประธานศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ เป็นผู้กล่าวรายงาน มีบุคลากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ประชาชน นักศึกษา และสื่อมวลชนร่วมกิจกรรมกว่า  1,000 คน


พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า กระทรวงยุติธรรม มีพันธกิจ ให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี (มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ) ให้บริการแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ในจังหวัดปทุมธานี ตลอดจนพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งได้ดำเนินการเชิงรุก ร่วมกับมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ ผ่านการจัดฝึกอบรมหลักสูตร “การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 จำนวนรวม 4 รุ่น ซึ่งมีผู้ผ่านการอบรมไม่น้อยกว่า 200 คน รวมทั้งกิจกรรมต่าง ๆ ในการช่วยเหลือสังคมและชุมชน


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เป็นประธานการมอบป้ายศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ที่ได้ดำเนินการเปิดใหม่ และตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี รวมจำนวน 11 ศูนย์ไกล่เกลี่ยฯ” และเดินชมการจัดแสดงนิทรรศการ การเผยแพร่ความรู้ และเยี่ยมชมห้องสำหรับการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องและหลังฟ้องดำเนินคดี เพื่อช่วยเหลือพี่น้องและประชาชนในงานอีกด้วย



  ทั้งนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังได้ร่วมรับฟังการไกล่เกลี่ยคดีลูกหนี้ กยศ. ด้วย โดย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ได้ให้คำแนะนำแก่ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนถึงช่องทางการช่วยเหลือประชาชนผ่านกระทรวงยุติธรรม

รองแม่ทัพภาคที่ 4 เยี่ยมให้กำลังใจนักข่าวปัตตานี ชี้“ สื่อทำหน้าที่ต่างบทบาท แต่เป้าหมายเดียวกัน คือ การสร้างความสงบสุขให้ประชาชน

 รองแม่ทัพภาคที่ 4 เยี่ยมให้กำลังใจนักข่าวปัตตานี  ชี้“ สื่อทำหน้าที่ต่างบทบาท แต่เป้าหมายเดียวกัน คือ การสร้างความสงบสุขให้ประชาชน 

      วันนี้ 19 กันยายน 2566 เวลา 15.00 น. ณ บ้านเลขที่ 27/2 ต.บาราโหม อ.เมือง จ.ปัตตานี พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วยพี่น้องสื่อมวลชนจังหวัดปัตตานี เยี่ยมให้กำลังใจ "นาย อับดุลเลาะ เบญญากาจ" (แบเลาะ) ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ สำนักข่าวเกียวโด และผู้จัดการออนไลน์ ที่ป่วยด้วยเส้นเลือดในสมองแตก เข้ารับการรักษาตัวยังโรงพยาบาลปัตตานีเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันอาการดีขึ้นสามารถกลับมาพักรักษาตัวและทำกายภาพบำบัดที่บ้านได้













 โดยมีครอบครัว และญาติพี่น้องคอยดูแลให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด  อาการโดยรวม นายอับดุลเลาะ หรือ แบเลาะ สามารถพูดคุยสื่อสารได้ ช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง เช่น ยกมือ จับสิ่งของได้ สามารถช่วยเหลือตัวเองได้บ้างเล็กน้อย แต่ยังคงต้องทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในความดูแลของญาติและครอบครัวอย่างใกล้ชิด โดยจะมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลมาช่วยทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงโดยเร็ว

    ในโอกาสนี้ได้ พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เป็นผู้แทนมอบรถจักรยายนต์สำหรับผู้ป่วย จาก สื่อมวลชน สำนักข่าวอิศรา เนชั่นทีวี ข่าวสดยะลา และนักประชาสัมพันธ์จ.ยะลา และสำนักข่าวอามาน รวมถึง  นายธีระชัย รัตนกมลพร ผู้ก่อตั้งบริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นายฐกร รัตนกมลพร และ พญ. สุรางคณา -  นพ.ชัยวัฒน์  เตชะไพฑูรย์ ให้กับนายอับดุลเลาะ อีกด้วย 

    พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า วันนี้มาเยี่ยมด้วยความตั้งใจ เนื่องด้วยนาย อับดุลเลาะ เบญญากาจ" (แบเลาะ) เป็นสื่อมวลชนที่ทำงานอยู่ในพื้นที่มานาน ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ จชต. แม้จะคนละบทบาทต่างคนต่างทำหน้าที่ แต่เป้าหมายเดียวกันคือเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ จชต.  

     ทั้งนี้สื่อมวลชน หรือผู้สื่อข่าวในพื้นที่เสมือนเป็นคนในครอบครัวเพราะทุกคนมีล้วนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ในมิติบทบาทของแต่ละคน สื่อมวลชนถือเป็นกระบอกเสียงที่สำคัญที่สะท้อนปัญหาเรื่องราวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงสะท้อนประเด็นเพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐปรับตัวในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา นาย อับดุลเลาะ เบญญากาจ" (แบเลาะ)


 ถือเป็นสื่อมวลชนอาวุโสที่สัมผัสใกล้ชิดกับชาวบ้านและรู้ปัญหาของพื้นที่อย่างแท้จริงเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชนและเป็นกระบอกเสียงให้กับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า  ซึ่งเป็นจรรยาบรรณของสื่อมวลชนที่น่ายกย่อง เมื่อทราบข่าวอาการป่วยของนาย อับดุลเลาะ เบญญากาจ" (แบเลาะ) ถือโอกาสเป็นผู้แทนของเจ้าหน้าที่ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า มาเยี่ยมให้กำลังใจ ซึ่งเชื่อว่า นาย อับดุลเลาะ เบญญากาจ" (แบเลาะ) ได้รับกำลังใจอย่างล้นหลามจากทุกคน และไม่นานคงจะได้กลับมาทำหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชนในการสะท้อนปัญหาเพื่อช่วยเหลือประชาชนและแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป 


      พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้มอบกระเช้าเยี่ยม และกายอุปกรณ์ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ รวมถึงยังมี รถจักรยานยนต์ ที่พี่น้องสื่อมวลชนจังหวัดปัตตานีร่วมกันจัดหาเพื่อเป็นของขวัญจากพี่น้องสื่อมวลชนจังหวัดปัตตานีมอบให้แก่ นาย อับดุลเลาะ เบญญากาจ" (แบเลาะ) และครอบครัวไว้ใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกและเป็นขวัญกำลังใจให้หายจากอาการป่วยโดยเร็วอีกด้วย




      ด้าน "นาย อับดุลเลาะ เบญญากาจ" (แบเลาะ) ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ สำนักข่าวเกียวโด และผู้จัดการออนไลน์ (ผู้ป่วย) สีหน้าเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ ดีใจที่ พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วยพี่น้องสื่อมวลชนจังหวัดปัตตานี มาเยี่ยมถึงบ้าน ตลอดการพูดคุย "นาย อับดุลเลาะ เบญญากาจ" (แบเลาะ) จะพูดถึงบทบาทหน้าที่การทำงานเรื่องราวเกี่ยวกับการนำเสนอข่าวสารสะท้อนปัญหาเพื่อพี่น้องประชาชนและการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ แม้จะป่วยกายแต่ใจ และสายเลือดความเป็นนักข่าวยังคงเต็มเปี่ยม ใจสู้อยากหายป่วยเร็วๆ เพราะอยากกลับมาเป็นกระบอกเสียงเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือนร้อน ในฐานะสื่อมวลชนที่จะคอยเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนในพื้นที่ต่อไป

มุมมอง ;สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ :นายหัวไทร

 มุมมอง ;สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ :นายหัวไทร

…..

เงียบไปเลยสำหรับประชาธิปัตย์ จะจัดการกับปัญหาภายในพรรคอย่างไร เห็นตอบแรกๆดูขึงขัง เอาจริงเอาจัง หรือว่า “เขามีอะไรกันแล้ว”






ปัญหาในพรรคประชาธิปัตย์หลักๆ มีอยู่ 2-3 ประเด็น

-ประเด็นแรกคือจะมีการประชุมใหญ่ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เมื่อไหร่ แทนชุดเก่าที่ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้งที่พ่ายแพ้ยับเยิน หลังจากนัดประชุมกันมาสองรอบ แต่องค์ประชุมล่มทั้งสองครั้ง ซึ่งเป็นการล่มแบบ “ผิดปกติ” มีการจัดการทำให้ล่ม





-ประเด็นที่สองคือ จะจัดการกับปัญหา สส.จำนวนหนึ่ง 16 คน ยกมือสวนมติพรรค ไปยกมือสนับสนุน “เศรษฐา ทวีสิน” จากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งๆที่มติพรรคให้ “งดออกเสียง” มีการนินทากันว่า การโหวตสวนมติพรรค เป็นเกมเดินไปสู่การเป็นพรรคร่วมรัฐบาล


เกมการเดินไปสู่การร่วมรัฐบาล ถูกกำหนดโดยทีม “เฉลิมชัย ศรีอ่อน”เลขาธิการพรรค เดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ภายใต้การสนับสนุนของ สส.บางกลุ่มก้อน กลุ่มหนึ่งมาจากสายของเดชอิศม์ อีกกลุ่มหนึ่งมาจากสายชัยชนะ เดชเดโช อีกกลุ่มมาจากสายเฉลิมชัย ศรีอ่อน แต่เป็นการเลือกทางเดินที่ผิดพลาด เพราะพรรคเพื่อไทย แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่ได้ชายตามองมายังประชาธิปัตย์เลยแม้แต่น้อย แต่ สส.กลุ่มนี้ภายใต้การกุมทิศทางของ “เฉลิมชัย-เดชอิศม์-แทน” ก็หวังลมๆแล้งๆว่าจะได้ร่วมรัฐบาล


สาทิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคภาคตะวันออก ยื่นหนังสือเป็นทางการถึงจุรินทร์ ให้ตั้งกรรมการสอบ 16 สส.ที่แหกมติพรรค แต่ “เงียบกริบ” ไม่มีข่าวคราวการตั้งกรรมการสอบมาจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ “เงียบยิ่งกว่าเป่าสาก” แต่ #นายหัวไทร ได้รับเสียงกระซิบมาว่า “ตั้งแล้ว” แต่ไม่มีข่าวไม่มีคราว ใครเป็นประธาน ใครเป็นกรรมการสอบ และสอบไปถึงไหนแล้ว ต้องเสร็จเมื่อไหร่ ไม่มีอะไรออกมาให้ได้รับทราบกันเลยแม้แต่น้อย ยิ่งปล่อยไว้นานรังแต่จะเพิ่มความเสื่อมครับ


ได้เห็นภาพที่แปลกตาแปลกใจช่วงหาเสียงเลือกตั้งซ่อมระยอง เขต 3 มีคนประชาธิปัตย์มะรุมมะตุ้มกันไปช่วยหาเสียง ชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน คุณหญิงกัลยา โสภณพาณิชย์ สุทัศน์ เงินหมื่น นิพนธ์ บุญญามณี พร้อมหน้าพร้อมตากันไปช่วยหาเสียง แต่ที่แปลกคือ มีเฉลิมชัย ศรีอ่อน มีชัยชนะ เดชเดโช ไปร่วมเดินเคาะประตูบ้าน ช่วยหาเสียงด้วย ทั้งๆที่ถือว่าเป็นคนละขั้วกันชัดเจน


งานนี้จะขาดก็เพียง “นายกฯชาย-เดชอิศม์ ขาวทอง” ที่อาจจะไปก็ได้ แต่ #นายหัวไทร ไม่เห็น หรือติดภารกิจอะไร ถึงไม่ได้ไปร่วมภารกิจวัดดวงสำหรับประชาธิปัตย์


นายหัวไทรแอบคิดในใจว่า “หรือว่า เขาคุยกันแล้ว” คุยกันออกมาในแนวประนีประนอม เมืีอผลสอบออกมา ก็คือ “มีมูล”ว่า มีการละเมิดมติพรรค แต่ฐานความผิดต่างกัน บางคนแต่ทำตามผู้หลักผู้ใหญ่แนะนำ ช่วงคนลงมติตามผู้มีพระคุณบอก แต่บางคนเป็นแกนนำ แถมวิจารณ์พรรค วิจารณ์ผู้อาวุโสของพรรค ถึงขั้นเชิงตั้งคำถามว่า “ใครจะขับใครกันแน่” เมื่อฝ่ายเขากุมเสียง สส.อยู่มากกว่า อย่างน้อยเห็นๆ 16-20 คน


ที่พาให้คิดได้ว่า “เขาคุยกันแล้ว” และจะออกมาแนวประนีประนอม ไม่อยากให้แตกหัก และ สส.บางคนก็ไม่รู้อี้โหน่อีเหน่ ทำตามผู้ใหญ่ ผู้มีพระคุณสั่ง แนวทางของประชาธิปัตย์จึงน่าจะออกมาแบบ “ขับออกจาก” บางคน อาจจะ 1-2 คน ส่วนที่เหลืออาจจะว่ากล่าวตักเตือน จะด้วยวาจา หรือลายลักษณ์อักษร ขึ้นอยู่กับฐานความผิดที่กระทำขึ้น ซึ่งต้องไปกำหนดด้วยว่า ฐานความผิดแต่ละฐานะเมื่อโดนลงโทษแล้ว จะมีผลอย่างไรต่อไปในอนาคต


แต่สำหรับมุมมองของนายหัวไทร มองว่า น่าจะขับออก 1 ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร 1 ที่เหลือตักเตือนด้วยวาจา คนที่โดนขับออกก็ไปหาพรรคใหม่สังกัดตามช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่วนจะตักเตือนด้วยวาจา หรือตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ก็ยังอยู่กับประชาธิปัตย์ต่อไปได้ แต่จะมีผลอย่างไรในอนาคต ขึ้นอยู่กับพรรคกำหนด


จบข่าวสำหรับอนาคต 16 สส. แต่เรื่องใหญ่ของประชาธิปัตย์ จะฟื้นฟูพรรคอย่างไรให้กลับมาเฟื่องฟูเหมือนในอดีต ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ต้องคิดหนัก คิดให้มาก ฟังให้มาก เสาะแสวงหาคนรุ่นใหม่ ดึงเข้ามาทำงาน “ร่วมคิดร่วมทำ”แบบซึมซับอุดมการณ์ของประชาธิปัตย์ให้มาก


ในเวลานี้ประชาธิปัตย์ประกาศตัวชัดเจนแล้วว่า จะขอเป็นฝ่ายค้านแบบเข้มข้น ก็ถือว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง และเป็นแนวทางที่ประชาธิปัตย์ถนัด ขอให้มุ่งมั่น ตั้งใจ ทำหน้าที่ในการตรวจสอบอย่างจริงจัง เข้มข้น ก็น่าจะเป็นแนวทางหนึ่งในการเรียกศรัทธากลับคืนมาได้


แต่หันซ้ายมองขวา ก็ยังไม่เห็นดาวเด่นในบริบทของการตรวจสอบในฐานะฝ่ายค้าน อาจจะมีแค่ดาวจรัสแสงในเชิงการหารือ ตั้งคำถาม อย่างเช่น “สรรเพชญ บุญญามณี -ร่มธรรม ขำนุรักษ์” แต่ยังไม่เห็นแววว่าจะมีใครแสดงบทฝ่ายค้านที่เข้มข้นเหมือนในอดีตได้

ในอดีตที่เราเห็น “ชำนิ ศักดิเศรษฐ์-วิทยา แก้วภารดัย-อาคม เอ่งฉ้วน - ไตรรงค์ สุวรรณคีรี -พิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นต้น นึกถึงคนเหล่านี้ ก็นึกภาพออกของการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่มองไปยัง สส.ปัจจุบัน 20 กว่าคน เว้น “ชวน-บัญญัติ” บอกตามตรงว่า “มองไม่เห็น”


ขออนุญาต #ทำเฒ่าเรื่องเพื่อน เสนอแนะว่า เมื่อประชาธิปัตย์จัดทัพลงตัว มีหัวหน้าพรรค มีเลขาธิการพรรค มีกรรมการบริหารพรรคครบถ้วนแล้ว “ชวน-บัญญัติ” ควรลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ เพื่อเปิดทางให้คนอื่นเข้ามาทำหน้าที่ที่เข้มข้น ซึ่งถ้า “ชวน-บัญญัติ”ลาออก ลำดับที่ 4 คือคุณหญิงกัลยา โสภณพาณิชย์ และลำดับที่ 5 นิพนธ์ บุญญามณี ก็จะขยับขึ้นมาเป็น สส.แทน แต่ไม่ใช่แค่นั้น คุณหญิงกัลยาก็ควรจะสละสิทธิ์ด้วย เพื่อให้ลำดับ 6 อย่าง “องอาจ คล้ามไพบูลย์” ขยับขึ้นมาเป็น สส.บัญชีรายชื่อแทน



ประชาธิปัตย์ก็จะมี สส.แสดงบทบาทเด่นในสภาได้ 2 คน คือ นิพนธ์-อาอาจ ก็อาจจะมีคนถามว่าแล้วจะให้ “ชวน-บัญญัติ”ไปทำอะไร เมื่อทั้งสองยังยึดมั่นอยู่กับประชาธิปัตย์อย่างเหนียวแน่น สำนึกรักประชาธิปัตย์ไม่เสื่อมคลาย ผมแนะนำว่า ให้ผู้อาวุโสทั้งสองท่าน และอาจจะร่วมถึงคุณหญิงกัลยาด้วย ไปแสดงบทของนักบุญ ไปดูแลมูลนิธิเสนีย์ ปราโมช ให้เป็นจริง เป็นเรื่องเป็นราว หรือไปขับเคลื่อนให้เป็นจริงเป็นจังในการผลักดันให้มีถนนคู่ขนาดขึ้น-ลงภาคใต้ ไปจนถึงนราธิวาส ตามเจตนารมณ์ของนายชวน ไปผลักดันงานพัฒนาภาคใต้ที่ต้องชดเชยจากการสูญเสียไปในบางรัฐบาล ที่นายชวนพล่ำบ่นมานาน

ทั้งหมดที่เขียนมาก็ด้วยความปรารถนาดี หลังดีต่อพรรคการเมืองในตำนาน พรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมืองอย่าง “ประชาธิปัตย์”

 #ฟื้นประชาธิปัตย์

 #16สส.