อีกคู่
….
หลังจากนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ออกมาพูดว่า ในฐานะ สส.ภาคใต้ ภาคใต้ไม่มีการซื้อเสียงแม้แต่สลึงเดียวก็ไม่เคยใช้ในทางการเมือง แต่ก็ต้องเหนื่อยและต้องรับใช้ประชาชนตลอดชีวิต เห็นทุกพรรคบอกจะแลนด์สไลด์ ไว้รอดูตอนเลือกตั้ง
แน่นอนครับว่า เมื่อพูดถึงความว่า ภาคใต้ไม่มีการซื้อเสียงในเวลานี้ ทุกคนก็นั่งยิ้มมุมปาก เพราะเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า มีการใช้เงินซื้อเสียงกันมโหฬาร เพียงแต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และผู้ตรวจการเลือกตั้ง ไม่มีศักยภาพพอในการตรวจจับการทุจริตการเลือกตั้ง จึงรับรองผลว่า “การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม”
นายชวนคนเดียวอาจจะเป็นข้อยกเว้นไม่มีการซื้อเสียง ไม่เลี้ยงน้ำชา-กาแฟใคร แต่ในสังคมนักเลือกตั้ง ตั้งแต่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.เทศบาล อบจ.สส.มีการใช้เงินเพื่อการเลือกตั้งทั้งนั้น และการใช้เงิน (money politic) ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น และวงเงินมากขึ้น (ประชาธิปไตยเงินสด) เป็นยอดเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าหวาดหวั่นกับการเข้าไปใช้ตำแหน่งหน้าที่ทุจริตฉ้อโกงในอนาคต และนี้คือวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทย
ถ้าเป็นเมื่อยี่สิบสามสิบปีก่อน พอจะพูดได้ว่า สส.ภาคใต้ไม่มีการซื้อเสียงการเลือกตั้ง แต่ปัจจุบันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปหมดแล้ว “เงิน”เป็นปัจจัยหนึ่งในการชี้วัดผลการเลือกตั้ง
เมื่อนายชวนออกมาพูดว่าภาคใต้ไม่มีการซื้อเสียง จึงเกิดปฏิกิริยาโต้กลับจากคู่ต่อสู่ทางการเมืองทันที
นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา เขต 7 พรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัว ระบุใจความว่า ในอดีตอาจจะไม่มีจริง แต่ปัจจุบันมีการเตรียมการในพื้นที่เขต 7 บ้านผม อำเภอนาทวี และ อำเภอสะบ้าย้อย คนที่เคยเป็นอดีต สส. ประกาศตัวเคยทำงานใกล้ชิดท่าน ทำงานการเมืองสุจริตแบบท่าน สั่งให้ทีมเดินเก็บบัตรประชาชน เลขบัญชีธนาคาร และ สัญญาว่าจะให้เงิน 500 บาท บอกกับคนทั่วไปอย่างไม่ละอาย ว่ารอบนี้เลือกตั้ง จะใช้เงิน 100 ล้านบาท เพื่อซื้อให้ชนะ ขอให้ท่านตรวจสอบมีจริงหรือไม่
ด้าน นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา ที่แพ้ให้กับ นายณัฏฐ์ชนน ในการเลือกตั้งปี 2562 และ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 7 พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวตอบโต้ด้วยความดุเดือด โดยมีการแคปโพสต์ที่ นายณัฏฐ์ชนน ระบุไว้ ก่อนตอบกลับดังนี้
“ผมเห็นท่านโพสต์เรื่อง “เด็กขี้ร้อง” มาหลายหนหลายครั้ง ก็ยังสงสัยว่า “เด็กขี้ร้อง” นั้นคือใคร บัดนี้กระจ่างแล้วครับว่าเป็นตัวท่าน ขนาดยังไม่มีการเลือกตั้งก็ร้องแล้ว อย่าไปร้องผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งหมายถึงผู้นำท้องที่และผู้นำท้องถิ่น เพราะเขาเหล่านั้นย่อมมีสิทธิ์ที่จะเอือมระอากับนักการเมืองประเภท “คางคกขึ้นวอ” มาร้องผมนี่สิครับ
นายศิริโชค ระบุอีกว่า ท่านเห็นด้วยกับผมมั้ยครับ ว่านักการเมืองสมัยนี้บางคนหน้าด้านมาก ได้มาเพราะการซื้อเสียงแต่ตอนนี้เกลียดการซื้อเสียงมาก (เวลาออกสื่อ) คงจะลืมว่าในอดีตเคยหอบเงิน 60 กว่าล้านบาทมาหล่นเรี่ยราดไว้แถวนี้ ผมแนะนำครับให้กินน้ำมันตับปลาให้มาก ๆ จะได้ไม่หลงลืมว่าตัวเองเคยทำอะไรไว้ในอดีต
ท่านไม่ต้องกลัวจนขี้ขึ้นสมอง เฝ้าท่องคาถาเสียงดี เสียงดี และส่งคลิป เสียงดี ไปตามกลุ่มต่าง ๆ เท่านั้นก็พอครับ แต่สำหรับผมขอเลือกที่จะลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนแล้วเจอกันวันเลือกตั้ง ขอให้โชคดีครับ”
การต่อสู้กันในสนามเลือกตั้ง จะเกิดปรากฏการณ์โต้ตอบกันทางการเมืองดุเดือดขึ้น เข้มข้นขึ้นแน่นอน และจะมีอีกหลายคู่นับจากนี้ไป เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนสภาชุดปัจจุบันก็จะหมดวาระ และเลือกตั้งใหม่กันแล้ว และยิ่งถ้ายุบสภาการเลือกตั้งก็จะเร็วขึ้นไปอีก
คงจำกันได้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เมื่อสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย เปิดตัวด้วยการกระทบชิ่งถึง สส.พรรคเก่าของภาคใต้ว่า ไม่เคยพูด ไม่เคยสะท้อนปัญหา ก็ถูกวัชระ เพชรทอง อดีต สส.สองสมัยของพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตอบโต้ดุเดือดไปคู่หนึ่งแล้ว
คู่แรกไม่มีเสียงโต้กลับจากสมคิด แต่ส่งเด็กข้างกาย “วัชระ กรรณิการ์” รองเลขาธิการพรรค ออกมาโต้ลิ้นพัน ทำนองประชาธิปัตย์ไม่มีผลงาน
พูดด้วยใจที่เป็นธรรม ไม่มีอคติ ไม่เข้าข้าง หรือเชียร์ประชาธิปัตย์ เพ่งพิจารณาอย่างตรงไปตรงมา ผลงานเขาก็มี เพียงแต่วิจารณ์อย่างอคติก็จะมีมารยาคติมาบังตา
76 ปีประชาธิปัตย์ ย่าง 77 ปี ผมไม่เขื่อหรอกว่า รัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีผลงานอะไรเลยให้กล่าวถึง
การกระจายอำนาจ ต้องยอมรับว่า เป็นนโยบายหลักของพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ก่อตั้งพรรค เป็น 1 ใน 10 ข้อของนโยบายตั้งแต่สมัยนายควง อภัยวงศ์ เรื่องนมโรงเรียน เรื่องอาหารกลางวัน เรื่องเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา โฉนดชุมชน เหล่านี้เป็นต้น
ซึ่งจริงๆผลงานเขาก็มีมากมาย ปลีกย่อยลงไปในรายละเอียด อย่างปัจจุบัน เรื่องประกันรายได้ผลผลิตการเกษตร เร่งรัดการส่งออก หาตลาดใหม่ๆ เร่งรัดการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน ผลผลิตการเกษตรต้องมีคุณภาพ
แต่เมื่อการเมืองเป็นการแข่งขันเพื่อเอาชนะ เพื่อช่วงชิงอำนาจบริหาร การตอบโต้ ใส่ร้ายกันจึงปรากฏขึ้นอย่างไม่ปราณีปราศรัย แม้แต่อนุทินเอง ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังออกมาพูดว่า เมื่อพรรคร่วมรัฐบาลเอง ยังไม่ช่วยกัน (กรณี พ.ร.บ.กัญชา กัญชา) ต่อไปนี้ในสนามเลือกตั้งก็ไม่ต้องเกรงใจกัน แปลความได้ว่า ต่อไปนี้ “ไสช้างเข้าใส่กัน”
เราเองไม่ใช่มวยบนสังเวียน แค่คนดูข้างสนาม เก็บข้อมูล นำเสนอ เพื่อให้พี่น้องประชาชนเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในวันเดินเข้าสู่คูหาเลือกตั้ง
#นายหัวไทร
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น