โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2567

"นฤมล" ผู้ตัดหน้า "อดิศร"ว่างัย

 "นฤมล" ผู้ตัดหน้า "อดิศร"ว่างัย

….


"สส.อดิศร เพียงเกษ"  สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ออกมานี่เล่นแรง

    เล่นแรงกับ"พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวชย์" หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยพูดจาเยาะเย้ยถากถางเขา

"ในระบอบประชาธิปไตย คุณมีเสียงเดียว จะไปหาวเอาดาว-เอาเดือนได้ยังไง...สภาเนี่ย มี 1 เสียง ก็สูง 1 เซ็น

คุณเสรีพิศุทธ์นี่ พรรคของท่านได้สูงแค่ 1 เซ็น เป็นรองนายกฯ มันมากไปมั้ย แล้วพรรคอื่นเขาจะว่ายังไง

อย่าให้เขาบอกว่า ยิ่งอายุมาก เหมือนเด็ก มันไม่ดี มันเสียชื่อ มันจะไม่ใช่วีรบุรุษ มันจะเป็นวีรบุรุษงอแงนะ..."

อดิศรพูดเหมือนกับว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ต่อรองตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีแล้วไม่ได้ จึงออกมาตีโพยตีพาย ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล และแฉโน้นแฉนี้ โดยเฉพาะเรื่องลับชั้น 14 ร.พ.ตำรวจ

ระวังนะครับอดิศรยิ่งพูดมากจะยิ่งกระทบต่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ถ้าจู่ๆ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์สุดจะทนแฉต่อภาค 2 ภาค 3 เผลอๆ “ทักษิณ”อาจจะโดนเล่นจนถึงขั้นกลับไปเข้าคุกก็เป็นได้นะ

อย่าลืมว่าประเด็น “ทักษิณ”ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว คณะกรรมการสิทธิฯมีมติออกมาแล้วว่า ไม่ยุติธรรม คุณ “ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรียุติธรรม ก็อาจจะถูกเล่นงานตามไปด้วย กรณีปล่อยให้ทักษิณพักรักษาตัวอยู่ รพ.ตำรวจเกิน 120 วัน โดยอยู่นานถึง 181 วัน โดยไม่มีสั่งการอะไร ปล่อยให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ยืนแลกหมัดอยู่คนเดียว ทั้งๆที่ตามระเบียบถ้าเกิน 120 วัน ให้ รมว.ยุติธรรมเป็นคนสั่งการ

แล้วถ้าเล่นไปถึง “ทวี สอดส่อง” ก็จะไปถึง “แพทองธาร ชินวัตร”นายกรัฐมนตรีด้วย เพราะแพทองธารตั้ง “ทวี สอดส่อง” กลับมาเป็นรัฐมนตรียุติธรรม ทั้งๆที่ยังมีปัญหาเรื่องความซื้อสัตย์สุจริต เอื้อประโยชน์ให้ทักษิณหรือเปล่า

ถึงวันนั้นถ้า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เล่นต่อมันจะไม่ใช่ซวยแต่ทักษิณ แพทองธารก็จะซวยไปด้วย

อดิศรลืม หรือว่าจำไม่ได้ หรือไม่ได้จำว่า “ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์”หัวหน้าพรรคกล้าธรรม ไม่มี สส.ในพรรคแม้แต่คนเดียว ตัว ดร.นฤมล ก็ไม่ได้เป็น สส.แต่กลับถูกเลือกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

การเข้ามาเป็นรัฐมนตรีของ ดร.นฤมล คนยังงงกันทั้งประเทศว่า ไม่มีเสียง สส.เลยแต่ได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ด้วย แต่คอการเมืองรู้ได้ว่าเป็นโควต้าของกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่แตกออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ หอบหิ้ว สส.มาร่วมรัฐบาล วนขณะที่พรรคเพื่อไทยไม่เอาพลังประชารัฐ ไม่เอา “วงษ์สุวรรณ”

ในช่วงเวลานี้ในหลากหลายประเด็น “อดิศร”จะออกมาร่ายกลอน ทำคลิป กระแนะกระแหนคนอื่นมาอย่างต่อเนื่อง อันเป็นการสร้างศัตรูมากกว่าสร้างมิตร

การกระทำของอดิศรในอนาคตก็จะเป็น “หอก”ที่แหลมคมกลับมาทิ่มแทงรัฐบาล เป็นดาบเฉือนคอทักษิณ และอาจจะพันไปถึง “ทวี สอดส่อง”ด้วย

 #นายหัวไทร

 #ทำเฒ่าเรื่องเพื่อน

 #อดิศรเพียงเกษ

ศาลฏีกานัดฟังคำพิพากษา “สมชาย เล่งหลัก” 23 กันยายนนี้ คดีซื้อเสียงเลือกตั้ง สส.

 ศาลฏีกานัดฟังคำพิพากษา “สมชาย เล่งหลัก” 23 กันยายนนี้ คดีซื้อเสียงเลือกตั้ง สส.

…….



ศาลฏีกานัดอ่านคำพิพากษาคดีที่ “สมชาย เล่งหลัก” อดีตผู้สมัคร สส.พรรคภูมิใจไทย จ.สงขลา กรณีถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)กล่าวหาทุจริตการเลือกตั้ง (ซื้อเสียง) เมื่อครั้งการเลือกตั้ง สส.ปี 66 โดยศาลนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 23 กันยายนนี้ เวลา 09.30 น.


โดยเมื่อวันที่ 1 พ.ค.2567 - เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายสมชาย เล่งหลัก ผู้สมัครสส.สงขลา เขต 9 พรรคภูมิใจไทย ตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)​ ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561 มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง และให้ดำเนินคดีอาญาแก่ นายสมชาย เล่งหลัก นายวินัย บัวทอง และพ.ต.อ.ถวัลย์ นคราวงศ์ ตามมาตรา 73 (3) ประกอบมาตรา 158 วรรคหนึ่งของกฎหมายเดียวกัน


เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนฟังได้ว่า วันที่ 13 พ.ค.66 เวลา 10.00 น. ริมถนนสายสนามบินข้างสำนักงานเทศบาลเมืองควนลัง หมู่ที่ 1 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ได้ร่วมกันจับกุมนายวินัย พร้อมด้วยของกลางเป็น บัญชีรายชื่อ และหมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลในพื้นที่ต.ควนลัง ต.คลองแห ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และต.ท่าข้าง ต.แม่ทอม ต.บางกล่ำ อ.บางกล่ำ จ.สงขลา จำนวน 16 แผ่น ในกระเป๋าสะพายสีดำที่ผู้ถูกกล่าวหาสะพายคาดอกไว้ และพบเงินสด จำนวน 1 แสนบาท รวมทั้งแผ่นพับหาเสียงเลือกตั้งของนายสมชาย จำนวน 2 ชุด อยู่ภายในรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ของพ.ต.อ.ถวัลย์ ที่รอบตัวรถติดสติกเกอร์ หมายเลข 7 ซึ่งเป็นหมายเลขผู้สมัครสส.ของนายสมชาย


และจากการไต่สวนพยานที่พบเห็นและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุม ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่านายวินัย รับว่าเป็นตัวแทนหัวคะแนน หาเสียงเลือกตั้งให้แก่นายสมชาย และ ระหว่างที่นายวินัยถูกจับกุมได้มีโทรศัพท์เข้ามาที่นายวินัย โดยปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงพูด ในลักษณะว่าจะได้รับเงินเมื่อใด เนื่องจากมีคนมารออยู่ที่บ้านเพื่อรอรับเงินแล้ว


จากการไต่สวนพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเคลื่อนที่เร็วให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ขณะเข้าไปบริเวณที่ทำการสายตรวจตำบลควนลังพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนายวินัย ซึ่งพยานได้ถามนายวินัยว่า "พี่มาจากไหน มาทำอะไร” ซึ่งนายวินัยตอบว่า "ได้โควตามา 40 หัว” ประกอบกับนายวินัยให้ถ้อยคำว่า กระดาษที่มีรายชื่อบุคคลเป็นเอกสารรายชื่อที่เคยทำ ธุรกิจด้วยกันและจะนำไปเสนอกับผู้ใหญ่เพื่อแลกเงินคะแนนเสียงเลือกตั้ง สอดคล้องกับข้อมูลที่ปรากฏตาม บัญชีรายชื่อที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 9 จ.สงขลา พยานหลักฐาน จึงฟังได้ว่านายวินัยจัดเตรียมจะให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนน ให้แก่นายสมชาย ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561มาตรา 73 (1)


กล่าวสำหรับนายสมชาย ปัจจุบันได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา จ.สงขลา โดยปี 2562 สมัคร สส.เขต 9 ในนามพรรคพลังประชารัฐ แต่ปี 2566 มาลงสมัครเขตเดิมในนามพรรคภูมิใจไทย ซึ่งทั้งสองครั้งไม่ได้รับเลือกตั้ง


ปี 2567 จึงผันมาลงสมัคร สว.และได้รับเลือกเป็น สว.ด้วย ก็ต้องมาลุ้นกัน 23 กันยายนว่า ศาลจะตัดสินออกมาอย่างไร

 #นายหัวไทร

 #ทำเฒ่าเรื่องเพื่อน

 #ศาลฏีกาตัดสิน

 #ใบแดง

วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2567

Soft Power นางสาวรุจิรดา วงศ์แก้ว ประธานกลุ่มต้นกล้าพันธุ์ใหม่ชายแดนใต้พร้อมด้วยคณะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในระดับพื้นที่ (มีคลิป)

 Soft Power นางสาวรุจิรดา วงศ์แก้ว ประธานกลุ่มต้นกล้าพันธุ์ใหม่ชายแดนใต้พร้อมด้วยคณะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในระดับพื้นที่ (มีคลิป)

                             


         นางสาวรุจิรดา วงศ์แก้ว ประธานกลุ่มต้นกล้าพันธุ์ใหม่ชายแดนใต้พร้อมด้วยคณะทำงานได้ดำเนินงานการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในระดับพื้นที่ ภายใต้ภารกิจอำนาจหน้าที่ โดยบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางนโยบาย เป้าประสงค์ที่กำหนดโดยประเด็นการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอยะหา มีเป้าหมายตัวชี้วัดในการแก้ไขปัญหาพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ 







#การบำบัดฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติดโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน

 CBTx Community Based Treatment








  เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมายและแนวทางการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมีการวางจุดมุ่งหมายให้มีการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานรัฐในพื้นที่ ในด้านทรัพยากรและภารกิจภายใต้อำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานรัฐ โดยการกำหนดแผนงานและเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เหมาะสมกับสภาพข้อเท็จจริงและปัญหาของพื้นที่

#ศูนย์ญีวอยังซามอ

#บ้านเพื่อนรักหัวใจเดียวกัน







มีวัตถุประสงค์การดำเนินงานร่วมกับกลุ่มเด็กวัยเรียน เยาวชนทั้งในและนอกระบบการศึกษา ประชาชนวัยทำงาน ผู้สูงอายุ มุ่งเน้นแนวทางการมีสุขภาพดี สร้างพื้นที่ปลอดภัย สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันระหว่างคนต่างวัย รวบรวมเรียบเรียงข้อมูล ต้นทุนชีวิตความเป็นมนุษย์ จัดเป็นชุดความรู้ เขียนเรื่องเล่าจากกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนรวมถึงกระบวนการปฏิบัติการทางสุขภาพ จะเห็นได้ว่า เมื่อเกิดพื้นที่ปลอดภัย เราจะมีความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันระหว่างคนแต่ละวัย จัดคลีนิคการดูแลกลุ่มผู้ติดบุหรี่โดยใช้การแพทย์ทางเลือก การกรอกเลือด (Wet cupping/Hijamah)ซึ่งเป็นกรรมวิธีทางการแพทย์แผนไทยและเป็นศาสตร์ในการดูแลสุขภาพ รักษาโรคตามแนวทางซุนนะห์นบี(Al-hijamah)ในศาสนาอิสลาม







 การกรอกเลือดใช้หลักการนำเลือดเสียออกจากร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดใหม่ขึ้นมา ขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย

กิจกรรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ

#โครงการนักนวัตกรรมสร้างความเป็นธรรมทางสังคม 

#มูลนิธิโกมลคีมทอง (สสส.) 

 และจากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาทั้งในมิติของ

#เพื่อนรักต่างศาสนา 

สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล

#เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง 

#เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาวะเยาวชน

#ขสย.

#อาสาสร้างสุข

 ทำให้เยาวชนต้นกล้ารวมกลุ่มกันขับเคลื่อนงานตามแนวทาง

#ชุมชนล้อมรักษ์

 Community Based Treatment

ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติด ป้องกันการกลับไปเสพซ้ำ ป้องกันวงจรการทำลายอนาคตของเด็กและเยาวชน โดยพยายามสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้นำชุมชน ภาคีเครือข่าย ในการแก้ปัญหาและป้องกันการใช้ยาเสพติดโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เป็นกระบวนการที่สามารถทำได้ในชุมชนสำหรับผู้ใช้ ผู้เสพ การดูแลแบบการบำบัดฟื้นฟูจิตใจ จากการสำรวจข้อมูลการใช้สิ่งเสพติด ตั้งแต่บุหรี่ สุรา กระท่อม กัญชา ...พบว่า ผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง เมื่อเลิกได้แล้ว จะมีโอกาสกลับมาเสพซ้ำ เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ประสบกับปัญหาเดิมๆในชีวิต การดูแลเอาใจใส่จึงไม่สามารถใช้วิธีทางการแพทย์เพียงอย่างเดียว ต้องอาศัยการแก้ปัญหาอื่นๆควบคู่ไปด้วย 



โดยเฉพาะด้านสังคม ชุมชน ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันสร้างกระบวนการฟื้นฟูที่สามารถทำได้ในชุมชน ร่วมกันแก้ไขปัญหาจากสาเหตุ ผลกระทบของปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้น โดยมีคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) นายอำเภอ ทหาร ตำรวจ สาธารณสุขอำเภอ กำนัน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล รพ.สต. หน่วยบริการสาธารณสุข ภาคประชาสังคม ภาคีเครือข่ายต่างๆ ซึ่งจะทราบได้ดีว่าชุมชนเข้มแข็งหรือมีศักยภาพอย่างไร 

  สิ่งที่สามารถวิเคราะห์ชุมชนได้ดีคือการทำเวทีประชาคมให้ทุกคนยอมรับว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ทุกคนจะต้องสู้ไปด้วยกัน แล้วจึงนำสู่กระบวนการคัดกรองค้นหา กลุ่มเสพ กลุ่มเสี่ยง เชิญชวนคนเหล่านั้นมาร่วมทำกิจกรรมต่างๆที่สามารถสร้างตัวตน คืนคุณค่าความเป็นมนุษย์ให้กับพวกเขา ไม่ตีตรา อาจจะใช้ดนตรีบำบัด ส่งเสริมอาชีพ กิจกรรมสาธารณประโยชน์ ธรรมะบำบัด เพื่อให้มีสติมากขึ้น เราไม่ได้มุ่งเน้นบำบัดคนติดยา เพราะมีระบบทางการแพทย์อยู่แล้ว แต่พวกเราอยากพัฒนากลุ่มคนลองยาที่เข้าไปในวงจรยาเสพติดแต่ยังไม่ติด 

  สิ่งสำคัญคือ ชุมชนต้องรับรู้ร่วมกัน ว่าภายในชุมชนมีปัญหา ทุกคนต้องลุกขึ้นมาให้ความสำคัญ สนใจและให้กำลังใจคนที่เกี่ยวข้อง พร้อมดึงให้เข้าสู่การบำบัด ตัดวงจรการค้า ไม่ให้เกิดผู้ค้ารายใหม่

   การแก้ปัญหายาเสพติดในชุมชน เป็นจุดเริ่มต้นของการมองเห็นปัญหาร่วมกันซึ่งเกิดจากเสียงสะท้อนของคนในชุมชน ประกอบกับการที่หน่วยงานภาครัฐและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเป็นผู้เอื้ออำนวยให้เกิดกระบวนการแก้ปัญหาโดยชุมชน ซึ่งจะส่งผลให้ชุมชนมีความรัก ความสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นำไปสู่การแก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน

#ไม่มีใครอยากถูกด้อยค่า

#ไม่มีใครชอบการถูกตีตรา

Komol.Youngvolunteer 

#ชุุมชนล้อมรักษ์

#สสส.

#CBTx

#พัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ

#เพื่อนรักต่างศาสนา

#สถาบันสิทธิมนุษยชนและสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา

#มหาวิทยาลัยมหิดล

Interfaith Buddy For Peace 

ขสย. - เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน 

ต้นกล้าพันธุ์ใหม่-องค์กรเยาวชนจิตสาธารณะ ระดับตำบลชายแดนใต้

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แห่งชาติ (กสม.) จัดโครงการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชน เพื่อการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการพัฒนา งานอำนวยความยุติธรรมในพื้นที่ จชต. ฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องฯขับเคลื่อน ปัญหาต่างๆ จากการระดมความคิด

 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน  แห่งชาติ (กสม.)  จัดโครงการเสริมสร้างความรู้  ความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชน เพื่อการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการพัฒนา งานอำนวยความยุติธรรมในพื้นที่ จชต. ฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องฯขับเคลื่อน ปัญหาต่างๆ จากการระดมความคิด


เมื่อ วันที่4-6ก.ย.67 ณ โรงแรมสยามออเรียนทัล หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา  ผู้เข้าร่วมประชุม 120 คน ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหลักสิทธิมนุษยชน การส่งเสริม และคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ จังหวัด.ชายแดนใต้ อื่นๆ




     โดยมีการเสวนา การอำนวยความเป็นธรรมและการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายตามหลักสิทธิมนุษยชน  สรุปบทเรียนและทีมวิทยากร กสม. ศอ.บต. กิจกรรมการเรียนรู้ บทบาทหน้าที่ และอำนาจ กสม. และข้อเสนอแนะและมาตรการหรือแนวทางในการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน#การอภิปราย เราจะเข้าถึงการเยียวยาของภาครัฐได้อย่างไร#การอภิปราย อุปสรรคความท้าทายในการแก้ไขปัญหาการอำนวยความสะดวกยุติธรรมและการเยียวยาผู้เสียหายจากเหตุความรุนแรงในพื้นที่ จ.ชายแดนใต้แบ่งกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดต่อปัญหาการเยียวยา เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะในการพัฒนาระบบการเยียวยาตามหลักสิทธิมนุษยชน





ผลสรุป การแบ่งกลุ่มวันแรก1- 8ฐาน ระดมความคิด ปรึกษาหารือ ข้อเสนอแนะ และแนวทางในการแก้ปัญหา กลุ่มผู้ที่รับผลกระทบฯในวันที่ 2 ในการอบรม แบ่ง 4 กลุ่มระดมความคิด ปรึกษาหารือ ข้อเสนอแนะ และแนวทางการแก้ปัญหาและแนวทางในมิติต่างๆพัฒนาเพื่อชาวประชา สรุป ผลการอำนวยความยุติธรรมและการเยียวยาตามหลักสิทธิมนุษยชน






ฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องฯขับเคลื่อน ปัญหาต่างๆ จากการระดมความคิด...เพื่อชาวประชาในมิติต่างๆต่อไปด้วยครับ

รัฐรู้อะไร ประชาชนรู้สิ่งนั้น" จริงหรือไม่..เพราะอะไร...?

เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" กับ

ชาวประชาทั่วถึง จริงหรือไม่..?

และจะปรับอย่างไรที่จะเกิดประโยชน์กับประชาชนได้รับ

ผลกระทบในด้านต่างๆอีกมากมาย

โอกาส/ขาดโอกาส...ใครกำหนด..?

วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2567

“สรรเพชญ บุญญามณี”; ดุจดั่งเพชรที่เจียรนัยแล้ว

 “สรรเพชญ บุญญามณี”; ดุจดั่งเพชรที่เจียรนัยแล้ว 

……




สรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา เขตเลือกกตั้งที่ 1 พรรคประชาธิปัตย์  โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัว แสดงจุดยืนชัดเจน ไม่เห็นด้วยกับการนำพาพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ตามเทียบเชิญ 

ของพรรคเพื่อไทย

สรรเสชญ แสดงจุดยืนเคียงข้างกับ “ชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน และจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์” 3 อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ยืนหยัดรักษาเจตนารมย์ และอุดมการณ์ประชาธิปัตย์ ยืนอยู่คนละฝั่งกับพรรคเพื่อไทย ด้วยนโยบาย อุดมการณ์ และแนวทางปฏิบัติที่แตกต่างชัดเจน

“ผมขอแสดงจุดยืนในฐานะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ ผู้แทนประชาชนชาวสงขลา คือ “ไม่เห็นชอบ” และขอคัดค้านการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ไม่ว่ามติของกรรมการบริหารพรรค - สส. จะออกมาเป็นอย่างไร “ผมพร้อมเคารพมติเสียงส่วนมาก” แต่ผมขอใช้สิทธิ์ 1 เสียงในฐานะ สส. ของพรรคประชาธิปัตย์ ลงมติ “ไม่เห็นชอบ” เพื่อคัดค้านการนำพรรคเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย         

ชัดเจน งดงาม ดุจดั่งเพชรเม็ดงาม ได้รับเสียงปรบมือ ชื่นชมจากชางสงขลา และคนไทยทั้งประเทศ ท่าทีและจุดยืนที่มั่นคงเหล่านี้อาจจะสืบสายเลือดมาจากผู้เป็นบิดา “นิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตนายกฯอบจ.สงขลา


วันนี้ของ ”น้องเพชญ“ แพรวพราวดุจเพชรที่เจียรนัยแล้ว เป็นเครื่องประดับเม็ดงามของ ”ประชาธิไตย“ ในบริบทของพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะเป็น สส.เพียงสมัยแรกก็ตาม แต่ถือเป็น young blood เป็นดาวประดับฟ้าที่เจิดจรัสแสงส่องแพรวพราวระยิบระยับ เปี้ยมล้นไปด้วยเจตนารมย์ และอุดมการณ์ประชาธิปัตย์


”วันนี้ รัฐบาลมีเสียงในสภาเกิน 300 เสียงแล้ว ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องเพิ่มเสียงรัฐบาลในรัฐสภา เพื่อให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยในอดีตดังที่เคยเป็นมา ไม่ว่าจะเป็นการดันกฎหมายจนสุดซอย หรือการกระทำต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดพวกมากลากไปโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา และที่สำคัญที่สุดผมไม่สามารถทรยศพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ พรรคเราต่อสู้ทางด้านความคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองที่ไม่ชอบธรรมมาอย่างยาวนาน ในระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งปัจจุบันก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “นายกรัฐมนตรีตัวจริงคือใคร” หรือใครเป็นผู้ครอบครองรัฐบาล สิ่งเหล่านี้เป็นการทำลายความเข้มแข็งของพรรคการเมืองและประชาธิปไตยอย่างชัดเจน พร้อมกับการปิดสวิตช์ 3 ป. ที่ว่า นั่นคือ ประชาชน ประชาธิปไตย และประชาธิปัตย์ 

สรรเพชญ ตอกย้ำว่า ในเวลานี้ประเทศต้องการฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ไว้คอยตรวจสอบการทำงาน และถ่วงดุลการใช้อำนาจของรัฐบาล ถ้าหากวันนี้เราเลือกที่จะเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อเข้าไปมีอำนาจ โดยละทิ้งประชาชนที่สนับสนุนเราตลอดมา การเลือกตั้งครั้งหน้า แม้แต่เป็นฝ่ายค้าน ประชาชนก็อาจจะไม่ให้โอกาสเราอีกต่อไป

แน่นอนที่สุดว่า จุดยืนของสรรเพชญ อยู่ตรงข้ามกับฝ่ายบริหารพรรคในเวลานี้ที่นำโดย “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” หัวหน้าพรรคผู้ตระบัดสัตย์ ประกาศเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต แต่กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอาจจะเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” มี “เดชอิศม์ ขาวทอง” เป็นเลขาธิการพรรค ที่สะท้อน “ความอยาก”มาตั้งแต่ต้นว่า อยากเป็นรัฐมนตรี อยากร่วมรัฐบาล ตั้งแต่เขายังไม่เทียบเชิญ

โดยเฉพาะการแสดงออกของเดชอิศม์ ขาวทอง ที่บอกว่า คนสงขลาส่วนใหญ่ต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล การยกคำว่าคนสงขลาส่วนใหญ่ขึ้นมาอ้าง ทำให้คนสงขลาไม่น้อย ไม่ค่อยจะพอใจ บางคนทำคลิปตอบโต้ผ่านสื่อโซเชี่ยล จนมีการแชร์กันกระจาย ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่า ไม่จริงที่คนสงขลาส่วนใหญ่อยากให้ประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล อยากรู้ว่า เดชอิศม์ไปถามใครมา ถามภรรยา และลูกเหลอ


แน่นอนครับว่า ไม่ว่าจะเป็นท่าทีจากสรรเพชญ หรือท่าทีจากเดชอิศม์ จะสะท้อนผ่านการเลือกตั้งในสมัยหน้า การเลือกตั้งสมัยหน้าถ้าเป็นไปตามวาระก็เดือนพฤษภาคมปี 2567 ส่วนสภาจะอยู่ได้จนครบวาระหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมนักการเมือง และสถานการณ์ทางการเมือง อาจจะจบลงด้วยยุบสภา หรืออุบัติเหตุอื่นทางการเมืองก็เป็นได้

ขอให้รัฐบาลนี้รอดพ้นจากปากกาของนักร้อง และผู้อยู่เบื้องหลังนักร้องให้ได้ก่อน ดูข้อมูลแล้ว ทั้ง “เฉลิมชัย-เดชอิศม์” คงหนีไม่พ้นถูกร้องเรียนเรื่อง “จริยธรรม”แน่นอน เฉลิมชัยมีทั้งเรื่องหมู่เถื่อน มีตั้งวาระกรรมเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต

รัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะมา มีชื่อหลายคนจ่อคิวถูกร้องเรียนเรื่องจริยธรรม ไม่เว้นแม้แต่แพทองธาร นายกรัฐมนตรี ที่จะโดนเรื่องข้อสอบรั่ว สมัยสอบเข้าจุฬา และการถือครองสนามกอล์ฟอัลไพล์ ที่ดินบริตาคให้วัดของยายเนื่อม ชำนาญชาติศักดา 30% แม้นแพทองธารจะพยายามออกมาบอกว่า ลาออกจากทุกบริษัทในเครือชินวัตรก่อนเข้ารับตำแหน่ง แต่คงลืมไปว่า การลาออกกับการถือครองหุ้นเป็นคนละเรื่องกัน

ที่สำคัญ “จริยธรรม” มีกรอบที่กว้างมาก เริ่มต้นตั้งแต่คลอด จนถึงตาย ไม่ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันเข้ารับตำแหน่ง “เอ๋-ปารีณา ไกรคุปต์“ อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ รับมรดกที่ดินมาจากพ่อ ยังถูกประหารชีวิตทางการเมือง แต่ไม่ว่าข้อสอบรั่ว หรือครอบครองสนามกอล์ฟอัลไพล์ เป็นเรื่องที่แพทองธารก่อการขึ้นมาเอง รับมาเอง

ขอให้ ”น้องเพชร“ รักษาความแพรวพราว เงางามไว้ให้ตลอด แล้วจะได้เป็น สส.สงขลาตลอดกาล ไม่ว่าจะสังกัดพรรคไหนก็ตาม


#ประชาธิปัตย์

#ทำเฒ่าเรื่องเพื่อน

#ลูกสงขลา

#ยึดมั่นอุดมการณ์

นิจจา “หมอชลน่าน” ใครไปหลอกให้ถอดเสื้อขาว ทิ้งไม้กวาด ออกจากวัด

 นิจจา “หมอชลน่าน” ใครไปหลอกให้ถอดเสื้อขาว ทิ้งไม้กวาด ออกจากวัด 

ไม่รู้ว่าผิดพลาดตรงไหน “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว”อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถึงได้หลุดโผไป หลุดโผไปแบบไม่คาดคิด

ก่อนหน้านี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว คิดชาร์ด นั่งรองนายกรัฐมนตรีอยู่หลายวัน ติดชาร์ดถึงขนาดติดสอยห้อยตาม “อุ๊งอิ๊ง” ไปตรวจน้ำท่วมภาคเหนือ (สส.น่าน) 




แต่เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ กลับไม่มีชื่อหมอชลน่านเป็นรองนายกรัฐมนตรี กลับมีชื่อประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีกระทรวงดีอี นั่งควบรองนายกรัฐมนตรีแทน


กล่าวถึง นพ.ชลน่าน อดีต สส.น่าน พรรคเพื่อไทย หลายสมัย และก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำทัพสู่การเลือกตั้ง นำเพื่อไทยสู้จนได้ สส.มาเป็นอันดับสองรองจากพรรคก้าวไทย

พรรคก้าวไกลมีความชอบธรรมในการเป็นแกนนำรวบรวมเสียง สส. เข้าไปทาบทามพรรคเพื่อไทยร่วมทีม หมอชลน่านยกทีมไปเจรจากับพรรคก้าวไกล จนถึงขั้นทำเอ็มโอยู (ข้อตกลง) กันเป็นที่เรียบร้อย

แต่ดีลกลับล่ม เมื่อประมวลเสียงแล้ว สว.(สมาชิกวุฒิสภา)ยังไม่เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะช่วงนั่น สว.ยังมีสิทธิ์โหวดเลือกนายกฯอยู่ ประกอบกับพรรคการเมืองอื่นๆก็มีเงื่อนไขไม่เอาพรรคก้าวไกล ถ้ายังยันยันจะแก้ ม.112 จึงไม่อาจจะรวบรวมเสียงได้เพิ่ม

พรรคก้าวไกลเสนอชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”ให้รัฐสภารับรอง ก็เป็นไปตามคาด “พิธา”ได้เสียงไม่ครบ พรรคเพื่อไทยร้อยกว่าเสียงยกมือให้พิธาเต็มๆ

เมื่อพิธาไม่ผ่านสิทธิจึงตกมาที่พรรคอันดับสอง คือพรรคเพื่อไทย หมอชลน่านจำเป็นต้องนำพรรคเพื่อไทยจัดตั้ง “รัฐบาลข้ามขั้ว” ท่ามกลางข้อกล่าวหา “ตระบัดสัตย์” แต่พรรคเพื่อไทยโดยการนำของหมอชลน่านก็จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ มี “เศรษา ทวีสิน”เป็นนายกรัฐมนตรี โดยหมอชลน่านนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

หมอชลน่านออกนโยบายปราบยาบ้า โดยใครครอบครองยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด ให้ถือว่าเป็นผู้เสพ ไม่ใช้ผู้ค้า ถ้าจับได้ให้นำไปบำบัด น่าจะเป็นการประเดิมการบริหารที่ผิดพลาด เพราะเป็นนโยบายที่ถูกวิจารณ์เละเทะ

เมื่อนายกฯเศรษฐาปรับคณะรัฐมนตรี ชื่อ นพ.ชลน่านหายไปจากคณะรัฐมนตรี ถึงขั้นหมอชลน่านทำใจไม่ได้ ต้องถอดสูทใส่ชุดขาว ถือไม้กวาด เข้าวัดทำใจ

แต่จู่ๆเมื่อเศรษฐาถูกศาลสั่งให้พ้นจากนายกรัฐมนตรี และมีชื่อแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวกล่องดวงใจของ “ทักษิณ ชินวัตร” ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่รู้ใครไปหลอกหมอชลน่านออกมาจากวัด มีชื่อว่า จะได้เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรี ไปเดินตามหลังแพทองธารผัดข้าวโดยไม่จุดแก๊ส ให้แพทองธาร ได้ผัดข้าวถ่ายรูป แจกข้าวชาวบ้าน

ช่วงฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล หมอชลน่านก็แข็งขัน ออกหน้าออกตาเต็มพิกัด แต่เมื่อใช้วานเสร็จแล้วก็ถีบหัวส่งแบบไม่ใยดี เมื่อมีการฟอร์มรัฐบาลใหม่ มีชื่อหมอชลน่าน จะได้รับการปลอบใจเป็นรองนายกรัฐมนตรี 

เมื่อราชโองการออกมากลับไม่มีชื่อหมอชลน่านใน ครม.ไม่ว่าตำแหน่งอะไร ในสภาระหว่างพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 68 สส.พากันแสดงความดีใจกับผู้ได้รับตำแหน่ง “สุทิน คลังแสง” ซึ่งพ้นจากรัฐมนตรีกลาโหม และนพ.ชลน่าน ที่พลาดตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ต้องเดินตาละห้อย มอง สส.แสดงความยินดีกับรัฐมนตรีใหม่

ใครหนอใครใจดำ ไปหลอก นพ.ชลน่าน ให้ถอดชุดขาว ทิ้งไม้กวาด เดินออกมาจากวัด

  #แพทองธาร

 #พรรคเพื่อไทย

 #หมอชลน่าน