จำนวนผู้เข้าชม

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สกู๊ป.การท่องเที่ยว แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สกู๊ป.การท่องเที่ยว แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2568

กิจกรรมปลูกป่ากับ สมาคมผู้รับทุนไจก้าแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการมาเป็นปีที่สอง ขับเคลื่อนโดย สมาคมผู้รับทุนไจก้าแห่งประเทศไทย(JAAT) สำนักงาน JICA ประเทศไทย และกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

 กิจกรรมปลูกป่ากับ สมาคมผู้รับทุนไจก้าแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการมาเป็นปีที่สอง ขับเคลื่อนโดย สมาคมผู้รับทุนไจก้าแห่งประเทศไทย(JAAT) สำนักงาน JICA ประเทศไทย และกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 


เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าให้มากขึ้น ที่ผ่านการวิจัยและแนะนำชนิดพรรณไม้ที่เหมาะสมในการปลูก เพื่อให้เติบโตเป็นป่าที่แข็งแรงและอยู่ยั่งยืนให้กับโลกนี้ตลอดไป

วันที่ 30 สค.2568 คุณ SHUNSUKE SAKUDO หัวหน้าผู้แทน JICA ประเทศไทย ได้นำคณะสมาชิกจากJICAและอาสาสมัครชาวญี่ปุ่นJOCV และAPCD เดินทางมา ร่วมกิจกรรมด้วย ยังมี Mr.Mutsumoto จากบริษัทศาลยา อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด และ นายกสมาคมผู้รับทุนJICA ได้นำคณะสมาชิกจากกรุงเทพมหานคร คณะปลูกป่ารวม50 ท่าน มาพร้อมกันที่โดยมีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายจากกรมป่าไม้มาอำนวยความสะดวกในการปลูกต้นไม้ของคณะจำนวน 300 ต้น ประกอบด้วยต้นไม้ป่านานาพันธ์ 


ดร.สุวรรณ ตั้งมิตรเจริญ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้ ได้กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีที่ทางสมาคมผู้รับทุนไจก้าแห่งประเทศไทยและทาง JICA ได้มาทำกิจกรรมปลูกป่าที่กาญจนบุรี และได้เรียนเชิญ คุณ SHUNSUKE SAKUDO, Chief Representative

JICA Thailand Office

ได้กล่าวว่า ตนมีความยินดีที่มีผู้ร่วมกิจกรรมถึง 50 ท่าน ซึ่งมีอาสาสมัครชาวญี่ปุ่นของ JICA (JOCV)จำนวน3ท่านมาร่วมกิจกรรมด้วย 

โดยเห็นว่าทางกรมป่าไม้ได้ให้ความสำคัญของกิจกรรมการปลูกป่าครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบายของJICA และเป็นกิจกรรมปลูกป่ารักษ์โลกในประเทศไทย ที่ควรจัดขึ้นอีกในปีต่อไปและขยายจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมและจำนวนต้นไม้ที่ปลูก หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้พบกันอีกบ่อยๆ ในกิจกรรมปลูกป่า


สุดท้ายผศ.นพ.สุทัศน์ ภัทรวรธรรม นายกสมาคมผู้รับทุนไจก้าแห่งประเทศไทย ได้เล่าถึงความเป็นมาของโครงการ และแสดงความยินดีในกิจกรรมปลูกป่ารักษ์โลก และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ นับเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย ซึ่งนับเป็นกิจกรรมที่มีทรงคุณค่าและสร้างประโยชน์ต่อโลก หวังว่าจะมีการจัดกิจกรรมปลูกป่าอย่างต่อเนื่องพร้อมชักชวนให้ทุกคนร่วมใจรักษ์ป่า


ทางด้านผู้ประสานงานกิจกรรมฯ อดีตข้าราชการกรมป่าไม้ นายบพิตร เกียรติวุฒินนท์ กล่าวว่า ตนมีความสุขใจที่ได้ร่วมกับพี่น้องชาวป่าไม้ในการให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการปลูกป่าเพื่ออนุรักษ์ แปลงปลูกป่านี้โดยต้นไม้ที่ปลูก มี ต้นสัก ประดู่ป่าและมะค่าโมง ประมาณ300ต้น 


กิจกรรมการปลูกป่าครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ขับเคลื่อนโดย สมาคมผู้รับทุนJICA (JAAT) นับเป็นกิจกรรมที่คืนสีเขียวสู่ป่าไม้ธรรมชาติ ที่ทุกคนมีส่วนร่วมรักษ์โลก


Cr.เนื้อหาข่าวจากคุณบพิตรและคุณสุภัทรา ภาพจาก JICA JAAT และกรมป่าไม้

วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

เริ่มปรับหาดม่วงงามคืนสภาพเดิมแล้วศาลหลักเมืองนครศรีฯละ จะทำตามคำสั่งศาลวันไหน(มีคลิป)

 เริ่มปรับหาดม่วงงามคืนสภาพเดิมแล้วศาลหลักเมืองนครศรีฯละ จะทำตามคำสั่งศาลวันไหน(มีคลิป)

…..




เริ่มเห็นเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการปรับสภาพหาดม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา ให้กลับคืนสภาพเดิมแล้ว หลังศาลปกครองสงขลาได้มีคำพิพากษาสำคัญเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 ปรับสภาพหาดม่วงงามกลับสู่สภาพเดิม หลังหน่วยงานรัฐเข้าไปดำเนินการแก้ปัญหาน้ำกัดเซาะชายฝั่ง


คำพิพากษาหลัก สั่งให้ยกเลิกโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล แห่งหาดม่วงงาม ต.ม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นการเลือกใช้มาตรการที่ไม่สัดส่วน เมื่อเทียบกับสภาพชายฝั่งที่กัดเซาะไม่รุนแรง (เป็นพื้นที่ที่สามารถฟื้นตัวได้เอง)   

                                  



ศาลสั่งให้ กรมโยธาธิการและผังเมือง รวมถึงกรมเจ้าท่า และผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสงขลา รื้อถอนสิ่งก่อสร้างทั้งหมดภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด   

เหตุผลสำคัญคือโครงการก่อสร้างกำแพงคอนกรีตขั้นบันไดส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและจำกัดสิทธิชุมชนในการใช้ประโยชน์จากชายหาด มากกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ   

เมื่อศาลปกครองสงขลาพิพากษาแล้ว ไม่มีใครอุทธรณ์ในเวลาที่กำหนด คดีถือว่าถึงที่สุด

ขั้นตอนการรื้อถอน & ฟื้นฟู มีการเรียกประชุมคณะทำงานเพื่อจัดแผนรื้อถอนสิ่งก่อสร้างและฟื้นฟูชายหาด เมื่อ 5 มิถุนายน 2568 มีการประชุมครั้งแรกกำหนดแผนรื้อถอน เสาเข็ม 164 ต้น โดยเริ่มวันที่ 16 มิถุนายน 2568 และคาดว่าจะใช้เวลา 60 วัน ในการรื้อถอนและปรับทรายคืนตามธรรมชาติ   


ภาครัฐและชุมชนเริ่มดำเนินการตามคำสั่งศาลเข้ารื้อถอนสิ่งก่อสร้าง และตรวจประเมินการฟื้นฟูชายหาดโดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งร่วมกับท้องถิ่น 


แม้จะล่าช้ากว่ากำหนดในการปรับสภาพหาดม่วงงาม แต่อย่างน้อยได้เห็นสำนึกของฝ่ายรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ปฏิบัติตามคำสั่งศาลแล้ว


กล่าวสำหรับศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาแล้ว ให้ปรับแก้คืนสภาพเดิม แต่ยังไม่เห็นคนที่รับผิดชอบในการสั่งการให้บูรณะปรับปรุงศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช และมีการบูรณะผิดไปจากเดิมในหลายรายการ เช่น การนำพระพุทธรูปปางลีลาไปไว้บนจั่วศาลหลักเมือง การเอาเสาหินอ่อน 12 ต้นเข้าไปค้ำอยู่ในศาลหลักเมือง การปั้นพระยานาคให้มีเกร็ด เหล่านี้เป็นต้น


อยากรู้ว่านาทีไหน ชั่วโมงไหนที่หน่วยงานรับผิดชอบ จะขยับประชุมคณะทำงานปรับปรุงแก้ไขศาลหลักเมืองให้กลับคืนสภาพเดิม


สำนึกถึงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดในการบูรณะศาลหลักเมืองนครศรีฯ แค่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล

 #นายหัวไทร

 #ทำเฒ่าเรื่องเพื่อน

 #หาดม่วงงาม

 #ศาลหลักเมืองนครศรีฯ

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

Air Asia เปิดเส้นทางบินใหม่เที่ยวบินปฐมฤกษ์ นราธิวาส-สุวรรณภูมิ บินตรงวันละ 1 เที่ยวโปรโมชั่นเริ่มต้น 1,400 บาทต่อเที่ยว จ.นราฯพร้อมรับนักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความสวยงามในพื้นที่(มีคลิป)


Air Asia เปิดเส้นทางบินใหม่เที่ยวบินปฐมฤกษ์ นราธิวาส-สุวรรณภูมิ บินตรงวันละ 1 เที่ยวโปรโมชั่นเริ่มต้น 1,400 บาทต่อเที่ยว จ.นราฯพร้อมรับนักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความสวยงามในพื้นที่(มีคลิป) 


 


ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาสรายงาน Tel.0824154474 




วันนี้ (1 กรกฎาคม 2568)ที่ท่าอากาศยานนราธิวาส ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยผู้อำนวยการท่าอากาศยานนราธิวาส ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนราธิวาส ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมให้การต้อนรับและมอบของที่ระลึกให้กับผู้โดยสารเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบิน AirAsia เที่ยวบินรอบปฐมฤกษ์ FD 4252 เส้นทางบินใหม่ สุวรรณภูมิ - นราธิวาส ซึ่งมาถึงท่าอากาศยานนราธิวาสในเวลา 12.55 นาที ไปและกลับ 1 เที่ยวบินต่อวัน โดยเที่ยวบินแรกจะเริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม  2568 เป็นต้นไป 


ทั้งนี้สายการบินแอร์เอเชียก้าวสู่ปีที่ 21 ในการเป็นครอบครัวเเละให้บริการชาวนราธิวาส เริ่มบินตรงปฐมฤกษ์เส้นทางบินใหม่ “นราธิวาส-สุวรรณภูมิ” ทุกวันๆ ละ 1 เที่ยวบิน เสริมทัพเส้นทาง “นราธิวาส-ดอนเมือง” สูงสุด 2 เที่ยวบินต่อวัน ที่ได้รับการตอบรับอย่างดี ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้นอย่างต่องของนักท่องเที่ยว และเป็นการขยายเครือข่ายเส้นทางบินภายในประเทศของสายการบินไทยแอร์เอเชียให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น 





นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ไทยแอร์เอเชียผูกพันกับชาวนราธิวาสมายาวนาน และให้บริการเส้นทางบินตรงกรุงเทพ-นราธิวาสต่อเนื่อง ปีนี้ก้าวสู่ปีที่ 21 แล้ว พนักงานทุกคนที่สถานีนราธิวาสของแอร์เอเชียก็เป็นชาวนราธิวาสที่เติบโตมาด้วยกัน เราขอขอบคุณชาวนราธิวาสที่ให้การสนับสนุนแอร์เอเชียด้วยดีเสมอมา การเปิดเส้นทางบินใหม่ครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวความสำเร็จร่วมกัน เราหวังว่าการเปิดบินครั้งนี้จะช่วยเพิ่มทางเลือกการเดินทางให้ชาวนราธิวาส บินได้ทั้งดอนเมือง(DMK) และสุวรรณภูมิ(BKK) รวมทั้งโอกาสในการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่บินมาลงที่สุวรรณภูมิ สามารถต่อเที่ยวบินตรงมาที่นราธิวาสได้สะดวกและคุ้มค่า ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายเเละเศรษฐกิจต่อไป

นายนูอิลเลียส อิลยาฌาอ ตอยิบฌูโกร ผู้จัดการแอร์เอเชีย ประจำท่าอากาศยานนราธิวาส กล่าวว่า ที่ผ่านมาเส้นทางนราธิวาส-ดอนเมืองได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่อง จนเราสามารถเพิ่มบินเป็นสูงสุด 2 เที่ยวบินต่อวัน และด้วยการผลักดันจากทางภาครัฐ เอกชน ชาวนราธิวาส ทำให้แอร์เอเชียตัดสินใจเปิดเส้นทางบินใหม่ “นราธิวาส-สุวรรณภูมิ” บินตรงทุกวันๆ ละ 1 เที่ยวบิน ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในเที่ยวบินปฐมฤกษ์วันนี้


และในโอกาสเฉลิมฉลองพิเศษ แอร์เอเชียได้จัดโปรโมชั่นบินคุ้ม เส้นทางบินตรง จาก กรุงเทพฯ ทั้ง ดอนเมือง และ สุวรรณภูมิ  สู่ นราธิวาส เริ่มต้นเพียง 1,400 บาทต่อเที่ยว  สำรองที่นั่งได้ตั้งเเต่ 1-31 กรกฎาคม 2568 เพื่อเดินทางได้ตั้งเเต่ 1 กรกฎาคม ถึง 31 ธันวาคม 2568  


ทั้งนี้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่จะเดินทางผ่านสายการบินดังกล่าว สำหรับเที่ยวบิน FD4252 สุวรรณภูมิ - นราธิวาส เวลาออก 11.20 น. เวลาถึง 12.55 น. และเที่ยวบิน FD4253?นราธิวาส - สุวรรณภูมิ เวลาออก 13.25 น. เวลทถึง 14.55 น.


โดยสายการบินแอร์เอเชีย เพิ่งได้รับการประกาศเป็น “สายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก” จากการจัดอันดับโดยสถาบันสกายเเทรกซ์ เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ถือเป็นสมัยที่ 16 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยแอร์เอเชียยังมีสถิติความตรงต่อเวลาสูงสุดในไทย จากสถิติโดยสถาบัน Cirium ในปีที่ผ่านมา ตอกย้ำจุดยืนการให้บริการความคุ้มค่าควบคู่คุณภาพบริการในระดับสากล


ด้านว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่าสำหรับความพร้อมในสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดนราธิวาสนั้นพร้อมมานานแล้ว ทั้งในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว เพียงรอบรรดานักท่องเที่ยวที่จะมาที่นี่ก็จะได้สัมผัสความสวยงามทั้งในเรื่องของธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าเขาลำเนาไพร หรือถ้าชอบชมนกชมไม้ ก็ในช่วงต้นฤดูฝนก็จะได้สัมผัสกับป่าปารฮาลาบาลา ดูนกเงือกในพื้นที่ใกล้เคียงนี้ ซึ่งเมื่อลงเครื่องก็สามารถที่จะไปแวะกินลมชมวิวชายทะเลได้ ขอยืนยันในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดนราธิวาสเรามีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะรองรับการท่องเที่ยว ซึ่งตอนนี้เราก็พยายามพูดคุยในเรื่องของการนำนักท่องเที่ยวไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวที่จะเพิ่มเที่ยวหรืออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว อยากจะให้ความมั่นใจว่านราธิวาสพร้อมที่จะรองรับนักท่องเที่ยวเพื่อมาเยือนนราธิวาส ถ้าท่านมาแล้วรับรองว่าจะติดใจ

วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2568

บิ๊กโจ๊ก พาคนใต้กว่า 300 ชีวิต เหินฟ้ากลับบ้าน ในโครงการพาคนใต้กลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 ยืนยันกิจกรรมนี้ จะเป็นปฏิทินสมาคม ที่จะจัดอย่างต่อเนื่อง ย้ำพรุ่งนี้จะมีส่งอีก 300 กว่าชีวิตขึ้นรถบัตรวีไอพีกลับภูมิลำเนา ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย (มีคลิป)

 บิ๊กโจ๊ก พาคนใต้กว่า 300 ชีวิต เหินฟ้ากลับบ้าน ในโครงการพาคนใต้กลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 ยืนยันกิจกรรมนี้ จะเป็นปฏิทินสมาคม ที่จะจัดอย่างต่อเนื่อง ย้ำพรุ่งนี้จะมีส่งอีก 300 กว่าชีวิตขึ้นรถบัตรวีไอพีกลับภูมิลำเนา ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย (มีคลิป)



เมื่อวันที่  8 เมษายน  2568 ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เดินทางมาส่งพี่น้องประชาชนชาวปักษ์ใต้ที่เข้าร่วมโครงการพาคนใต้กลับบ้าน โดยสายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งมีด้วยกันสี่เที่ยวบินประกอบด้วยท่าอากาศยานดอนเมือง - หาดใหญ่ สองเที่ยวบิน และท่าอากาศยานดอนเมืองสุราษฎร์ธานี และ นครศรีธรรมราช อีกอย่างละหนึ่งเที่ยวบินรวมพี่น้องชาวใต้ที่ได้กลับบ้านในโครงการนี้ 320 ที่นั่ง


ซึ่งในช่วงเช้าผู้ที่เข้าร่วมโครงการตามสิทธิ์ได้ทยอยเดินทางมารวมตัวกันที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อ ลงทะเบียนรับบัตรโดยสาร ท่ามกลางกรรมการสมาคมที่มาต้อนรับอย่างอบอุ่น 


พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ บอกว่าจากนี่ไปกิจกรรมพาคนใต้กลับบ้าน ในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ จะเป็นกิจกรรมประจำปีที่จะมีการทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้จบเพียงโครงการและเลิกแล้วต่อกัน 


โดยในวันพรุ่งนี้ก็จะส่งพี่น้องประชาชนอีก 300 กว่าคนเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยรถบัสวีไอพีจำนวน 7 คัน นัดพบกันที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนกาญจนาภิเษก เปิดให้ผู้ที่ได้สิทธิ์ในโครงการลงทะเบียนออกเดินทางในเวลา 18:00 น. และขบวนรถทั้ง 7 คัน จะออกพร้อมกันในเวลา 21:00 น. ซึ่งตนจะเดินทางไปส่งพี่น้องประชาชนอีกเช่นเดิม 

ในโครงการนี้นอกจากการเดินทางฟรีแล้วยังมีอาหารว่างน้ำดื่มและอาหารให้รับประทานกันอย่างเต็มที่ เป็นกิจกรรมดีดีที่สมาคมเตรียมเอาไว้เพื่อช่วยพี่น้องประชาชนชาวใต้ลดค่าใช้จ่าย เนื่องจากในช่วงนี้ภาวะเศรษฐกิจ ไม่ค่อยจะสอดคล้องกับค่าของชีพ นี่จะเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แม้จะเป็นเพียงบางส่วนก็ตาม


ซึ่งจากการสำรวจราคาตั๋วโดยสารพบว่าปกติแล้วช่วงเทศกาลราคาจะปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากความต้องการในการเดินทางสูงแต่จำนวนรถและเครื่องบินมีจำกัด และเป็นไปตามกลไกตลาด ดังนั้นหากไม่มีโครงการแบบนี้พี่น้องประชาชนที่อยากจะเดินทางกลับบ้านก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงโดยเฉพาะบ้านที่มีสมาชิกหลายคนและต้องการกลับภูมิลำเนาเพื่อไปกราบไหว้พ่อแม่และผู้สูงอายุที่บ้านเพื่อเป็นสิริมงคลในช่วงปีใหม่ไทย


จากการพูดคุยกับผู้ได้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการ ยอมรับว่าโครงการนี้ช่วยลดภาระได้เป็นอย่างดี ตนและภรรยาสองชีวิต ต้องการกลับบ้านที่หาดใหญ่ ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก เมื่อได้ตั๋วเครื่องบินฟรีแบบนี้ก็จะทำให้มีเงินไปดูแลลูกหลาน 

ขณะที่ ผู้โดยสารมุสลิมจากจังหวัด นราธิวาส บอกว่าตัดสินใจเข้าร่วมโครงการโดยลงเครื่องที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่แม้จะไม่ใช่สถานีปลายทางแต่สามารถต่อรถไป อีกทอดซึ่งไม่ไกลมาก จึงประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย ขอบคุณทางสมาคมและนายกสมาคม ที่จัดทำโครงการเช่นนี้









นอกจากพี่น้องประชาชนแล้วในครั้งนี้พบว่ามีข้าราชการบางส่วน สมัครเข้าร่วมโครงการด้วยเพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา หนึ่งในนั้นเป็นข้าราชการตำรวจ เดินทางกลับพร้อมภรรยา เค้าบอกว่าโชคดีที่ การเข้าเวรไม่ตรงกับช่วงเวลา จึงสามารถกลับบ้านได้ก่อนเทศกาล ทำให้ประหยัดเงินไปได้มาก และดีใจที่ได้กลับไปไหว้พ่อแม่หลังจากที่มาทำงานในกรุงเทพตลอดทั้งปีที่ผ่านมา



สำหรับกิจกรรมพาคนใต้กลับบ้านในช่วงเทศกาลครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 4 แล้ว โดยครั้งแรกเป็นการเช่ารถตู้โดยสารพาคนใต้ที่ป่วยเป็นโควิดกลับภูมิลำเนาหลังจากติดเชื้อและไม่มีที่พักหรือญาติดูแลต้องการเดินทางกลับภูมิลำเนา จากนั้นจึงจัดขึ้นเป็นครั้งที่สองในโครงการพาคนใต้กลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2567 และ ถัดมาเป็นพาคนใต้กลับบ้านในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 และครั้งล่าสุดคือพาคนใต้กลับบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 ในวันนี้

ประพันธ์  ฤทธิวงศ์ บก.เว็ปไซต์สื่อออนไลน์ ปลายด้ามขวาน@ชายแดนใต้/รายงาน










โฆษณา


วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้