นายอนันต์ แสงชาตรี พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุมคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (คณะทำงาน E3)"
วันที่ 2 กรกฎาคม 2564 นายอับดุลนัสเซอร์ หะมิ พัฒนาการอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า นายอนันต์ แสงชาตรี พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุมคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (คณะทำงาน E3) โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิ พัฒนาการอำเภอจาก 13 อำเภอ
และนางพจนารถ เหล่าที ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน เป็นเลขานุการ, นางสาวถิรนาถ อุนนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุมงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน, นายปิยะ ลำพรหมสุข นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ณ ห้องประชุมพระยานราศัยสุนทร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส มีการปฏิบัติการประชุมตามมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ซึ่งมีประเด็นสำคัญในการประชุม ดังนี้
1. เพื่อทบทวนบทบาทหน้าที่ของคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (คณะทำงาน E3)
2. ทบทวนกลุ่มเป้าหมายการดำเนินงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ประกอบด้วย กลุ่มเกษตร จำนวน 30 กลุ่ม กลุ่มแปรรูป (OTOP/SMEs) จำนวน 47 กลุ่ม และกลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชน จำนวน 11 กลุ่ม รวมทั้งหมด 88 กลุ่มเป้าหมาย
3. ติดตามพระราชวินิจฉัยของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยการเสนอโครงการยกระดับผลิตภัณฑ์ผ้าทอนราธิวาส เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยเส้นใยและสีย้อมธรรมชาติ ภายใต้แผนงาน/โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น ระดับพื้นที่
และมีวาระเพื่อพิจารณา ในกลุ่มงานแปรรูป (OTOP/SMEs) เรื่องของการส่งเสริมการสวมใส่ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” โดยขอความร่วมมือให้หน่วยงานภาคราชการ และภาคเอกชน ได้นำผ้าทอ และผ้าท้องถิ่น ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ของจังหวัดนราธิวาส มาตัดเย็บเป็นชุดประจำหน่วยงาน/องค์กร (Uniform) หรือชุดทีมของหน่วยงาน เป็นต้น
ด้านการเกษตร บริษัทประชารัฐรักสามัคคีนราธิวาส (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด มีแผนให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกลองกอง โดยมีแผนดำเนินการจัดทำลองกองพรี่เมียม เพื่อจำหน่วยในช่วงเดือนสิงหาคม ถึง กันยายน 2564
เพื่อเป็นการช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ และเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชน ในยามเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง ชุมชนเข้มแข็ง พึ่งตนเองได้ในที่สุด
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น