กยท.รุกจัดสวัสดิการชาวสวนยาง! ศึกษา”โครงการสมัครใจจ่ายสมทบ”
นายสุนทร รักษ์รงค์
การยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท.
มีเป้าหมายที่จะพัฒนาวงการยางพาราไทยให้ก้าวไกล
และมุ่งที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางให้ดีขึ้น
ด้วยเหตุนี้หลักคิดในส่วนของสวัสดิการที่ถูกจัดขึ้นมาเพื่อเกษตรกรชาวสวนยางทั้งหลาย
จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาวสวนยางพาราเป็นหลัก ทุกๆ
สวัสดิการที่ถูกจัดสรรมาจะมีส่วนช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทั้งในส่วนเฉพาะหน้าและระยะยาว
แม้สวัสดิการมากมายที่ถูกจัดสรรออกมาจะช่วยเหลือได้มากแล้ว
แต่ด้วยหลักคิดที่คำนึงชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรชาวสวนยาง “ต้องดีขึ้น”
ทำให้คณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ภายในการนำของ “นายประพันธ์
บุณยเกียรติ” ผู้เป็นประธานบอร์ด กยท.
ที่มุ่งมั่นพัฒนาและจัดหาสิ่งดีๆ มามอบให้ชาวสวนยางพาราอย่างสม่ำเสมอ
ซึ่งโครงการต่อไปที่มีการดำเนินการเตรียมพร้อมที่จะนำมาใช้ในอนาคตสำหรับกเษตรกรชาวสวนยางนคือ
“โครงการสมัครใจจ่ายสมทบ” ซึ่งศึกษาความเป็นไปได้โดย
นายสุนทร รักษ์รงค์ กรรมการการยางแห่งประเทศไทย
และอนุกรรมการศึกษาข้อมูลการจัดสวัสดิการและอื่นๆ เพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง กยท.
“โครงการสมัครใจจ่ายสมทบ
สวัสดิการสำหรับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางที่มีแผนการร่างไว้คร่าวๆ
และมีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ในเบื้องต้น”นายสุนทร
กล่าว และว่า
ปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือ
พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางบัตรเขียวมีจำนวนประมาณ 1.4 ล้านราย และบัตรชมพูประมาณ 4
แสนราย 6 ล้านไร่ ไม่เกินสิ้นปีนี้น่าจะยกระดับเป็นบัตรเขียว
ซึ่งจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 1.8 ล้านราย และภายใน 3 – 4
ปีนี้ มองว่าประกันภัยอุบัติเหตุยอดน่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
โดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะทำต่อไปไม่ไหว โดยต่อปีเรามีงบประมาณในสวัสดิการ มาตรา 49
(5) ตกประมาณ 500 กว่าล้านบาท ถ้าไปซื้อประกันอุบัติเหตุมูลค่ากว่า 3 – 4
ร้อยล้านก็คงแย่
“ตอนนี้คุณสังข์เวิน ทวดห้อย กรรมการการยางพาราแห่งประเทศไทย และประธานคณะอนุกรรมการศึกษาข้อมูลการจัดสวัสดิการและอื่นๆ
เพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง กยท.
ได้แต่งตั้งให้ผมเป็นประธานคณะทำงานศึกษาแนวทางการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการเกษตรกรชาวสวนยางแบบสมัครใจจ่ายสมทบ”
นายสุนทร กล่าวว่า
เมื่อพูดถึงโครงการสมัครใจจ่ายสมทบแล้ว ก็ต้องพูดถึงสังคมสวัสดิการและรัฐสวัสดิการ
สังคมสวัสดิการเนี่ยต่างจากรัฐสวัสดิการ ในปัจจุบัน
รัฐสวัสดิการแถบสแกนดิเนเวียที่เคยโด่งดัง วันนี้เมื่อเผชิญกับปัญหาโควิด ก็มีข่าวลือแพร่กระจายออกมาว่า เอาไว้ดำเนินการกับผู้สูงวัย
นั่นก็เพราะ งบประมาณในการจัดรัฐสวัสดิการเริ่มมีปัญหา คนตกงานก็ได้
ไหนจะผู้สูงอายุที่ต้องดูแล ดังนั้น ชุดความคิดเรื่องรัฐสวัสดิการ
จึงเป็นชุดความคิดที่หลายเป็นตัวลดภาระของภาครัฐ คือประชาชนจะต้องพึ่งพาตัวเองก่อน
เราก็จะใช้เงื่อนไขตามกฎหมาย ไม่ว่าจะของกยท. หรือของทางเราเอง
หรือไม่เช่นนั้นเราก็จะดูว่ามีเงื่อนไขอื่นที่สามารถที่จะดึงเงินสมทบมาช่วยเหลือพี่น้อง
เช่น สมมุติพี่น้องชาวเกษตรกรสะสมวันละ 1 บาท
ระยะ 1 ปีต่อคนก็เป็นจำนวน 365 บาท แล้วถ้ากยท.สมทบไปอีก 365 บาท
หรือใช้สวัสดิการชุมชนของ พอช. (สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน) มาสมทบอีก 365 บาท ใน 1
ปี พี่น้องเกษตรกรก็จะมีเงินอยู่ประมาณ 1,000 บาท
ส่วนจะเอาไปทำอะไรต่อไปนั้นเป็นเรื่องที่ทางหน่วยเล็กๆ เขาจะนำไปจัดการต่อเอง
“กองทุนสวัสดิการเป็นเรื่องที่พี่น้องเกษตรกรต้องมีความพร้อม
และไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะให้พี่น้องตื่นตัวและสะสมก่อน ดังนั้น
สิ่งที่เราต้องดำเนินการ คือ หลังจากทำการศึกษาเสร็จ เราจะลงพื้นที่ไป 7
เขตทั่วประเทศ เพราะว่า การออกแบบในเรื่องนี้ วันนี้เราสมมติว่า 1 บาทต่อวันต่อคน
แต่พี่น้องเกษตรกรอาจจะบอก 50 สตางค์ก็ได้ ดังนั้น เราจึงต้องลงไปสอบถามความคิดเห็นของพี่น้องเกษตรกรก่อน”
นายสุนทร กล่าวต่อว่า
วันนี้สวัสดิการจะกลายเป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขที่เป็นความสุขให้กับชาวเกษตรกรชาวสวนยางพารา
จากการได้รับสิทธิ์สวัสดิการเหล่านี้
เรามุ่งหวังว่าในวันนี้รวมถึงความช่วยเหลือต่อไปในอนาคต จะต้องไปถึงพี่น้องบัตรสีชมพูที่จะยกระดับเป็นบัตรเขียว
ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นทางออกที่จะเป็นแบบอย่างให้กลุ่มเกษตรกรชนิดอื่น
เขาได้เห็นเป็นแบบอย่างว่าชาวสวนยางก็ทำได้ในการจัดการตัวเองของชาวสวนยาง
โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก
“ยกตัวอย่างถ้ากองทุนจัดตั้งเสร็จ เรามีเงิน
1,000 บาท ต่อคนอยู่ในมือ ในขณะที่เราทำประกันอุบัติเหตุคนหนึ่งประมาณ 100 กว่าบาท
เรายังมีเงินเหลือที่ไปซื้อประกันสุขภาพ ประกันสุขภาพสามารถมีค่ารักษาพยาบาลได้
และคนกรีดยางเมื่ออายุเข้า 60 ปี
ก็อาจจะมีบำนาญจัดให้สำหรับคนกรีดยางที่เกิดขึ้นจากการกองทุนสวัสดิการนี้
หรือว่าเกิดภัยพิบัติในที่อื่นๆ เขาอาจจะช่วยในเรื่องของต้นยางพารา
แต่สำหรับเกษตรกรรายย่อยอาจจะลำบากในเรื่องของการเงิน
เราก็อาจจะมีกองทุนช่วยเยียวยาเดือนละ 3,000 - 4,000 บาท
เพื่อให้เขามีเงินในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันโดยไม่ขัดสนเกินไปนัก”
นายสุนทร กล่าว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น