ชุดสืบนราธิวาส บุกตรวจร้านขายใบกระท่อมถนนสายหลักเมืองนราธิวาส เดินหน้ากวาดล้างต่อเนื่องเพื่อคุมเข้มและป้องกันผลกระทบต่อประชาชน ขานรับนโยบายรัฐบาล"No Drugs No Dealers"(มีคลิป)

ชุดสืบนราธิวาส บุกตรวจร้านขายใบกระท่อมถนนสายหลักเมืองนราธิวาส เดินหน้ากวาดล้างต่อเนื่องเพื่อคุมเข้มและป้องกันผลกระทบต่อประชาชน ขานรับนโยบายรัฐบาล"No Drugs No Dealers"(มีคลิป)

ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาสรายงาน Tel.0824154474 

(วันนี้ 30 ก.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายใต้การสั่งการของ พ.ต.อ.ปรัชญา ไบเตะ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนราธิวาส

ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทนิ รอดชม สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองนราธิวาส งานสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองนราธิวาส พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ. เมืองนราธิวาส และหน่วยปฏิบัติการพิเศษนราธิวาส 11 ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าที่จำหน่ายใบกระท่อมที่วางจำหน่ายตามเส้นทางสายหลักในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส

สำหรับการลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล"No Drugs No Dealers" เพื่อยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ที่มุ่งเน้นการปราบปรามและควบคุมยาเสพติดทุกรูปแบบ รวมถึงการควบคุมพืชกระท่อมที่อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อป้องกันปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง และมาตรการควบคุมและป้องกันการลักลอบจำหน่ายใบกระท่อมผิดกฎหมาย หรือมีการปนเปื้อนสารอันตราย ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเยาวชนและประชาชน พร้อมทั้งเตือนผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีทันที 

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเร่งขยายผลหาต้นทางของใบกระท่อมที่วางขายแบบผิดกฎหมายในพื้นที่ พร้อมประกาศเดินหน้ากวาดล้างร้านค้าที่จำหน่ายอย่างผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อคุ้มครองและสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสต่อไป

ศป.ปส.อำเภอเมืองนราธิวาส ลงพื้นที่สุ่มตรวจปัสสาวะเจ้าหน้าที่รัฐ สร้างความมั่นใจโปร่งใส ปลอดยาเสพติด ขานรับนโยบายรัฐบาล “No Drugs No Dealers” เดินหน้าตรวจเข้มต่อเนื่องเพื่อสังคมปลอดยาเสพติด

ศป.ปส.อำเภอเมืองนราธิวาส ลงพื้นที่สุ่มตรวจปัสสาวะเจ้าหน้าที่รัฐ สร้างความมั่นใจโปร่งใส ปลอดยาเสพติด ขานรับนโยบายรัฐบาล “No Drugs No Dealers” เดินหน้าตรวจเข้มต่อเนื่องเพื่อสังคมปลอดยาเสพติด

 ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาสรายงาน Tel.0824154474 

วันนี้(30 ก.ค. 2568)ผู้สื่อข่าวรายงานว่าด้วยศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอเมืองนราธิวาส (ศป.ปส.อ.เมือง) ลงพื้นที่ดำเนินการสุ่มตรวจปัสสาวะเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการในพื้นที่ เพื่อป้องกันและปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติด รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าหน่วยงานรัฐปลอดจากยาเสพติดอย่างแท้จริง

 ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายโครงการมหาดไทยสีขาว สร้างพื้นที่ปลอดภัย หยุดยั้งยาเสพติด (Safe Zone No Drugs) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันมิให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจ เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทุกรูปแบบ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลสัมฤทธิ์ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย

โดยการสุ่มตรวจในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามมาตรการเชิงรุก โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า เพื่อให้ผลการตรวจเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยใช้ชุดตรวจสารเสพติดเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ทุกระดับชั้น ผลการตรวจเบื้องต้นไม่พบสารเสพติดในร่างกายของเจ้าหน้าที่ที่เข้ารับการตรวจแต่อย่างใด ซึ่งการสุ่มตรวจดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ในการขับเคลื่อนพื้นที่ปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน ภายใต้นโยบาย “No Drugs No Dealers” โดยดำเนินการตรวจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประชาชน โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินมาตรการเข้มงวดทั้งในด้านการตรวจสอบและการป้องกัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนสังคมปลอดยาเสพติดอย่างแท้จริง

ด้านนางดวงพร คงใหม่ ผู้อำนวยส่วนบริหารการศึกษาเทศบาลเมืองนราธิวาส กล่าวว่า เทศบาลเมืองนราธิวาสได้ร่วมกับ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอเมืองนราธิวาส ได้รับประสานขอร่วมมือตรวจปัสสาวะพนักงานเทศบาลพนักงานลูกจ้างของเทศบาล บุคคลภายนอกที่จ้างเหมาซึ่งมีทั้งหมด 817 คน แบ่งเป็นภาคเช้าและภาคบ่าย ซึ่งผลตรวจมาแล้วซึ่งไม่พบผู้ติดสารเสพติดถือเป็นโอกาสอันดี ถ้าพบเจอทางอำเภอจะเป็นผู้ดำเนินการในส่วนของตรงนี้รับผิดชอบในการอาจมีการไปบำบัดยาเสพติดในส่วนของเทศบาลเองถ้าตรวจเจอก็จะขัดคุณสมบัติของพนักงานอยู่แล้วก็ต้องดำเนินการเป็นการขันตอนต่อไป

จังหวัดนราธิวาสจัดแถลงข่าวเปิดฤดูกาลเก็บเกี่ยว ‘ทุเรียนบางนรา’ ผลไม้ขึ้นชื่อแห่งแดนใต้ ชูจุดเด่นรสชาติหวานมันเอกลักษณ์ ดันสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ สร้างรายได้มั่นคงให้เกษตรกรในพื้นที่(มีคลิป)

จังหวัดนราธิวาสจัดแถลงข่าวเปิดฤดูกาลเก็บเกี่ยว ‘ทุเรียนบางนรา’ ผลไม้ขึ้นชื่อแห่งแดนใต้ ชูจุดเด่นรสชาติหวานมันเอกลักษณ์ ดันสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ สร้างรายได้มั่นคงให้เกษตรกรในพื้นที่(มีคลิป) 

ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาสรายงาน Tel.0824154474 

วันนี้ (31 ก.ค.2568) ที่สวนทุเรียนพิธานนราธิวาส ตำบลบาโงสะโต อำเภอระแงะจังหวัดนราธิวาส ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานแถลงข่าวเปิดฤดูกาลเก็บเกี่ยวทุเรียนบางนรา จังหวัดนราธิวาส ประจำปี 2568 โดยมีนายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นางพนาวรรณ์ โทธรรม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส นายจตุรงค์ พรหมวิจิต เกษตรจังหวัดนราธิวาส นายวิมุตติ อำนักมณี นายอำเภอระแงะ นาง ศิริพร เลาหะกุล รองกรรมการ ผู้จัดการ บริษัทพาณิชย์ จำกัด พ.ต.อ.ศุภชัช ณ พัทลุง ผกก.สภ.ระแงะ หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนเข้าร่วมงานในครั้งนี้

ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวถึงความสำคัญของการส่งเสริมทุเรียนบางนราว่าเป็นจุดเริ่มต้น และเป็นโอกาสที่ดี ของการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการผลิตทุเรียน (ทุเรียนบางนรา) คุณภาพในพื้นที่ จังหวัดนราธิวาส เสริมสร้างภาพลักษณ์ผลไม้คุณภาพดีของจังหวัดนราธิวาส ให้เป็นที่รู้จัก และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคในการซื้อสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ ปลอดภัย รวมถึงการบริหารจัดการสวนทุเรียนเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตอบรับความต้องการของตลาด เกิดการสร้างเครือข่ายด้านการตลาด การผลิต การเพิ่ม ประสิทธิภาพการผลิตทั้งผู้ผลิตทุเรียน และผู้ซื้อในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ รวมถึงการรณรงค์ควบคุมป้องกันและแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพ (ทุเรียนอ่อน) ออกสู่ตลาดในฤดูกาลผลิต ปี พ.ศ.2568 เพื่อกำกับดูแลให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ ส่งออก ผู้ประกอบการร้านค้าปลีกผลไม้จังหวัดนราธิวาส

และผู้เกี่ยวข้อง จัดจำหน่ายสินค้าคุณภาพ เป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ผลไม้คุณภาพดีของจังหวัดนราธิวาส ให้เป็นที่รู้จักและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคในการซื้อสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพปลอดภัย รวมถึงการบริหารจัดการสวนทุเรียนเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ตอบรับความต้องการของตลาดสร้างรายได้ และผลตอบแทนให้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี สามารถขยายผลให้พี่น้องเกษตรกรผู้ผลิตทุเรียนรายอื่นในพื้นที่ผลิตทุเรียนคุณภาพ สร้างความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว

นายจตุรงค์ พรหมวิจิต เกษตรจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่ากิจกรรมแถลงข่าวประชาสัมพันธ์ "เปิดฤดูกาลทุเรียนบางนรา จังหวัดนราธิวาส ประจำปี พ.ศ.2568 "เพื่อการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการผลิตทุเรียน (บางนราคุณภาพ) ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เสริมสร้างภาพลักษณ์ผลไม้คุณภาพดีของจังหวัดนราธิวาสให้เป็นที่รู้จัก และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคในการซื้อสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพปลอดภัย รวมถึงการบริหารจัดการสวนทุเรียนเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตอบรับความต้องการของตลาด สร้างรายได้

 และผลตอบแทนให้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี ตลอดจนสามารถขยายผลให้พี่น้องเกษตรกรผู้ผลิตทุเรียนรายอื่นในพื้นที่มีการผลิตทุเรียนคุณภาพ สร้างความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว และสอดรับกับนโยบายกรมส่งเสริม การเกษตรด้านการรณรงค์ควบคุมป้องกันและแก้ไขปัญหาทุเรียนออกสู่ตลาด ในฤดูกาลผลิต ปี พ.ศ.2568

โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วยพิธีเปิดกิจกรรม เปิดฤดูกาลเก็บเกี่ยวทุเรียนบางนรามีดแรก จังหวัดนราธิวาส มอบเกียรติบัตรแก่นักคัด นักตัด ผู้ผ่าน การฝึกอบรม จำนวน 20 ราย การตัดทุเรียนมีดแรก จากต้นในสวนทุเรียนพิธาน นราธิวาส การรับ - ส่ง ทุเรียนมีดแรก การสาธิตการวิเคราะห์เปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งในเนื้อทุเรียน และพิธีแถลงข่าวประชาสัมพันธ์ เยี่ยมชมนิทรรศการความรู้งานวันรณรงค์ป้องกันกำจัดทุเรียน กิจกรรมแข่งขันกินผลไม้ กิจกรรมชิม ชม ชอบ แชะและการจำหน่ายผลผลิตและผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรในพื้นที่

นาง ศิริพร เลาหะกุล รองกรรมการ ผู้จัดการ บริษัทพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่าเราเป็นสวนทุเรียนบางนราจริงๆ เพราะว่าอยู่ในเขตอำเภอระแงะ ทีนี่เรามีวิทยาการจัดการแบบใหม่ คือเราใช้ความรู้ นำความรู้ องค์ความรู้จากจังหวัดจันทบุรี และมีนักวิชาการที่จะช่วยเราในการที่จะทำอย่างไรให้ทุเรียนบางนราเป็นทุเรียนที่มีคุณภาพ ซึ่งเราจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทางผู้ซื้อไม่ว่าจะเป็นการส่งออกตลาดจีน ซึ่งต้องการทุเรียนที่มีคุณภาพแบบไหนเราจะพยายามไปให้ถึงจุดนั้น และเราก็เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อที่จะให้เกษตรกรในจังหวัดนราธิวาส ได้เข้ามาเรียนรู้ในส่วนนี้ ว่าวิธีการใหม่ๆในการตัดแต่งกิ่ง การให้ปุ๋ย การให้น้ำรวมถึงการดูแล ในส่วนของความรู้จากส่วนราชการ ส่วนของเกษตรของสภาเกษตรในทุกองค์ความรู้ที่เราจะสามารถหามาได้

ไทย-มาเลย์ปิดท่าข้ามผ่อนปรนกว่า7เดือนจากผลพวงสกัดกั้นยาเสพติด ทำให้เศรษฐกิจรากหญ้าทรุดเงินที่เคยแพร่สะพัดหดหาย(มีคลิป)

ไทย-มาเลย์ปิดท่าข้ามผ่อนปรนกว่า7เดือนจากผลพวงสกัดกั้นยาเสพติด ทำให้เศรษฐกิจรากหญ้าทรุดเงินที่เคยแพร่สะพัดหดหาย(มีคลิป) 

ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาสรายงาน Tel.0824154474 

จากผลพวงของ พล.ต.ท.ดาโต๊ะมูฮัมหมัดยูโซฟ บินมามะ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตันประเทศมาเลเซีย ได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับการเดินทางเข้าออก ระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซียอย่างผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 18 พ.ย.67 ที่ผ่านมา นับจนถึงวันนี้เป็นระยะเวลานานกว่า 7 เดือน ซึ่งเป็นผลพวงจาก น.ส.วันโนรชาฮีดาอัซลิน บินตีวันอิสมาอีล นักร้องดังขวัญใจวัยรุ่น สัญชาติมาเลเซีย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหโก-ลก จับกุมพร้อมยาบ้า จำนวน 6,060 เม็ด ในพื้นที่ อสุไหโก-ลก เมื่อวันที่ 4 พ.ย.67 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติดและสิ่งผิดกฏหมายทุกชนิด

 ทางการประเทศมาเลเซียได้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนประเทศมาเลเซีย หรือ Senoi Praaq มาปฏิบัติหน้าที่ตามช่องทางข้ามธรรมชาติซึ่งเป็นจุดผ่อนปรน ทั้ง 6 ช่องทาง ของเมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอำเภอสุไหงโกลก คือ ท่าชมพู่, ท่าโรงเลื่อย, ท่ากอไผ่, ท่าเจ๊ะกาเซ็ง, ท่าประปาและท่าโต๊ะแว พร้อมกันนี้ทางการประเทศมาเลเซียได้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนอกเครื่องแบบ ทำการลาดตระเวนในการตรวจสอบบุคคล ตามเส้นทางที่มุ่งหน้ามาจากช่องทางข้ามธรรมชาติฝั่งไทย ซึ่งที่ผ่านมามีชาวไทยและชาวมาเลเซียฝ่าฝืนถูกจับกุมแล้วจำนวนหลายราย ปรับเป็นเงินต่อรายคนละ 10,000 ริงกิต หรือเปรียบเงินไทย ประมาณ 75,611 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 แต่ถึงอย่างไรก็ตามโดยทั้ง 2 ฟากฝั่ง ไทย-มาเลเซียยังคงมีการเปิดบริการเรือโดยสารรับจ้างตามปกติ ในช่วง 3 เวลา คือ ช่วงที่ 1.เวลา 06.00 น. ถึง 09.00 น. ช่วงที่ 2. เวลา 11.00 น. ถึง 14.00 น. และช่วงที่ 3. เวลา 17.00 น. ถึง 02.00 น. ซึ่งจุดผ่อนปรนไทยทั้ง 7 ช่องทางข้ามตามธรรมชาติ ก็มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ทหารกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 3 สนธิกำลังกับกำลัง อส.อ.สุไหโก-ลก ในการปฏิบัติหน้าที่ที่ช่องทางข้ามตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนที่มุ่งสู่ช่องทางข้ามธรรมชาติ เพื่อป้องกันการลักลอบขนย้ายลำเลียยาเสพติดทุกชนิดในเวลากลางคืน

ซึ่งประชาชนที่ยึดอาชีพขับเรือโดยสารรับจ้างข้ามฟากทั้ง 2 ฟากฝั่ง ไม่รับประกันถึงความปลอดภัย ที่สุ่มเสี่ยงและอาจจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนอกเครื่องแบบของประเทศมาเลเซียจับกุม ทำให้ปัจจุบันมีประชาชนทั้งชาวไทยและชาวมาเลเซียใช้บริการเรือข้ามฟากไปมาหาสู่กันบางตา ส่งผลทำให้มาตราการสกัดกั้นยาเสพติดและสิ่งผิดกฏหมายทุกชนิดของประเทศมาเลเซีย ขยายผลทำให้ประชาชนชาว อ.สุไหงโก-ลก ที่อาศัยอยู่บริเวณ 7 ช่องทางธรรมชาติจุดผ่อนปรน มีวิถีชีวิตเปลี่ยนไปแถมเจ้าของผู้ประกอบการต่างๆ ต้องประสบกับปัญหาเศรษฐกิจที่ทรุดหนัก เงินที่เคยแพร่สะพัดก็พลอยหดหายไปแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

 ด้านนายสูไฮมิง โต๊ะรายอ ซึ่งยึดอาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง บริเวณช่องทางข้ามผ่อนปรนชุมชนท่าโรงเลื่อย กล่าวว่า วิถีชีวิตตอนนี้คือรายได้ที่เคยมีหายหมดเลย ปกติคนที่นี่ส่วนมากจะเดินทางมาซื้อของก็ขึ้นวินซื้อของกลับไปมา คนในพื้นที่พอปิดแบบนี้คือลำบากเลยประชาชนชาวบ้านริมคลองแบบนี้คือไม่สามารถทำงานได้ ส่วนมากคนมาเลเซียมาเที่ยวบ้านเราเพื่อซื้ออาหารของกิน บางครั้งก็เช่าโรงแรมเมื่อเสร็จก็กลับไป เมื่อปิดแบบนี้คือยากเลยครับ เศรษฐกิจบ้านเราส่วนมากจะเป็นร้านอาหารร้านค้าวินมอเตอร์ไซด์มีผลกระทบหมดเลย