เลขาธิการ
ศอ.บต. กล่าวถึงกรณี ศอ.บต.จัดซื้อโรงแรมเก่าใจกลางเมืองยะลา
เพื่อจะต้องเป็นศูนย์กลางการบริการประชาชนในมิติต่างๆ
นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการ ศอ.บต.
กล่าวถึงกรณีการจัดซื้อโรงแรมชางลี ของ ศอ.บต. เมื่อปี พ.ศ. 2555 จนทำให้เกิดกระแสข่าวต่อเนื่องถึงการใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก
ว่าคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งหลายๆ
ข้อมูลสำคัญของการตัดสินใจในการจัดซื้อในครั้งนี้คืออะไรนั้น
เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวต่ออีกว่า ประการแรก
พวกเราหน่วยงานของรัฐและประชาชนในพื้นที่ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ถ้าวันนี้ โรงแรมชางลี
ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสิโรรสใจกลางสำคัญของเมืองยะลาและจังหวัดชายแดนภาคใต้
ต้องเป็นโรงแรมร้าง
เป็นหนึ่งในอนุสาวรีย์ขนาดยักษ์ที่ตั้งตระหง่านให้ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาต้องทอดถอนใจกับผลแห่งวิกฤติเศรษฐกิจและวิกฤติความรุนแรงในพื้นที่
ดังนั้น เราต้อง Rebranding ในส่วนนี้ให้ได้
และทำให้เป็น Landmark แห่งใหม่
โดยดึงพลังจากทุกภาคส่วนมาทำงานร่วมกัน
ผมคิดเสมอว่าหากทุกภาคส่วนมุ่งมั่นแล้วว่าจะขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่แล้ว
จำเป็นจะต้องสร้างระบบการพัฒนาเพื่อให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น เมื่อเอกชนมั่นใจ
ก็จะนำไปสู่การกระตุ้นวงจรธุรกิจให้หมุนไปอย่างต่อเนื่องและจะทำให้ปัญหาการว่างงานลดลง
ในส่วนนี้ ท่านนายกเทศมนตรีนครยะลา ได้ให้ข้อมูลว่าเมื่อ 4 - 5 ที่ผ่านมา รายได้ประชาชนในจังหวัดยะลาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
เพราะภาวะเศรษฐกิจในพื้นที่จมดิ่งอย่างหนัก
สอดคล้องกับข้อมูลการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ชี้ชัดว่าตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ถึง ปัจจุบัน มีการลงทุนจากเอกชนเพียง 20 กว่ารายเท่านั้น
ดังนั้น เราจะยอมกันให้เป็นแบบนี้ต่อไปหรืออย่างไร หรือ
เราต้องร่วมกันหามาตรการและโครงการต่างๆ เพื่อเข้าไปฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจให้ก้าวเดินต่อไป
ในส่วนนี้เอง ผมคิดเสมอว่าพวกเราจะต้องมาช่วยกันคิดต่อว่า
โจทย์ที่ชัดเจนของเราวันนี้ คือ เศรษฐกิจต้องเดินหน้า
เงินต้องมีอยู่ในกระเป๋าประชาชน โอกาสที่ดีของประชาชนต้องมี
การมีโรงแรมชางลีจะต้องตอบโจทย์ในส่วนนี้ได้ ในใจผมคิดว่าวันนี้
เรามีนักธุรกิจรุ่นใหม่จำนวนมาก จะทำอย่างไรให้นักธุรกิจเหล่านี้
มารวมตัวกันและทำธุรกิจในที่แห่งนี้
เพื่อให้เกิดความคึกคักและตื่นตัวที่จะร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของพื้นที่ซึ่งสอดรับกับโครงการเมืองต้นแบบฯ
ของรัฐบาลฯ ที่ต้องการสร้างธุรกิจรุ่นใหม่ให้เป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่
นอกจากนี้ เรายังมีภาคเอกชนที่มีศักยภาพ เรายังมีประชาชนที่จะต้องเข้าไปดูแลเกือบ 2 ล้านคน เราจะเข้าไปดูแล ช่วยเหลือและพัฒนาอย่างไร
ประการที่ 2 เมื่องมองศักยภาพของโรงแรมชางลีที่มีพื้นที่ใช้สอยจำนวนมากกว่า 1 หมื่นตารางเมตร เราตั้งใจเลยว่า สิ่งแรกที่เราจะทำ คือ
หอเกียรติยศสถาบันกษัตริย์กับการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกท่านคงทราบดีว่า
ในหลวงรัชกาลที่ 9 และ พระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
มีโครงการพระราชดำริ น้อยใหญ่จำนวนมาก ทั้งเรื่องน้ำ ป่า การเกษตรและอื่นๆ
เมื่อวันนี้ เราต้องการให้ประชาชนได้เรียนรู้โครงการพระราชดำริ
ได้เรียนรู้หลักการทรงงาน ได้เรียนรู้ความหมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอพียงที่แท้จริง
ผ่านการทรงงานของพระองค์ท่าน รวมทั้ง ให้ลูกหลานคนในพื้นที่ รับรู้และตราตรึงอยู่ในความทรงจำของพระมหากรุณาธิคุณของทุกพระองค์ที่เสด็จมาทรงงานในพื้นที่
โดยเฉพาะกระผมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทรงเสด็จมาในงานเมาลิดกลาง ทุกปี สิ่งเหล่านี้
เป็นสิ่งที่มีคุณค่าและมงคลสูงสุดที่เราต้องการให้ประชาชนได้ร่วมจำจดและน้อมนำไปประยุกต์สู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวันให้ได้
ผมเชื่อมั่นว่าคนทุกคนในพื้นที่รักในหลวงและรักสถาบันกษัตริย์อย่างสูงสุดและปรารถนาให้มีหอเกียรติยศสถาบันกษัตริย์ในพื้นที่ให้ได้
ประการที่ 3 เมื่อเรามุ่งมั่นที่จะให้บริการประชาชนเป็นเป้าหมายการทำงานสูงสุด
พื้นที่แห่งนี้ จะต้องเป็นศูนย์กลางการบริการประชาชนในมิติต่างๆ
ศูนย์กลางการศึกษาของอาเซียน ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและสังคม
ศูนย์กลางพหุสังคมที่ประชาชนทุกศาสนามาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึงคุณค่าของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
รวมทั้ง ศูนย์กลางการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ
เบื้องต้น
เราจะพัฒนาศูนย์กลางที่กล่าวถึงไว้ทั้งหมดในรูปแบบศูนย์บริการประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้
เช่น
1. ศูนย์บริการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบแบบครบวงจร
2. ศูนย์บริการกิจการพุทธศาสนาและกิจการฮัจญ์
3. ศูนย์ประสานการบริการและการลงทุนอย่างครบวงจร
4. ศูนย์บริการหนังสือเดินทางสำหรับประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้
5. ศูนย์ประสานงานส่วนราชการและศาสนาเชิงพหุวัฒนธรรม
6. ศูนย์กลางอาเซียน และ IMT-GT (โครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ
อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย)
7. สถาบันเกษตรประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้
8. ศูนย์ดูแลคุณภาพชีวิตเด็กพิเศษตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
สยามมงกุฎราชกุมารี
9. ศูนย์พัฒนาการศึกษาและภาษาอาเซียน
10. สถานีโทรทัศน์เพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพครู การเผยแพร่ความรู้
และการประชาสัมพันธ์
11. สถาบันพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนกลุ่มเป้าหมายพิเศษที่รัฐต้องเข้าไปดูแลและให้ความช่วยเหลือ
12. สถาบันพัฒนาบุคลากรจังหวัดชายแดนภาคใต้
เลขาธิการ ศอ.บต. ยังกล่าวอีกว่า
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดที่จะผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมเพราะผมเชื่อมั่นว่าการดูแลและให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างครอบคลุมทุกมิติการพัฒนา
เป็นการขับเคลื่อนที่สำคัญที่น้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน "เข้าใจ เข้าถึง
พัฒนา" และ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" มาสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม
เป้าหมาย คือ ประชาชนต้องมีความกินดี อยู่ดีและมีความสุข
สามารถฟื้นความไว้วางใจระหว่างรัฐกับประชาชน
และสามารถเดินหน้าการพัฒนาพื้นที่ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต สังคม และวัฒนธรรม
ตัวอย่างในเรื่องนี้ คือ เมื่อวันที่ผมไปเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนในพื้นที่สุไหงโก-ลก
ภาคเอกชนที่เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่
ก็มีการสอบถามเข้ามาว่านักธุรกิจรุ่นใหม่จะเข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่นี้ได้หรือไม่
อย่างไร ผมก็สร้างความมั่นใจว่า วันนี้ รัฐอำนวยความสะดวกให้กับเอกชน ดังนั้น
พื้นที่ในส่วนนี้ หากมีโครงการ หรือ กิจกรรมที่เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาพื้นที่
เราเปิดให้อย่างเต็มที่ ซึ่งในส่วนนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ก็เข้าไปดูแลและรับไปดำเนินการแล้ว
ประการสุดท้าย
ที่หลายฝ่ายแสดงความห่วงใยว่าการจัดซื้อโรงแรมชางลีและงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงและพัฒนานั้น
มีความโปร่งใสหรือไม่อย่างไร
ผมเรียนว่า ศอ.บต. มีการเจรจา บสส. และตกลงกันที่ราคา 124,000,000 บาท (124 ล้านบาท)
ถูกกว่าราคาขายในตลาดถึงครึ่งต่อครึ่ง แต่เป็นอาคารเปล่า มีแต่โครง
สาธารณูปโภคด้านใน ไม่มีเลยสักอย่างเดียว ก็ต้องใช้งบประมาณในการปรับปรุงและพัฒนาสาธารณูปโภค
ทุกด้าน
ให้มีความพร้อมรองรับประชาชนที่เราต้องการให้เข้ามาใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ ผมเชื่อมั่นว่า
วันนี้ในทางตัวเลขอาจจะดูสูงและเกิดคำถามว่าจะมีการใช้ประโยชน์คุ้มค่าหรือไม่อย่างไร
แต่ในทางสังคมและความสุขที่ประชาชนจะได้รับจากการได้รับบริการเพื่อตอบสนองความจำเป็นและต้องการประชาชนในพื้นที่ ผมคิดว่ามีความคุ้มค่ามากกว่าหลายเท่า
พี่น้องประชาชนอุ่นใจที่จะเข้ามาใช้บริการงานทุกด้านในที่แห่งนี้ เป็น One
Stop Service แห่งแรกของจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รวบรวมงานบริการทุกด้านเข้ามาไว้ด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็น การเทิดทูนสถาบันกษัตริย์
งานด้านสังคม เศรษฐกิจ การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ภาษา พหุสังคมและ
การช่วยเหลือกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการของรัฐ เป็นต้น
ผมขอให้มองว่า เรื่องนี้ คือ เรื่องของ“...ขาดทุน คือ กำไร (Our loss is our gain) ...การเสีย คือ การได้ ประเทศชาติก็จะก้าวหน้าและการที่คนอยู่ดีมีสุข
เป็นการนับที่เป็นมูลค่าเงินไม่ได้...” ตามแนวพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่
9 เราลงทุนผ่านโครงการนี้ เพื่อหวังว่า
ประชาชนจะมีความสุข มีการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดี
ที่สำคัญ ให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจว่า วันนี้ เราได้ดูแลเขาอย่างเต็มที่
ให้เขารักในประเทศไทยรักคนไทยด้วยกันและร่วมมือกันยุติเหตุการณ์ความรุนแรงทุกกรณี
รวมทั้ง ปกป้องประเทศไทยด้วยใจของความเป็นคนไทยด้วยกัน ถ้าเราทำได้อย่างนี้
ผมคิดว่าต่อให้จ่ายเงินมากกว่ารัฐบาล ก็จะไม่คิดเสียดายเลย ศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการ ศอ.บต.
กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณ มูกะตา หะไร จ.ยะลา
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น