จำนวนผู้เข้าชม

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2568

บทเรียนประชาธิปัตย์ ยุค “ถนัด คอมันตร์” ในสถานการ์พรรคอ่อนแอ

 บทเรียนประชาธิปัตย์ ยุค “ถนัด คอมันตร์” ในสถานการ์พรรคอ่อนแอ


……
ผมเคยได้รับมอบหมายให้ทำต้นฉบับพ๊อคเก็ตบุ๊ค บทเรียนประชาธิปัตย์ในยุค “พ.อ..ถนัด คอมันตร์” ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค เนื้อหาหลักคือบทสัมภาษณ์ พ.อ.ถนัด ที่มีสุทธิชัย หยุ่น เป็นคนดำเนินการสัมภาษณ์


เป็นบทสัมภาษณ์ที่สนุกมาก เต็มไปด้วยลีลา สำนวนที่ยียวนในสไตล์นักการทูต และยากมากกับการแกะเทปสัมภาษณ์ ถนัด คอมันตร์ 


ขออนุญาตนำบทเรียนเล็กๆน้อยของพรรคประชาธิปัตย์ในยุค พ.อ.ถนัด คอมันตร์ เป็นหัวหน้าพรรคมาเล่นให้ฟังสั้นๆ เท่าที่พอจำได้นะ


พ.อ.ถนัด คอมันตร์ เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2522–2525) ไม่ใช่เรื่องปกติ เนื่องจากท่านเป็นนักการทูต ไม่ใช่นักการเมืองโดยอาชีพ ท่านประสบความสำเร็จด้านการทูตมากกว่า


หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญของการเมืองไทย ที่นำการเปลี่ยนแปลงโดยนักศึกษาประชาขน และการเปลี่ยนแปลงการเมืองสู่ยุค รัฐบาลธานินทร์–เกรียงศักดิ์–เปรม พรรคประชาธิปัตย์เองประสบปัญหาหนักคือ

 1.เกิดความแตกแยกภายใน กลุ่มรุ่นใหญ่ เช่น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช (แม้ไม่ได้อยู่ ปชป. แต่มีอิทธิพลในฝ่ายอนุรักษ์นิยม) และกลุ่มภายในพรรค ไม่สามารถหาคนกลางที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ พรรคขาดผู้นำที่มีพลัง มีอำนาจบารมี ผู้นำรุ่นก่อน ไม่เข้ามารับตำแหน่ง

 2.ภาพลักษณ์พรรคย่ำแย่ พรรคประชาธิปัตย์เคยเป็นแกนกลางรัฐบาล แต่หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา ประชาชนจำนวนมากมองว่าพรรคเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมและไม่ตอบโจทย์ประชาธิปไตย พรรคถอดถอย ฐานเสียงในสภาก็อ่อนแรง

 3.การหาคนกลางที่ “สะอาด” และเป็นที่ยอมรับไม่ได้ พรรคต้องการ “คนกลาง” ที่มีภาพลักษณ์ดี ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยในการเมือง ต้องเป็นผู้ที่ได้รับความเชื่อถือศรัทธาจากทั้งฝ่ายทหาร (ผู้มีอำนาจจริงในยุคนั้น) และสังคมสากล


พรรคประชาธิปัตย์ยุคนั้นจึงสอดส่ายสายตาไปยัง พ.อ.ถนัด คอมันตร์ และไปเชิญ พ.อ.ถนัดมาเป็นหัวหน้าพรรค ด้วยเหตุผลที่เชิญถนัด คอมันตร์ ถนัดเป็นอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศชื่อดัง (สมัยจอมพลสฤษดิ์) และผู้ก่อตั้งอาเซียน อันเป็นภาพลักษณ์ในระดับสากล น่าเชื่อถือ ไม่เคยลงเล่นการเมืองในสนามเลือกตั้งมาก่อน มองว่าเป็น “คนนอก” ที่ไม่เกี่ยวพันความขัดแย้งภายในพรรค

 

พ.อ.ถนัดได้รับการยอมรับจากทั้งฝ่ายทหารและราชสำนัก ว่าสามารถรักษาเสถียรภาพพรรคได้ ในปี 2522 ที่มีการเลือกหัวหน้าพรรค พรรคจึงเชิญท่านมาเป็นหัวหน้าพรรค “แบบประนีประนอม” เพื่อกอบกู้ศรัทธาพรรคเป็นการชั่วคราว

พ.อ.ถนัด คอมันตร์ เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 2522–2525 แต่ท่านไม่ถนัดงานการเมืองในสภาและการจัดตั้งพรรค พรรคก็ยังคงอ่อนแรง ไม่ฟื้นจากศรัทธา ในที่สุด 2525 พ.อ.ถนัด คอมันตร์ ลาออก พรรคได้เปลี่ยนหัวหน้าอีกครั้ง โดยเลือก ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นหัวหน้าพรรคใหม่ชั่วคราวอีกรอบ


พิชัย รัตตกุล เสี่ยหมากหอมเยาวราช ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนยุคชวน หลีกภัย และจริง ๆ แล้วถือเป็น “สะพานเชื่อม” ที่สำคัญมากระหว่างรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ของพรรค


ช่วงพิชัย รัตตกุล ถือเป็น “ยุคฟื้นตัว” ของพรรคประชาธิปัตย์ มีวีระ มุสิกะพงศ์ นักการเมืองรุ่นใหม่ขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรค


พิชัยมีภาพลักษณ์นักการทูตสายสากล เคยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

🔹 ในสมัยของพิชัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านหลักที่คอยตรวจสอบรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย–เปรม และวางฐานให้คนรุ่นใหม่อย่าง ชวน หลีกภัย, สุเทพ เทือกสุบรรณ, พล.ต.สนั่น ขจรประสาท และอีกหลายคนเข้ามามีบทบาทในพรรค และทางการเมือง

 

ชวน หลีกภัย ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคในปี 2535 หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และนำพรรคเข้าสู่ตำแหน่งรัฐบาล โดยมี พล.ต.สนั่น เป็นเลขาธิการคู่ใจ


วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ตกอยู่ในฐานะไม่แตกต่างจากยุคก่อนพ.อ.ถนัด คอมันตร์ จึงขออนุญาตนำบทเรียนครั้งนั้นมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจสำหรับชาวประชาธิปัตย์ในยุคนี้

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โฆษณา


วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้