รมว ยุติธรรมให้กำลังใจ ผู้ต้องขัง เรือนจำนราฯ ย้ำเพราะทุกคนคือพี่น้องและเป็นความหวังของครอบครัว(มีคลิป)
นราธิวาส-รมว.ยุติธรรมและคณะตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ย้ำ!เพราะทุกคนคือพี่น้องและเป็นความหวังของครอบครัว พร้อมละศีลอดร่วมกับประชาชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 7 เมษายน 2567 ที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส ตำบลลำภู อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพล.ต.ท.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ โฆษกพรรคประชาชาติ/สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นราธิวาส เขต 5 นายธนาวิทย์ ไชยานุพงศ์ อดีตนายกเทศมนตรีนครนราธิวาส
และ คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาชาติ และนายอัฟฟาน หะยียูโซ๊ะ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนราธิวาส เขต 1 เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมพร้อมมอบอินทผาลัมและผ้าโสร่งให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เนื่องในโอกาสเดือนรอมฎอนเดือนอันประเสริฐ โดยมีนายสหกร เกื้อเส้ง นักฑัณตวิทยาชำนาญการพิเศษปฎิบัติการราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนราธิวาส และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ให้การต้อนรับ
โอกาสนี้พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวให้โอวาทและสื่อสารส่งมอบความรักความห่วงใยในโอกาสแห่งเดือนรอมฎอนแก่ผู้ต้องขังว่า ในเดือนรอมฎอนเหลือไม่กี่วันจะเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งผู้ต้องราชทัณฑ์ในประเทศไทยทุกแห่ง ต่างปฏิบัติศาสนกิจทางศาสนา ซึ่งทางเรือนจำได้สนับสนุนให้ผู้ต้องขังได้ปฏิบัติศาสนกิจอย่างเต็มที่และสมบูรณ์ ซึ่งแม้ว่าการที่เราได้เข้ามาอยู่ในราชทัณฑ์แห่งนี้แต่เรื่องอุดมการณ์ ความเชื่อ ควรส่งเสริม
ซึ่งให้คิดว่าเราได้มาอยู่ในมหาวิทยาลัยชีวิต ความผิดพลาดในครั้งนี้ทุกคนมีโอกาสผิดพลาดได้ ซึ่งเมื่อผิดพลาดแล้วอย่าให้ผิดพลาดครั้งที่สองอีก ซึ่งทางจุฬารัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับพี่น้องมุสลิมทุกคนรวมถึงผู้ต้องขังให้ปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอนอย่างเต็มที่ ซึ่งเดือนรอมฎอนแม้ว่าผู้ที่ร่ำรวยก็ยังต้องอดเหมือนกันทุกคน ซึ่งเรือนจำไม่ได้อยู่ได้ตลอดชีวิต เราก็มีวันออกขอให้ช่วงเวลาที่เราได้อยู่ในเรือนจำเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ซึ่งเราไม่ได้มองว่าทุกคนด้อยกว่าเรามองว่าเป็นพี่เป็นน้องกันหมดทุกคน เรามีแต่ความหวังดีเพราะทุกคนก็ล้วนเป็นความหวังของครอบครัวเช่นกัน
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ในวันนี้ได้เดินทางมาให้กำลังใจผู้ต้องราชทัณฑ์เนื่องในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนอันประเสริฐของพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่เหลืออีกไม่กี่วันก็จะสิ้นสุดแล้ว โดยเฉพาะข้าราชการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีผู้ต้องขังที่เป็นมุสลิมส่วนใหญ่ก็จะเป็นปัญหาในเรื่องของยาเสพติด ในกรณีของเรือนจำสิ่งที่เราทำในเดือนรอมฎอน คือการย้ายผู้ต้องขังที่อยู่ผู้ในกรุงเทพฯกับภูมิลำเนา ซึ่งญาติสามารถมาเยี่ยมผู้ต้องขังได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากนัก ซึ่งในจังหวัดนราธิวาสสิ่งที่น่าเป็นห่วงในภาพพื้นฐานเราพบว่าผู้ต้องขังประมาณ 30% มีการศึกษาต่ำกว่าประถม
คือการศึกษาภาคบังคับ ในอดีตต้องจบมัธยมต้น และตอนหลังมาให้มัธยมปลาย และเกือบ 70% ต่ำกว่ามัธยมต้น ซึ่งทำให้เห็นว่าปัญหาการศึกษาจะส่งผลกับการติดคุก การศึกษาน้อยก็ติดคุกเยอะ การศึกษาน้อยก็ติดยาเสพติด ซึ่งมันเป็นปัญหาพื้นฐาน ซึ่งเราเองอาจจะเข้าไปแก้สังคมโดยตรงไม่ได้
ซึ่งในวันนี้ต้องกลับมาทบทวนว่าถ้าการศึกษาต่ำกว่าการศึกษาภาคบังคับ ซึ่งถ้าไม่มีการศึกษาก็จะไม่มีงานทำก็จะไปยุ่งกับยาเสพติด ก็จะต้องมาอยู่ในเรือนจำ ปรากฏว่าประมาณ 75 % มีการศึกษาต่ำกว่าภาคบังคับ แต่ในบทบาทของกระทรวงยุติธรรม บทบาทของกรมราชทัณฑ์ เราจะต้องยกฐานะ อย่างน้อยเมื่อออกจากเรือนจำต้องจบการศึกษาภาคบังคับให้ได้ และต้องได้รับการพัฒนาไม่งั้นก็จะเกิดการวนเวียนกลับเข้าเรือนจำ ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมานาน และอยากให้ทุกคนให้โอกาส เพราะทุกคนก้าวพลาดได้
ถ้าเรามาร่วมให้กำลังใจ ซึ่งเรามีโครงการว่าก่อนที่เขาจะออกจากเรือนจำเขาต้องมีเงินเก็บ และในส่วนของบุหรี่ไฟฟ้าที่กำลังระบาดในโรงเรียนนั้น ตอนนี้ก็เป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งเราไม่ส่งเสริมและมองว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย บทบาทของกระทรวงยุติธรรมและบทบาทของรัฐบาลคือการแก้ปัญหาสังคมและปัญหาอาชญากรรม ซึ่งต้องมีการกวดขันอย่างจริงจังต่อไป
จากนั้นพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางไปยังโรงเรียนนราสิกขาลัย ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เพื่อร่วมงานเลี้ยงละศีลอดรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1445 กิจกรรมรอมฎอนสัมพันธ์
โอกาสนี้ได้กล่าวพบปะให้กำลังใจแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมว่า “รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมากที่ได้มาร่วมกิจกรรมละศีลอดในวันนี้ ดีใจที่ได้เข้ามาสัมผัสพี่น้องประชาชนในการปฏิบัติศาสนกิจ ซึ่งสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของการปฏิบัติศาสนกิจของพี่น้องไทยมุสลิมในห้วงเดือนรอมฏอน ประจำปี ฮิจเราะห์ศักราช 1445 พร้อมกล่าวอำนวยพรให้ปฏิบัติศาสนกิจอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ขอให้บรรลุผลสำเร็จตามที่ตั้งมั่นไว้ทุกประการ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น