นิพนธ์ ย้ำ เรื่องปศุสัตว์ต้องทำครบวงจร ตั้งแต่ต้นทาง-กลางทาง-ปลายทาง เพื่อสร้างพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่ความมั่นคงทางด้านอาหาร ให้คนในพื้นที่ ในคราวการประชุม กพต. ที่จ.สตูล(มีคลิป)
เมื่อวันที่ 27 ก.พ.66 นายนิพนธ์ บุญญามณี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับมอบหมายจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุม 211 ชั้น 2 อาคารเรียนรวม มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา วิทยาเขตสตูล อ.ละงู จ.สตูล โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยคณะกรรมการ กพต.หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรภาคประชาชนเข้าร่วมประชุม
นายนิพนธ์ได้กล่าวถึงความก้าวหน้ากิจกรรมโคบาลชายแดนใต้ โดยกล่าวว่า ตามมติ กพต. ครั้งที่ 3/65 เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 65 ได้อนุมัติกิจกรรมโคบาลชายแดนใต้ ตามโครงการเมืองปศุสัตว์ ภายใต้กรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระยะ 7 ปี (พ.ศ.2565-2571) ได้ประชุมคณะอนุกรรมการบริหารกิจกรรมโคบาลชายแดนใต้ และคณะทำงานครั้งที่ 1 เพื่อเตรียมความพร้อมแผนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในการสร้างความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ และสร้างการรับรู้ต่อประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการ ซึ่งศอ.บต.ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมผ่านสภาเกษตรกรจังหวัด และคณะกรรมการหมู่บ้าน เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่เกษตรกรอย่างทั่วถึง
ทั้งจัดทำแผนผังการบริหาร การบริการต่อเกษตรกรที่เข้ามาติดต่อยังหน่วยงาน แผนผังการบริหารด้านการธุรการ การกักสัตว์เพื่อควบคุมโรคติดต่อในการขนย้ายโคเข้าพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ การฉีดวัคซีน การผสมเทียม การบริหารน้ำเชื้อโค รวมทั้งแผนการติดตามประเมินผล
เพื่อช่วยให้การปฏิบัติงานมีการบูรณาการ
การทำงานร่วมกันขององค์กรทุกภาคส่วน ตามกระบวนการห่วงโซ่คุณค่า (ต้นทาง - กลางทาง
- ปลายทาง) โดยมีเกษตรกรประสงค์เข้าร่วมจำนวน 230
กลุ่ม ๆละ 10 คน รวม 2,300 คน
ประกอบด้วยจังหวัดนราธิวาส 64 กลุ่ม ยะลา 68
กลุ่ม ปัตตานี 42 กลุ่ม สงขลา 30
กลุ่ม และจังหวัดสตูล 26 กลุ่ม
โดยจังหวัดนราธิวาสได้นำร่องการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับคู่มือปฏิบัติงานกิจกรรมโคบาลชายแดนใต้ไปแล้ว
จำนวน 2 กลุ่ม
ซึ่งเป็นกลุ่มต้นแบบที่จูงใจให้เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสและจังหวัดอื่น
ได้ศึกษาเป็นต้นแบบในการดำเนินการ
และได้เตรียมความพร้อมในการปลูกพืชอาหารสัตว์แล้วจำนวน 4,600
ไร่ ซึ่งพรุ่งนี้อาจจะมีวาระสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้เข้า ครม.
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องปศุสัตว์นั้น ทั้งการเลี้ยงโคเนื้อ ไก่เนื้อ
ไก่ไข่ เราต้องมาดูกระบวนการผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาด
ซึ่งหากอุตสาหกรรมฮาลาลในพื้นที่เกิดผลสำเร็จ เราจะมีตลาดประเทศตะวันออกกลาง
ตลาดคาบสมุทรอินโดจีน อย่าง มาเลเซีย อินโดนีเซีย ที่มีประชากรต้องการบริโภคจำนวนมาก
ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าส่งเสริมการผลิตแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นทาง
กลางทาง ปลายทาง ซึ่งการตั้งเป้าหมายโดยทำให้เป็นพื้นที่ความมั่นคงทางด้านอาหาร
นั้น จะสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม
“อย่างกรณีไก่ไข่
ซึ่งขณะนี้ทราบจากรายงานว่า
ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้นั้นมีการนำเข้าจากจังหวัดใกล้เคียงกว่า 5
แสนฟองต่อวันเพื่อบริโภค ภาครัฐต้องเข้าไปส่งเสริมตั้งกระบวนการต้นทาง คือ
การมีพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ที่ดี
จากนั้นมีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานฮาลาลตรงตามต้องการของตลาด และไปสู่ปลายทางคือการจำหน่าย
และการปรับปรุงมาตรฐานต่างๆเพื่อยกระดับให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
และขยายตลาดออกไปให้เพิ่มมากขึ้นอีก
ตรงนี้จะเป็นอีกจุดสำคัญในการขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นไม่สงบในพื้นที่ด้วยการพัฒนา”
นายนิพนธ์กล่าว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น