โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2566

นักการเมืองไหลมารวมกันแล้ว: นายหัวไทร ……

 นักการเมืองไหลมารวมกันแล้ว: นายหัวไทร

……


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เชิญอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย และสนธิรัตน์ สนธิจิระวงค์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย มาร่วมพูดคุยที่ร้านอาหารหรู ในโรงแรมพูลแมน ซอยรางน้ำ โดยมี พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่ละทิ้งพรรคของตนเองมาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ รับตำแหน่งที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคร่วมวงด้วย


ไม่ใช่เป็นการนัดทานข้าว แต่เป็นการนัดคุยเรื่องดึงสองคนนี้มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ (กลับบ้านเก่า) เป็นการพูดคุยหลังจากที่คุยกับบ้างแล้วเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา แต่เป็นการคุยผ่านคนอื่น 


การคุยผ่านคนอื่น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ตอบยินดีเข้าร่วมในรูปแบบ “ลาออก” จากพรรคเดิมแล้วมาสังกัดพรรคใหม่ แปลความได้ว่าพรรคเก่าก็ยังอยู่ ส่วนอุตตม กับสนธิรัตน์ ยังไม่ตอบรับ จึงต้องให้ พล.อ.ประวิตรมาคุยเอง


ข่าวว่าการพูดคุยเป็นไปด้วยดี แต่ พล.อ.ประวิตรต้องการให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ภายในสัปดาห์หน้าจะต้องมีการแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยอุตตมจะได้รับมอบหมายให้ดูแลภารกิจด้านเศรษฐกิจของพรรค ส่วนสนธิรัตน์ จะดูแลงานด้านการเมือง


คงจำกันได้ว่า ทั้งอุตตม และสนธิรัตน์ คือผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐมาด้วยกัน จับมือแน่นกับสมคิด สุวิทย์ เมษินทรีย์ และยกอบศักดิ์ ภูตระกูล ทั้งหมดรับตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเครื่องบรรณาการ แต่เมื่อถึงเวลากลุ่มทุนของพรรคก็จับมือกับถีบไสไล่ส่งทีมสี่กุมารอย่างไม่ปรานีปราสัย และไร้ซึ่งน้ำใจ แบบกระบี่ไร้น้ำใจ จนทั้ง 5 ต้องกระเด็นพ้นตำแหน่งรัฐมนตรี กลุ่มทุนพรรคทุกวันนี้ก็ยังอยู่

สมคิด อุตตม และสนธิรัตน์ จับมือกันจัดตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย โดยมีสมคิดเป็นประธานพรรค อุตตม เป็นหัวหน้าพรรค สนธิรัตน์เป็นเลขาธิการพรรค ส่วนอีกสองกุมาร สุวิทย์ วีระศักดิ์ ไม่กลับเข้าสู่วงการการเมือง ย้อนกลับไปทำอาชีพเดิม


แนวทางของสร้างอนาคตไทย ส่อว่าจะเดินไปยากกับรัฐธรรมนูญใหม่ บัตรสองใบ และสูตรหาร 100 ประกอบกับกระแสก็สร้างไม่ขึ้น ข่าวการรวมพรรคกับพรรคไทยสร้างไทย ของสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จึงเกิดขึ้นต่อเนื่อง มีการนัดเจรจากันหลายรอบ แต่ยังไม่ลงตัวเรื่องตำแหน่ง เรื่องผู้สมัครที่ทับซ้อนกัน รวมถึงกลุ่มทุนสนับสนุน


เมื่อจะเดินไปข้างหน้าก็เห็นแต่ป่ารกทึบ ถนนก็ขรุขระ แกนนำของสร้างอนาคตไทยก็ต้องหาทางออก จึงเปิดดีลกับสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนากล้า ที่มีกรณ์ จาติกวณิช ทิ้งพรรคกล้ามารับเป็นหัวหน้าพรรค ดีลนี้มีปัญหาคล้ายๆกับดีลไทยสร้างไทย จึงยังไม่มีข้อยุติใดๆกับการเมืองที่เดินมาใกล้เลือกตั้งเต็มทีแล้ว การเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามาแล้ว กับการจัดทัพที่ยังไม่ลงตัวของพรรคพลังประชารัฐ หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถอนสมอออกไปร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีคนส่วนหนึ่งไหลไปกับ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย


ดีลใหม่กับทีมสี่กุมารจึงเกิดขึ้นในสมองของ พล.อ.ประวิตร และเริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้น จนถึงขั้น พล.ป.ประวิตรต้องมานั่งพูดคุยเอง แม้ดูโดยภาพรวมการเจรจาจะราบรื่น แต่เขื่อว่าแผลที่กลัดหนองในใจของทีมสี่กุมารยังมีอยู่ และเจ็บลึก ยังไม่รู้ว่าจะร่วมภารกิจไปได้แค่ไหน เมื่อกลุ่มทุนพรรคที่รวมหัวกันถีบกลุ่มสี่กุมารออกไปจากพรรค และพ้นตำแหน่งรัฐมนตรียังลอยหน้าลอยตาอยู่ในพรรค หรือว่านี้คือ “การเมืองไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร”จริงๆ 


หรือว่าทีมสี่กุมารก็ยากที่จะเดินไปข้างหน้า เดินไปก็มีแต่จะเข้ารกเข้าพง มาเดินบนถนนคอนกรีตดีกว่า แต่การทิ้งพรรคและพวกที่จัดตั้งไว้แล้ว วางตัวไว้แล้ว ในทางการเมืองก็ต้องคิดหนักเหมือนกัน

 #นายหัวไทร

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น