โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2565

“แทน”ฝากนักเลงคีย์บอร์ด หยุดเสี้ยมให้ทะเลาะกับ “สุนทร” ย้ำเป็นไปไม่ได้

 

   “แทน”ฝากนักเลงคีย์บอร์ด หยุดเสี้ยมให้ทะเลาะกับ “สุนทร” ย้ำเป็นไปไม่ได้


                       



ส.ส.แทน ชัยชนะ เดชเดโช พรรคประชาธิปัตย์ นครศรีธรรมราช โพสต์ส่วนตัวด้วยข้อความที่น่าสนใจ

     “ผมขอฝากไปถึงนักเลงคีย์บอร์ดและสื่อท้องถิ่นบางท่านที่กำลังปั่นกระแสอยู่ในขณะนี้ เพื่อให้ผมมีความเข้าใจผิดกับพี่สุนทร รักษ์รงค์

ผมขอเรียนทุกท่านให้เข้าใจว่าผมกับพี่สุนทร ไม่ได้มีอะไรกัน เพราะคบหากันมานานและที่สำคัญพี่สุนทรก็เป็น




รุ่นพี่โรงเรียนผม อาจจะมีบางอย่างบ้างที่เห็นไม่ตรงกัน

ก็แลกเปลี่ยนกันตามประสาพี่น้องไม่มีอะไรติดใจกัน เพราะฉะนั้นหยุดทั้งเสี้ยมผมให้ไปว่าพี่เขาและก็หยุดเสี้ยม

พี่สุนทรให้มาว่าผม ถึงแม้ในช่วงเวลานี้ผมกับพี่เขาจะอยู่กับคนละพรรค นั้นคือการทำกิจกรรมทางการเมือง

แต่ไม่สามารถทำลายมิตรภาพพี่น้องที่มายาวนานได้หรอกครับ

 

เอาเวลาที่มีมาสร้างประโยชน์ให้สังคมเพื่อพัฒนาประเทศดีกว่าครับ ตามนี้นะครับ

      พร้อมติด #

 

#ลูกขาวแดงเบญจม

#ผู้แทนของเรา

#คำไหนคำนั้น

      ผมไม่แน่ใจว่ากระแสการเมืองในนครศรีธรรมราชในเวลานี้ตามร้านน้ำชา กาแฟยามเช้าเขาคุยเรื่องการเมืองกันอย่างบ้าง นักเลงคีร์บอร์ดโพสต์ยุยงใครอย่างไรบ้าง

      ผมรู้แค่ว่า สุนทรเคยเสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในนามประชาธิปัตย์ เขตชะอวด จุฬาภรณ์ และร่อนพิบูลย์ พร้อมขึ้นป้ายแนะนำตัวไปแล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ได้มีมติอะไรออกมาว่าจะส่ง หรือไม่ส่ง หรือจะส่งใคร แต่ชัยชนะเคยบอกว่า มีผมเสนอตัวมากกว่า 1 คน จึงต้องทำโพลล์ และเตรียมทำโพลล์เดือนสิงหาคม

       สุนทร บอกว่า เดือนสิงหาคมมันช้าไป เตรียมตัวหาเสียงไม่ทัน คนอื่นเขาเปิดตัวหาเสียงกันไปหมดแล้ว สุนทรจึงตัดสินใจเดินออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ขอลงเขต 6(ปัจจุบัน) ซึ่งมีร่อนพิบูลย์รวมอยู่ด้วย และเขตนี้มีชัยชนะเป็น ส.ส.อยู่

      แปลความได้ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า “สุนทร-ชัยชนะ” ต้องแข่งขันกัน ใครคนใดคนหนึ่งต้องได้เป็น ส.ส.และต้องมีคนสอบตก วัดดวงกันไป

      “ถ้าประชาชนเลือกผมเป็นผู้แทน ผมก็จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ถ้าไม่เลือกผม ผมก็จะได้ผันตัวเองไปเป้นักธุรกิจ” แทน กล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน

     ผมเชื่อว่าสองคนนี้จะไม่ทะเลาะกัน แม้คนหนึ่งจะโตมาในฝูงสุนัขจิ้งจอก อีกคนโตมากับแสงวงศิลปิน และวงการยาง-ปาล์ม แต่เขาคือ “ลูกขาว-แดง ขอบรั้วของเบญจมะ นครศรีธรรมราช ที่สั่งสอนให้ลูกศิษย์รู้รักสามัคคี

       และไม่มีเหตุผลอะไรต้องทะเลาะ หรือบาดหมางกัน การเมืองคือการแข่งขันกันทำความดี ประชาชนเป็นคนตัดสิน นี้คือความสวยงามของประชาธิปไตย และที่ผ่านมาผมก็ไม่เห็นสุนทรให้สัมภาษณ์พาดพิงถึงชัยชนะในทางเสียหาย มีแต่พูด-เขียน ถึงเจตนารมณ์ อุดมการณ์ ของตัวเองในการก้าวเข้าสู่เวทีการเมือง และชัยชนะก็ไม่ได้ก้าวร้าวอะไรกับสุนทรให้เจ็บปวด จนต้องทะเลาะกัน

     มีคำเดียวที่สุนทรกล่าวและให้คิดว่าแทนจะไม่พอใจหรือไม่ แต่แทนเคยบอกกับหมาแก่ในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไืทยแลนด์ว่า ไม่ติดใจอะไร คือคำกล่าวของสุนทรที่ว่า แทนโตมาในฝูงหมาป่า ซึ่งตีความได้ว่า การโตมาในฝูงหมาป่า อาจจะมีพฤติกรรมเหมือนหมาป่า แต่อีกมุมหนึ่งก็อาจจะตีความได้ว่า แทนอาจจะถูกหมาป่าขย่ำเอาก็ได้

     แต่ผมเชื่อโดยสุจริตว่า คู่นี้ไม่ทะเลาะกัน เพียงแต่อาจจะกระทบกระทั่งกันในสนามเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของสนามการเมือง แต่คงไม่เอาเป็นเอาตายกันแน่นอน

 #นายหัวไทร





0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น