นาทีสนั่น ! ข่าวคืบหน้า จากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิด วางระเบิดทหาร
ชุดคุ้มครอง.พระสงฆ์บิณฑบาต ที่รือเสาะ ขณะที่ภาพวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียง
ได้บันทึกให้เห็นเหตุการณ์ นาทีระทึก!( มีคลิป)
ประพันธ์ ฤทธิวงศ์ บก.ปลายด้ามขวาน@ชายแดนใต้/รายงาน/ถ่ายภาพ
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 11 ธันวาคม 2564ที่ผ่านมา ร.ต.อ.ดนัย ยังอภัย ร้อยเวรสอบสวน สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุลอบวางระเบิดพระสงฆ์ และเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองพระ เหตุเกิดบริเวณหน้าบ้านชาวบ้าน ริมถนนสายรือเสาะ-ศรีสาคร ต.รือเสาะ อ.รือเสาะทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานชุดทำลายวัตถุระเบิด หน่วยเฉพาะกิจอโณทัย พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังทหาร ฝ่ายปกครอง จึงพร้อมด้วย พันเอกทรงเดช สุกนุ้ย ผบ.ฉก.ทพ.46 พ.ต.อ.อภิสฤษฎิ์ มณีโชติ ผกก.สภ.รือเสาะ พ.ต.ท.สัญญา จันทร์ดำ หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นย่านชุมชน บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง มีร่องรอยการระเบิดทำให้บ้านในละแวกนั้นเสียหาย 4 คูหา มีรถยนต์รถเก๋ง ยี่ห้อมาสด้า สีขาว ที่จอดอยู่ใกล้ๆ โดนสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน มีเศษซากชิ้นส่วนระเบิดตกกระจัดกระจาย เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวมรวมไว้เป็นหลักฐาน
พบจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นถังใส่ขยะพลาสติกสีฟ้าของเทศบาลตำบลรือเสาะ ซึ่งมีขนาดบรรจุ 200 ลิตร ที่วางไว้ข้างตู้น้ำมันหยอดเหรียญ ถูกอานุภาพของระเบิดได้รับความเสียหาย ตกกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นถนน และมีตู้น้ำมันหยอดเหรียญ 1 ใน 2 ตู้ ได้รับความเสียหายล้มลงมากองกับพื้นถนน ส่วนอาคารไม้ชั้นเดียวที่บริเวณกันสาดด้านหน้า ซึ่งเป็นจุดที่วางตู้น้ำมันหยอดเหรียญ ถูกอานุภาพของระเบิดจนหลังคากันสาดด้านหน้าและประตูบ้านไม้ได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า สีขาว ทะเบียน กต 3734 ยะลา ซึ่งจอดอยู่ฝั่งเดียวกับจุดระเบิดซึ่งห่างเพียง 3 เมตร ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายที่บริเวณฝากระโปรงหน้า ส่วนบริเวณบนถนนเจ้าหน้าที่พบเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่อง ที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 25 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ตกกระจัดกระจายเกลื่อนในรัศมี 30 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยมีพระสงฆ์ออกบิณฑบาต พร้อมกับทหารชุดคุ้มครองพระ จึงนำระเบิดมาวางดักสังหาร ผู้ได้รับบาดเจ็บมีทั้งหมด 4 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลรือเสาะ ประกอบด้วย 1.อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) ฤทธิพร ทองแก้ว อายุ 34 ปี 2.อส.ทพ.อนันต์ รัตนบุรี อายุ 37 ปี 3.นายซุลกีพลี เบ็ญจมาตร อายุ 57 ปี (เจ้าของรถเก๋งสีขาว บาดเจ็บหูอื้อ กลับบ้าน ) 4.พระสมพร มีผล อายุ 49 ปี ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า กลับไปรักษาตัวที่วัดราษฎรสโมสร ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ ผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้รับผลกระทบจากแรงอัดระเบิด ทำให้มึนศีรษะและหูอื้อ อส.ทพ. 2 นายต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลรือเสาะ ส่วนชาวบ้านกับพระสงฆ์ เมื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว แพทย์อนุญาตให้กลับได้
จากการสอบสวนทราบว่า
ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารพรานชุด รปภ.พระสงฆ์ สังกัดกรมทหารพรานที่ 46 จำนวน
5 นาย ได้เดินเท้ากระจายกำลังกัน
รปภ.พระสงฆ์วัดราษฎร์สโมสร เดินบิณฑบาตจากชาวบ้าน โดยเจ้าหน้าที่ทหารเดินนำนาย 1
นาย และเดินตามหลัง 1 นาย ส่วนอีก 3 นาย
จะเดินฝั่งตรงกันข้ามปิดท้าย และเมื่อพระเดินบิณฑบาตแล้วเสร็จ
เจ้าหน้าที่ทหารก็จัดกำลังรูปแบบเดิมในการ รปภ.พระสงฆ์เพื่อเดินทางกลับวัด
เมื่อถึงบริเวณดังกล่าวขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารพราน 1 นาย เดินนำหน้า และพระสงฆ์ 2 รูป เดินตามหลัง และเมื่อพระสงฆ์ทั้ง 2 รูปเดินผ่านเลยไปประมาณ 15 เมตร ระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายได้นำไปซุกซ่อนไว้ในถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ ที่คนร้ายได้นำไปพิงไว้ปะปนกับขยะข้างถังใส่ขยะพลาสติกสีฟ้าขนาดบรรจุ 200 ลิตร ของเทศบาลตำบลรือเสาะ ได้เกิดระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่เดินฝั่งตรงกันข้ามกับพระสงฆ์ได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินของชาวบ้านได้รับความเสียหาย
ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียง
บันทึกให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่อาสาสมัครทหารพรานของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46
จำนวน 2 นายเดินนำหน้าและตามหลังพระสงฆ์ 2 รูปจากวัดราษฎร์สโมสร
ที่ออกบิณฑบาตในช่วงเช้า โดยทหารพรานทั้ง 2 นายเดินนำหน้าและตามหลังคนละฝั่งถนน
ซึ่งระเบิดเกิดขึ้นในช่วงเวลา 06.26 น. – 06.27 น.
ภายหลังที่พระสงฆ์และชุดคุ้มครองเดินผ่านไปเพียง 37 วินาที
ก็เกิดระเบิดขึ้น
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เพื่อลอบดักสังหารเจ้าหน้าที่และสร้างสถานการณ์ร้ายรายวันให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่จะไล่ตรวจกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้จุดดังกล่าว
เพื่อติดตามดูพฤติกรรมของคนร้าย
ซึ่งเชื่อว่ากล้องวงจรปิดสามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้
เพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวนสอบสวนในการติดตามจับกุมมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น