สาธุ..! ขออนุโมทนา ร่วมด้วยช่วยแชร์ วัดไพโรจน์ประชาราม จัดสร้าง ปิดตาเพชรทักษิณ หลวงพ่อหมวก (ย้อนยุค) เพื่อสมทบทุนสร้างอุโบสถ (ชมคลิป) ~ หนังสือพิมพ์ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

สาธุ..! ขออนุโมทนา ร่วมด้วยช่วยแชร์ วัดไพโรจน์ประชาราม จัดสร้าง ปิดตาเพชรทักษิณ หลวงพ่อหมวก (ย้อนยุค) เพื่อสมทบทุนสร้างอุโบสถ (ชมคลิป)

ประพันธ์ ฤทธิวงศ์ บก.ศูนย์รวมข่าวสมาพันธ์ไทยพุทธจังหวัดชายแดนภาคใต้/ภาพข่าว

พระฏีกาประกิจ จันทูปโม เจ้าอาวาสวัดไพโรจน์ประชาราม ได้เปิดเผยว่า ทางวัดไพโรจน์ประชาราม เป็นวัดในพุทธมหานิกาย ก่อตั้งวัดมาตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2520 ตั้งอยู่ในเขตเมืองรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ม.2 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

ซึ่ง ปัจจุบันวัดแห่งนี้ยังไม่มีพระอุโบสถภายในวัด ซึ่งในสถานะของวัดทั้งประเทศ วัดไพโรจน์ประชารามจึงมีสถานะเทียบเท่าสำนักสงฆ์ เท่านั้น ทั้งๆที่ก่อตั้งมานานถึง สี่สิบสี่ปี มาแล้ว...และทั้งๆที่ข้อเท็จจริงว่าวัดแห่งนี้มีของดีคู่บ้านเมืองรือเสาะ คือมีพระเครื่องเลื่องชื่อในหมู่นักเลงพระ คือพระปิดตาเพชรทักษิณหลวงพ่อหมวก วัดไพโรจน์ประชาราม ซึ่งเป็นหลานและศิษย์หลวงพ่อครน วัดบางแชะ เจ้าตำรับปิดตาเงินล้าน

ปัจจุบันเป็นพระเครื่องที่หายากเป็นที่ต้องการของพุทธศาสนิกชนทั้งในประเทศและประเทศมาเลเซีย มีพุทธคุณประสบการณ์ที่เลื่องลือ ว่ากันว่ารุ่นแรกพระปิดตาหลวงพ่อหมวกวัดไพโรจน์ประชารามปล่อยกันในตลาดถึงองค์ละหลายหมื่น

ตลอดเวลาสี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาได้มีความพยายามจากพี่น้องประชาชนชาวรือเสาะที่ต้องการให้วัดแห่งนี้มีความสมบูรณ์ของความเป็นวัดในความหมายของพุทธศาสนิกชนกล่าวคือมีพระอุโบสถ ให้พระสงฆ์ได้ปฏิบัติกิจของสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนในพื้นที่และภายนอกได้สามารถเข้าไปปฏิบัติศาสนกิจต่างๆของพุทธศาสนิกชนได้อย่างสมบูรณ์

แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังทำไม่สำเร็จซึ่งอาจจะเป็นเพราะจำนวนพุทธศาสนิกชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อำเภอรือเสาะ มีจำนวนลดน้อยถอยลงตามลำดับ อันเกิดจากการอพยพโยกย้ายถิ่น อันเกิดจากเหตุการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยในสามจังหวัดชายแดนใต้

เจ้าอาวาสวัดไพโรจน์ ได้กล่าวอีกว่า ดังนั้นจากความต้องการของพี่น้องชาวรือเสาะ ที่มีความประสงค์ที่จะให้วัดไพโรจน์ประชารามมีพระอุโบสถ ของวัดและเป็นวัดที่มีสถานะองค์ประกอบของวัดอย่างแท้จริง และเพื่อให้วัดแห่งนี้พุทธศาสนิกชนชายแดนใต้ ได้สักการะพระปิดตาหลวงพ่อหมวกเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจและ เป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ยั่งยืนในอำเภอรือเสาะ

ทางวัด ร่วมกับพุทธศาสนิกชนในอำเภอรือเสาะและจึงจัดตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อระดมทุนก่อสร้างพระอุโบสถของวัดไพโรจน์ประชารามขึ้นเพื่อระดมทุนจำนวน 7 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างพระอุโบสถแบบพอเพียงขนาด พื้นที่ประมาณ 6*15 ตารางเมตร ตามแบบแปลนพระอุโบสถแบบที่ 4 ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อให้มีการก่อสร้างพระอุโบสถจนแล้วเสร็จ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 3 ปี

จึงได้จัดตั้งคณะทำงานระดมทุนเพื่อสร้างพระอุโบสถ์และจัดทอดผ้าป่าออนไลน์เพื่อระดมทุนเบื้องต้น ผ้าป่ากองละ 1,000. บาท โดยผู้บริจาคจะได้รับพระปิดตาหลวงพ่อหมวกเนื้อว่านรุ่นมหาลาภเสาร์ห้า (ย้อนยุค) จำนวน 1 องค์ กำหนดการทอดผ้าป่า วันพฤหัสที่ 24 มิถุนายน 2564

ทั้งนี้ทางวัดได้ จัดสร้างหลวงปู่ทวดย้อนยุคของวัดช้างให้และปิดตาหลวงพ่อหมวก รุ่น 2(ย้อนยุค)เปิดให้จอง (มีจำนวนจำกัด)

หลวงปู่ทวดบูชาพิเศษ ฝังข้าวสารดำ องค์ละ 2,500 บาท

หลวงปู่ทวดบูชา 5 นิ้ว องค์ละ 2,000 บาท

หลวงปูทวดปั้มเครื่ององศ์ละ 299 บาท

ปิดตาหลวงพ่อหมวก รุ่น2(ย้อนยุค)องค์ละ 1,000 บาท

หลวงปู่ทวดพิมพ์พิเศษกดมือผสมผงว่าน 2497 หลังฝังข้าวสารดำ จององค์ละ 2,000 บาท

สำหรับ ปิดตาเพชรทักษิณ(ปิดตาหลวงพ่อหมวก) ยอดพระปิดตาเนื้อผงคลุกรักในดินแดนภาคใต้นี้ ที่ขลังและแพงที่สุดต้องยกให้ พระปิดตาของหลวงพ่อครนแห่งวัดบางแซะ กลันตัน ประเทศมาเลเซีย แต่ถ้าเรานับเฉพาะในประเทศไทยแล้วละก็ อาจบอกได้ว่า พระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก พระปิดตาเพชรทักษิณของหลวงพ่อหมวก แห่งวัดไพโรจน์ประชาราม อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส

เป็นหนึ่งไม่มีสองรองใครในดินแดนภาคใต้นี้ หลวงพ่อหมวกท่านเป็นทั้งหลานและศิษย์แท้ ๆ โดยตรงของหลวงพ่อครน และเป็นผู้ร่วมสร้างพระปิดตาของหลวงพ่อครนในยุคแรก ๆ โดยในเวลาต่อมาท่านก็มาเป็นผู้สร้างพระปิดตาเนื้อผงคลุกรักที่ขลังและมีพุทธานุภาพอันน่าอัศจรรย์ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นเพชรแห่งทักษิณแห่งดินแดน แห่งการก่อการร้าย จนจัดได้ว่าเป็นพระปิดตาที่อยู่เหนือขบวนการท้ามัจจุราช

กรรมวิธีการสร้าง ความแตกต่างแต่ละองค์ก็มีบ้าง แต่โครงสร้างความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีส่วนส่วนผสมต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ปั้นเป็นองค์พระทีละองค์อย่างคร่าว ๆ ก่อน จากนั้นจึงตกแต่งด้วยมีดพับอีกทีหนึ่ง เพื่อให้เกิดความสวยงามและลงมือจารหลังองค์พระปิดตาของท่านด้วยยันต์นะอุด ตรงกลางเป็นยันต์อุณาโลม และอีกด้านหนึ่งเขียนว่า โมอัด