สหกรณ์นราธิวาส
จัดพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือ MOU ซื้อขายผลผลิตข้าวระหว่างผู้แทนเกษตรกรแปลงใหญ่นาข้าว
ผู้ปลูกข้าว และเครือข่ายธุรกิจตลาดข้าวในระดับจังหวัด และระดับภูมิภาค
คาดอนาคตข้าวท้องถิ่นนราธิวาส ไปได้สวย
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 22 ก.ย.60
ที่ห้องประชุม ชั้น 6 โรงแรมตันหยง อ.เมือง จ.นราธิวาส ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์สงสุข
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะ นายนอรดีน เจะแล สหกรณ์ จ.นราธิวาส
ร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือ MOU ซื้อขายผลผลิตระหว่างผู้แทนเกษตรกรแปลงใหญ่นาข้าว
ผู้ปลูกข้าวซีบูกันตัง ผู้ปลูกข้าวหอมกระดังงา โรงสีข้าวพิกุลทอง
และเครือข่ายธุรกิจตลาดข้าวในระดับจังหวัดและระดับภูมิภาค
โดยมีผู้แทนเกษตรกร
ภาคธุรกิจ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นสักขีพยานเป็นจำนวนมาก
นายนอรดีน เจะแล สหกรณ์ จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า
ตามที่เกษตรกรในจังหวัดนราธิวาส ส่วนใหญ่ยังนิยมปลูกข้าวพันธ์พื้นเมือง
(ข้าวซีบูกันตัง ข้าวหอมกระดังงา)
ซึ่งสามารถสร้างอาชีพสร้างรายได้แก่เกษตรกรมายาวนานและ จ.นราธิวาส
ได้ขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โรงสีข้าวพิกุลทอง
มาจัดการโซ่อุปทานอาชีพทำนาทั้งระบบ
เพื่อพัฒนารายได้เกษตรกรชาวนา
รวมถึงการที่รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาการเกษตรผ่านตัวแบบ “ระบบการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่” โดยมีหน่อยงานต่างๆในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมรับผิดชอบตลอดโซ่อุปทานสินค้าเกษตร
โดยสำนักงานสหกรณ์ จ.นราธิวาส รับผิดชอบด้านตลาดผลผลิตเกษตรแปลงใหญ่ตามยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” ซึ่งมีขบวนการสหกรณ์เป็นตัวเชื่อมด้านตลาด
ผ่านการแสวงหาตลาด การทำข้อตกลงทางการค้า (MOU) กับผู้ค้า และทำการข้อตกลงด้านการผลิตกับเกษตรกร
ภายใต้การสนับสนุนจากภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษาแบบประชารัฐ
โดยกิจกรรมในวันนี้
เพื่อพัฒนาอาชีพเกษตรชาวนาให้เกิดความมั่นคง ผู้แทนเกษตรกรแปลงใหญ่นาข้าว
โรงสีข้าวพิกุลทอง เครือข่ายตลาดข้าวระดับจังหวัดและระดับภูมิภาค
ประกอบด้วยเครือข่ายตลาดศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ (CDC) จังหวัดภาคใต้ชายแดน โดยชุมนุมสหกรณ์การเกษตรยะลา จำกัด เครือข่ายตลาดข้าวกลุ่มโรงเรียนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
โดยผู้อำนวยการบ้านเปล ได้ตกลงเชื่อมโยงผลผลิตตลาดข้าวด้วยกันอย่างครบวงจร
โดยทั้งสามฝ่ายจึงตกลงทำบันทึกข้อตกความร่วมมือ (MOU) ซื้อขายผลผลิตข้าวในฤดูการผลิต 2560 – 2561
ตลอดโซ่อุปทาน มีมูลค่าตลาดข้าวเปลือกของเกษตรกร ประมาณ 80 ล้านบาท
ซึ่งเมื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ข้าวสาร ข้าวกล้อง และข้าวสุขภาพอื่นๆแล้ว
มีมูลค่าตลาดกว่า 120 ล้านบาท โดยสามารถจัดการตลาดข้าวพันธ์พื้นเมืองในพื้นที่ได้
100 เปอร์เซ็นต์
ด้าน ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า
วันนี้ถือเป็นวันที่สำคัญของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวซีบูกันตังและผู้ปลูกข้าวหอมกระดังงาของจังหวัดนราธิวาส
ที่ได้มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพ่อนำผลิตภัณฑ์ในพื้นที่และเป็นที่นิยมในจังหวัดชายแดนภาคใต้
คือ ข้าวหอมกระดังงา ข้าวซีบูกันตัง จากโรงสีข้าวพระราชทานพิกุลทอง
ร่วมกับสหกรณ์ใกล้เคียง โดยส่งข้าวดังกล่าวกระจายไปยัง จ.สตูล จ.สงขลา และ จ.ยะลา
ล้อตแรก จำนวน 5 ตัน
โดยข้าวหอมกระดังงาออกจากโรงสีสามารถขายในราคาตันละ 65,000
บาท และขานรับนโยบายของรัฐบาลในการหาตลาดให้กับเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงให้มีความเข้มแข็งตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ที่เน้นย้ำตลาดสินค้าการเกษตรให้มีการเชื่อมโยงในเรื่องของนโยบายการนำแปลงใหญ่มาใช้ในพื้นที่ที่มีมาตรฐานและมีความปลอดภัยและขับเคลื่อนเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้
โดยเฉพาะ จ.นราธิวาส
มีความกินดีอยู่ดีและมีความสุข ซึ่งกิจกรรมวนนี้เป็นกิจกรรมและการเริ้มต้นที่ดีที่จะสร้างความยั่งยืนด้านอาชีพให้กับผู้ปลูกข้าวและเกษตรกรในพื้นที่ที่ได้รับการดูแลจากภาครัฐ
รวมทั้งการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพล
อดุลยเดชที่พระองค์ท่านเสด็จทรงงานในพื้นที่และทรงพระราชทานโรงสีข้าวพิกุลทอง
และทรงติดตามงานเพื่อความมั่นคงของเกษตรกรในพื้นที่
“ในเบื้องต้นจะเน้นเรื่องคุณภาพข้าวก่อน
เพื่อให้ข้าวทุดเม็ดที่ออกมาจากพื้นที่เป็นข้าวที่มีคุณภาพเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับข้าวที่ดีและมีความติดใจในการบริโภค
จึงเชิญชวนพี่น้องทดลองบริโภคข้าวหอมกระดังงาและข้าวซีบูกันตันดู
และหวังว่าจะเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่จะทำให้ท่านชื่นชอบ”
ขอบคุณ ข่าว/ภาพ.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น