โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ยะลา เกษตรชาวสวนผลไม้รุ่นใหม่ หันมาปลูก “ผลเมล่อน” ส่งขายสร้างรายได้งาม เผยปลูกเพียง 3 เดือน ส่งขายได้กำไรกว่า 5 หมื่นบาท

 ยะลา เกษตรชาวสวนผลไม้รุ่นใหม่  หันมาปลูก ผลเมล่อนส่งขายสร้างรายได้งาม เผยปลูกเพียง 3 เดือน ส่งขายได้กำไรกว่า 5 หมื่นบาท


          เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม 2560  ที่บริเวณแปลงเมล่อน หมู่ 1 ต.ตาชี อ.ยะหา จ.ยะลา   ซึ่งเป็นของ  นายพิพัฒน์ ว่องปิติธวัช  อายุ 32 ปี เกษตรกรชาวสวนรุ่นใหม่  ที่หันมาทดลองปลูกเมล่อน จำหน่ายเพื่อเพิ่มรายได้ หลังจากราคายางพาราตกต่ำ  โดยแปลงเมล่อนของนายพิพัฒน์  มีขนาด 7 เมตร คูณ 18 เมตร สามารถปลูกต้นเมล่อนรวม 6 สายพันธุ์ ได้กว่า 300 ต้น  เตรียมนำออกจำหน่ายในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 60 นี้       


          นายพิพัฒน์ ว่องปิติธวัช  เปิดเผยว่า  เดิมมีอาชีพทำสวนยางพารา สวนผลไม้ โดยเฉพาะมังคุดลองกอง ลางสาด แต่หลังจากราคายางตกต่ำ ได้หันมาปลูกผลไม้ที่ไม่เคยปลูกมาก่อน ก็เลยมาทดลองปลูกเมล่อน ลองผิด ลองถูก มาหลายปี แม้จะปลูกยาก และเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก ทดลองไปหาซื้อจากห้างมาก่อนเพื่อดูรสชาติเป็นอย่างไร จากนั้นจึงนำเมล็ดมาปลูกทดลองก่อนผลปรากฏว่าได้ผล แต่คุณภาพจะไม่เหมือนเมล็ดพันธุ์แท้ๆ ที่นำเข้าโดยตรง จึงทดลองปลูกถึง4- 5 ปี ทั้งในดิน ทั้งในถุง ก็ประสบความสำเร็จ และศึกษาค้นคว้ามาจากผู้เชี่ยวชาญบ้าง จากเจ้าของฟาร์มต่างๆจากทั่วประเทศ


        “ต่อมาจึงหันมาทำจริงจัง ด้วยการทำโรงเรือนแบบออแกนิค ระบบปิดไปเลย เพื่อช่วยป้องกันในเรื่องแมลง ควบคุมอุณภูมิให้คงที่ ปรากฏว่าผลที่ได้รับคื อช่วยลดจากการใช้สารเคมีอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ และลดแมลง ที่จะมาทำลายต่อผลผลิตได้จะสามารถลดภาวะนี้ได้ นอกจากนั้นยังสามารถควบคุมกำหนดการเก็บเกี่ยวได้อย่างแน่นอน ส่วนวีธีจำหน่ายของตนนั้นก็จะใช้ใช้โซเซี่ยลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นเฟชบุ๊ค หรือไลน์ ในการประชาสัมพันธ์   ส่วนในเรื่องตลาดมีการตอบรับที่ดี  ผลเมล่อนชุดนี้จะมีการส่งออกไปยังต่างจังหวัด เช่นลูกค้าที่ ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร   น่าน  และที่  อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา  และ  ที่สำคัญ คือตลาด รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ที่ได้ติดต่อจะมาดูงานด้วยในสิ้นเดือนนี้  อยู่ระหว่างติดต่อการค้าระหว่างประเทศนายนิพัฒน์ กล่าว


          ชาวสวนเมล่อนรายนี้ ยังกล่าวอีกว่า    ในอนาคตตนเองกำลังมีโครงการจะปลูกองุ่น สตรอเบอรี่ และลูกฟิก อยู่ระหว่างเตรียมพื้นที่เพื่อวางแผนการปลูก  จากการลงทุนที่ผ่านมาทำให้คุ้มทุน สามารถเก็บเกี่ยวส่งขายประมาณ 2-3- ครังก็จะคืนทุน ใช้เวลาไม่นาน สำหรับล๊อตนี้เก็บเกี่ยวประมาณ 300 ลูก คาดว่าจะได้กำไรประมาณ 5-6 หมื่นบาท  จากการใช้ระยะเวลาการปลูก เพียง 3 เดือน   ซึ่งตามท้องตลาดขณะนี้ ผลเมล่อน อยู่ที่กิโลกรัมละ 150 บาท     



           นายพิพัฒน์ เผยอีกว่า สำหรับพันธ์ที่ปลูก มีทั้งหมด 6 สายพันธุ์ ให้ปุ๋ยระบบน้ำ ตั้งเวลาอัตโนมัติ (timer) ใช้ขี้เลื่อยเป็นวัสดุปลูกเพื่อยึดระบบราก และปลูกในแก้วกาแฟ เพื่อยกระบบรากให้สูงขึ้นกว่าระดับดิน ป้องกันโรครากเน่า ลงทุนครั้งแรก 200,000 บาท เมล็ดพันธุ์มาจากประเทศญี่ปุ่น และเกาหลี โรงเรือนขนาด 7×18 เมตร  สำหรับพันธุ์ที่ใช้ปลูก  คือพันธุ์ซูเอโตะ เนื้อสีเขียวนุ่มฉ่ำ จากประเทศญี่ปุ่น พันธุ์ซูบาริคิง เนื้อสีส้มนุ่มฉ่ำ จากประเทศญี่ปุ่น พันธุ์คิโมจิ เนื้อสีเขียวกรอบ จากประเทศญี่ปุ่น พันธุ์เอกะ เนื้อสีส้มกรอบ จากประเทศญี่ปุ่น       พันธุ์เอิร์ทเมาท์ เนื้อสีเขียวนุ่มฉ่ำ จากประเทศเกาหลี  และพันธุ์ฮาเกะ เนื้อสีเขียวนุ่มฉ่ำ   จากประเทศเกาหลี

   ขอบคุณ มูกะตา  หะไร ยะลา

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น