ชาวกะลุวอ ผู้นำชุมชนผนึกกำลังโค่นต้นกระท่อมในพื้นที่ ขานรับนโยบาย “120 วัน วาระพืชกระท่อม”แก้ไขปัญหาการใช้ในทางที่ผิด หวังสร้างพื้นที่ปลอดภัยและเป็นสังคมต้นแบบปลอดยาเสพติด
ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาสรายงาน Tel.0824154474
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสายนูดิน มามุ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ หัวหน้างานคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและอำนวยความเป็นธรรม กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาความมั่นคง ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วยนายอภิสิทธิ์ มามะ ผู้ใหญ่บ้านบ้านกูแบสาลอ ม.4 ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส รวมทั้งผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา เจ้าหน้าที่ตำรวจ และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมกันโค่นต้นพืชกระท่อมเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้พืชกระท่อมในทางที่ผิด
การดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “120 วัน วาระพืชกระท่อม” ที่กำหนดโดย พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. โดยเป็นการผนึกกำลังบูรณาการปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อต่อสู้กับปัญหายาเสพติดใกล้ตัว โดยเฉพาะพืชกระท่อมที่กำลังแพร่ระบาดและกลายเป็นภัยสังคมที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน
นายอภิสิทธิ์ มามะ ผู้ใหญ่บ้านบ้านกูแบสาลอ เปิดเผยว่า ในการรณรงค์ครั้งนี้ ได้มีการบูรณาการความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายบริหาร รวมถึงผู้นำทางศาสนา ซึ่งทั้งหมดจะเข้ามามีบทบาทร่วมกันในการขับเคลื่อนนโยบายและกิจกรรมรณรงค์ งดใช้และไม่สนับสนุนการใช้พืชกระท่อม
นายอภิสิทธิ์ มามะ เน้นย้ำว่า ความสำเร็จของการรณรงค์ครั้งนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ขึ้นอยู่กับ ความร่วมมือของประชาชนทุกคนในตำบลกะลุวอ หากทุกคนตระหนักและมีจิตสำนึกร่วมกันที่จะไม่ใช้กระท่อม ก็จะช่วยให้การรณรงค์เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ถึงแม้อาจไม่สามารถลดปัญหาได้ทั้งหมด แต่เชื่อมั่นว่าจะเกิดผลลัพธ์เชิงบวกอย่างแน่นอน
“เป้าหมายสำคัญคือการสร้างพื้นที่ตำบลกะลุวอให้เป็น สังคมที่ปลอดจากกระท่อมและยาเสพติดทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เยาวชนในพื้นที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้ เพื่อให้เยาวชนเติบโตอย่างมีคุณภาพ ได้รับการยอมรับจากสังคม และเพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของตำบลในสายตาคนนอก” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ท้ายที่สุด ผู้ใหญ่บ้านกูแบสาลอได้ย้ำอีกครั้งว่า การจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ ต้องอาศัยพลังและความร่วมมือจากประชาชนทุกคน หากทุกฝ่ายร่วมใจกัน ก็จะทำให้ตำบลกะลุวอเป็นพื้นที่ที่น่าอยู่ ปลอดภัย และเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคมในอนาคต
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น