โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568

วงเสวนายอมรับ การเมืองภาคใต้เปลี่ยน เงินเข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกตั้ง จากอดีตที่เน้นคนดี มีอุดมการณ์เข้าไปทำงาน ระบุมีพรรคการเมืองระบบนอมินี แทนพรรคใหญ่ที่คนใต้ไม่เลือก เน้นการสร้างความตระหนักให้ชาวบ้านเห็นถึงอันตรายของการใช้เงิน เพราะมีการถอนทุน ประเทศไม่พัฒนา

 วงเสวนายอมรับ การเมืองภาคใต้เปลี่ยน เงินเข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกตั้ง จากอดีตที่เน้นคนดี มีอุดมการณ์เข้าไปทำงาน ระบุมีพรรคการเมืองระบบนอมินี แทนพรรคใหญ่ที่คนใต้ไม่เลือก เน้นการสร้างความตระหนักให้ชาวบ้านเห็นถึงอันตรายของการใช้เงิน เพราะมีการถอนทุน ประเทศไม่พัฒนา





เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ห้องโรงรียนวัดพังไกร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช กลุ่มประชาชนไม่เงียบ ได้จัดเสวนาทางการเมือง หัวข้อ อนาคตการเมืองภาคใต้หลังกล้าธรรมปักธงนครศรีฯ โดยมีนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรช. มหาดไทย อดีต สส.หลายสมัยของสงขลา รศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ อดีต สส.นครศรีฯ นักวิชาการผู้คร่ำหวอดในแวดวงการเมือง

นายพุฒิพงศ์ ลุ่ยจิ๋ว อดีตผู้สมัครส.ส.นครศรีฯ พรรคพรรคประชาชน นายอานนท์ มีศรี ผู้สังเกตุการณ์ทางการเมืองภาคประชาชน และพระครูรัตนสุตากร ดร.รองเจ้าคณะอำเภอหัวไทร เจ้าอาวาสวัดคลองแดน ต.รามแก้ว อ.หัวไทร ร่วมแสดงความคิดเห็น มีนายสมพร หลงจิ บรรณาธิการMtoday เป็นผู้ดำเนินรายการ

นายเฉลียว คงตุก ประธานกลุ่มประชาชนไม่เงียบ อดีตบก.คมชัดลึก กล่าวว่า สืบเนื่องจากการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 8 นครศรีฯ ที่ผู้สมัครพรรคกล้าธรรม ได้รับเลือกตั้งมีการกระแสว่า เงินเป็นปัจจัยหลักในการเลือกตั้ง ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่คนใต้จะเน้นอุดมการณ์มากกว่าเงิน จึงเป็นประเด็นให้มาถอดบทเรียนกันว่า อนาคตการเมืองภาคใต้จะเป็นอย่างไรต่อไป

นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรมช.มหาดไทย กล่าวว่า ตนเข้าสู่การเมืองตั้งแต่สมัยเรียน เป็นนักกิจกรรม มาเป็นยุวประชาธิปัตย์ เรียนจบมาลงสมัคร สจ.สมัยที่ยังไม่เงินเดือนมีค่าเบี้ยประชุมครั้งละ 200 บาท ปีหนึ่งประชุม 2 ครั้ง ยุคแรกคนใต้ไม่สนใจเรื่องเงิน แต่อาจจะขอบุหรี่บ้างอะไรบ้าง หารหาเสียงจะเน้นการปราศัยเป็นหลัก ซึ่งตนเป็นคนแรกๆในจังหวัดสงขลา ที่หาเสียงด้วยการปราศรัย ช่วงนั้นก็ได้เดินทางไปสัมผัสการเลือกตั้งในภาคต่างๆ ก็เริ่มมีการแจกสิ่งของ มีการใช้เงิน อย่างภาคเหนือภาคอีสาน ขณะที่ภาคใต้เงินเริ่มเข้ามามีบทบาทในการเลือกตั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเป็นการใช้เงินที่รุนแรง มากกว่าภาคอื่น และนายทุนนักธุรกิจที่อยู่เบื้องหลังนักการเมืองในอดีต เข้ามาสู่การเมืองด้วยตนเอง ปัจจัยของการใช้เงินจึงเป็นประเด็นสำคัญ


'การใช้เงินในการเลือกตั้ง นำไปสู่วิกฤติทางการเมือง การถอนทุนคืน การทุจริตซึ่งเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย เราจึงต้องสร้างการตระหนักรู้ให้ประชาชนได้เข้าใจถึงอันตราย นำการเมืองสู่การเมืองที่บริสุทธิ์ยุติธรรม สกัดการใช้เงิน เพราะไม่เช่นนั้น ลูกชาวบ้าน อย่างผม อย่างท่านชวน (หลีกภัย) จะไม่มีโอกาสสู่การเมือง และการพัฒนาประเทศก็จะล้าหลัง' นายนิพนธ์ กล่าว

ด้านรศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ กล่าวว่า ตนเป็นคนที่สนใจการเมืองมานาน ร่วมเรียกร้องประชาธิปไตยตั้งแต่สมัยพฤษภาทมิฬ การพัฒนาประเทศ จึงมีแนวทางเดียว คือระบอบประชาธิปไตย แต่การเลือกตั้งมีการใช้เงิน ที่เรียกว่า Monney Politic การใช้โปรเจค์หรือโครงการมาล่อใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง และในระยะหลัง บางพรรคอาจจะไม่เป็นที่นิยมในภาคใต้ จึงมีระบบแรนไชส์ หรือนอมินีขึ้นมา

'การเลือกตั้งซ่อมเขต 8 ดูเหมือนไม่มีอะไร เพราะผลการเลือกตั้งไม่มีผลอะไรต่อการเป็นรัฐบาล แต่บางพรรคต้องการโชว์ศักยภาพให้เห็น เพื่อสร้างความไว้วางใจากบางพรรคให้เป็นตัวแทนในภาคใต้ ซึ่งต้องให้ประชาตระหนักในข้อเท็จจริงอันนี้ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีจุดอ่อนอยู่ แต่ระบอบประชาธิปไตยยังเป็นระบอบที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทย' รศ.ดร.รงค์ กล่าว

ขณะที่นายพุฒิพงษ์ ตัวแทนพรรคประชาชน กล่าวว่า พรรคประชาชนยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่ปฏิเสธการใช้เงินในการเข้าสู่การเมือง แต่จะขับเคลื่อนการเมือง เหมือนพรรคประชาธิปัตย์ในอดีตที่เน้นอุดมการณ์


'การเลือกตั้งเขต 8 หรือการเลือกตั้งในระยะหลังที่มีการใช้เงินมาก เพราะคนใต้ผิดหวังกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่หันไปสนับสนุนเผด็จการ หรือฝ่ายขวา จึงไม่มีที่พึ่งทางการเมือง จึงเลือกเงิน ซึ่งพรรคประชาชนจะยังยืนหยัดในแนวทางปัจุบัน เน้นอุดมการณ์ และยืนยันว่า พรรคประชาชนเป็นพรรคของทุกคน ไม่ได้ถูกครอบงำจากใครคนใดคนหนึ่ง หรือคนที่เรียกว่า เป็นจิตวิญญาณของพรรค' นายพุฒิพงษ์ กล่าว

ด้านนายอานนท์ ผู้สังการเกตการณ์ทางการเมือง ภาคประชาชน กล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมา บางพรรคมีการใช้เงินถึง 80 ล้านบาท แต่ไม่บอกว่าเป็นพรรคไหน ซึ่งการเมืองปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิมมาก มีการใช้เงินในทุกระดับ ในทุกระบบ เพื่อนตนเป็นข้าราชการ บอกว่า จะต้องหาเงินไปซื้อตำแหน่ง ถือว่า เป็นระบบที่เลวร้าย เราจะต้องกันสกัด ไม่ให้เงินเข้ามามีบทบาทในการเลืกตั้ง

ส่วนพระครูรัตนสุกตากร ให้ความเห็นว่า กฎหมายห้ามพระเล่นการเมือง แต่ที่มาวันนี้อาตมามาแสดงความคิดเห็น เพราะการเมืองกระทบทุกภาคส่วน ส่วนตัวเห็นว่า ทุกอย่างเป็นอนิจจา คือ ไม่เที่ยง แปรเปลี่ยนไปตามสภาพ มีเกิดมีเสื่อม อย่างการใช้เงินถึงจุดหนึ่ง เมื่อชาวบ้านเห็นว่า เป็นอันตราย ก็จะเกิดความเสื่อม คนก็จะหันมาเลือกตั้งโดยใช้เหตุใช้ผลมากขึ้น 

สำหรับการสรุปงานหลังเสร็จวงเสวนาได้ข้อสรุปว่า ทีมงานจะยังคงเดินหน้าตั้งวงเสวนาต่อไป โดยอาจจะเจาะลึกเป็นรายประเด็นปัญหา โดยครั้งต่อไปอาจจะเป็นปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน หรือปัญหาปากท้องของชาวบ้าน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่นำมาสู่การระบบเงินซื้อเสียง ภายใต้การจัดการเสวนาของ #กลุ่มประชาชนไม่เงียบ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น