โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ชาวรือเสาะกว่าร้อยคนเดินทางไปยังสนง.ที่ดินเพื่อจดนิติกรรมและออกโฉนดใช้เป็นที่อยู่อาศัยและทำกินกรณีกลุ่มบุคคลครอบครองเอกสารสิทธิที่ดินประเภท น.ส.3 ของตนเอง ซึ่งขัดแย้งมานานกว่า 47 ปี (มีคลิป)

ชาวรือเสาะกว่าร้อยคนเดินทางไปยังสนง.ที่ดินเพื่อจดนิติกรรมและออกโฉนดใช้เป็นที่อยู่อาศัยและทำกินกรณีกลุ่มบุคคลครอบครองเอกสารสิทธิที่ดินประเภท น.ส.3 ของตนเอง ซึ่งขัดแย้งมานานกว่า 47 ปี (มีคลิป)





 ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาสรายงาน Tel.0824154474 


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนราธิวาส สาขารือเสาะ ตำบลรือเสาะออก อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ “กรณีเป็นตัวกลางในการประสานงานจดทะเบียนนิติกรรมในที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน ของประชาชนหมู่ที่ 8 (บ้านบียห์) ตำบลเรียง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส” 

นำโดยนายเจตนา เหมมุน ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วย ร.ท.ณรงค์ เดชภักดี รองหัวหน้าแผนกฝ่ายความมั่นคง กองปฏิบัติการ สำนักอำนวยการข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า นายเสถียร เพชรชะ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนราธิวาสสาขารือเสาะ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมจดนิติกรรมในครั้งนี้


 

ทั้งนี้ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 8 (บ้านบียิห์) ตำบลเรียง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส จำนวน 145 คน ได้เดินทางมายังสำนักงานที่ดินจังหวัดนราธิวาส สาขารือเสาะ เพื่อดำเนินการจดนิติกรรมและออกโฉนดที่ดินสำหรับใช้เป็นที่อยู่อาศัยและทำกิน ในกรณีที่ประชาชนกลุ่มหนึ่งมีความครอบครองที่ดินตามเอกสารสิทธิที่เกี่ยวข้อง หลังจากที่มีข้อพิพาทเรื่องที่ดินมาเป็นเวลา 47 ปี ซึ่งการจดนิติกรรมและออกโฉนดเป็นขั้นตอนสำคัญในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทและยืนยันสิทธิในที่ดินอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคงในสิทธิการครอบครองที่ดินและสามารถใช้ที่ดินในการประกอบอาชีพต่อไป


ทั้งนี้ตามที่พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้นำความกรณีที่ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องต่างๆ ที่ชาวบ้านได้มีการร้องขอความเป็นธรรม จากกรณีกลุ่มบุคคลทำการยึดถือครอบครองเอกสารสิทธิที่ดินประเภท น.ส.3 ของตนเองนำไปออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งพบว่าข้อเท็จจริงในเรื่องการขัดแย้งในที่ดินบริเวณที่ร้องเรียนขัดแย้งกันมาตั้งแต่ปี 2521 เป็นเวลานานถึง 47 ปี แล้ว



​​โดยศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานและเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยระหว่างกลุ่มผู้ร้องกับกลุ่มผู้ถูกร้อง จนกลุ่มผู้ถูกร้องยินยอมที่จะแบ่งที่ดินให้แก่ชาวบ้านที่ได้ตั้งบ้านเรือนในเขตที่ดินตามเอกสาร น.ส.3 แปลง โดยได้นำรายชื่อชาวบ้านที่เกี่ยวข้องไปจดทะเบียนเป็นชื่อผู้ครอบครองร่วมกับกลุ่มผู้ถูกร้องตามความยินยอมของผู้ถูกร้อง และดำเนินการขั้นตอนการรังวัดสอบสวนสิทธิพิสูจน์การทำประโยชน์ เพื่อออกโฉนดที่ดินเฉพาะราย โดยเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ 2567 ที่ผ่านมาศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นตัวกลางในการจัดทำบันทึกให้ความยินยอมยกสิทธิการครอบครองที่ดินบริเวณนี้ให้แก่ทางราชการเพื่อให้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวนี้











 โดยผู้ให้ความยินยอมและทายาทที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงหัวหน้าหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน โดยการดำเนินการของคณะพนักงานสืบสวนจึงเน้นในเรื่องการอำนวยความยุติธรรมและสร้างความสุขความภูมิใจในการมีที่ดินและมีบ้านเป็นของตนเองอย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในเรื่องการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้


ด้านนายเจตนา เหมมุน ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ชาวบ้านที่เดินทางมาในวันนี้ที่มาในวันนี้ก็ถือว่าเป็นข้อดีที่ได้มาพูดคุยประสานงาน และทางฝ่ายผู้ถูกฟ้องเขาก็จะยินยอมที่จะที่จะยกที่ดินบางส่วน ที่ยังมีข้อพิพาทกันอยู่ให้เพิ่มเติมทั้งหมด 150 แปลงเนื้อที่ประมาณ 60 ไร่ ซึ่งถ้ารวมตรงนี้แล้ว มีประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ประมาณ 200 กว่าราย ซึ่งแต่เดิมบางรายเขายังไม่มีบ้านเลขที่ คือเขาอยู่ที่เฉยๆแต่ยังไม่มีบ้าน ซึ่งถ้ามีการแบ่งสันปันส่วนออกเป็นเอกสารสิทธิแล้ว ต่อไปเขาจะมีที่ทางอยู่แล้วเขาจะนำหลักฐานตรงนี้ไปออกเป็นเลขที่บ้านเขาก็จะได้รับประโยชน์ผลพลอยได้ของสิทธิประโยชน์ทางราชการก็ตามมา อย่างเช่นน้ำไฟต่างๆก็เพิ่มมาได้


ซึ่งทุกคนที่มาในวันนี้มาใส่ชื่อให้อยู่ใน น.ส.3 ก ของผู้มายกให้รวมเป็นผู้มีชื่อร่วมทั้งหมดโดยหลังจากนี้ก็ได้มีการออกไปรางวัดในพื้นที่แบ่งเป็นแปลงๆ โดยทางคณะพนักงานของเราได้มีการทำแปลงไว้ให้เรียบร้อยแล้วว่าแปลงใครอยู่ตรงไหน ต่อไปก็ลงในพื้นที่ก็สามารถไปรังวัดตามแนวเขตของแต่ละคนที่มีชื่อ คาดว่าแล้วเสร็จคงไม่ถึงปีหน้า โดยทุกคนก็จะมีชื่อมีที่เป็นของตัวเอง และเน้นย้ำว่าการที่เขาได้รับเป็นผู้มีชื่อสิทธิครอบครองตาม น.ส.3 ก ไปนั้นว่าให้ใช้เพื่อทำกินแล้วก็อยู่อาศัย ไม่ได้เอาไปแลกขายหรือขายฝากเอาไปจำนองไม่ได้


นางรออีซ๊ะ บือราฮง กล่าวว่าในนามตัวแทนของชาวบ้านทุกคนขอขอบพระคุณทุกคนที่มาช่วยในตรงนี้ทำให้เราทุกๆคนมีบ้านเลขที่ เพราะการที่จะสร้างบ้านต้องใช้โฉนด เราก็ขอบคุณแทนชาวบ้านทุกคน เพราะก่อนหน้านี่เราลำบากมาก จะขอบ้านเลขที่ก็ไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าต้องมีโฉนดให้ถูกต้องตามกฎหมาย และการที่จะให้ลูกเข้าโรงเรียนก็ต้องย้ายชื่อลูกให้ไปเข้าในทะเบียนบ้านอื่นก่อน เพื่อที่จะสามารถให้ลูกได้เรียนหนังสือได้

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น