โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ผู้ประกอบการร้านค้าโอด มาตรการเข้มงวดของเดินทางเข้า-ออกไทย-มาเลเซียของทางการมาเลเซียส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งระบบของสุไหงโก-ลก

ผู้ประกอบการร้านค้าโอด มาตรการเข้มงวดของเดินทางเข้า-ออกไทย-มาเลเซียของทางการมาเลเซียส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งระบบของสุไหงโก-ลก


 ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาสรายงาน Tel.0824154474 




 

ทันทีทางการมาเลเซียประกาศมาตรการเข้มงวดการเดินทางเข้า-ออกระหว่างประเทศไทย-มาเลเซียตามแนวชายแดน โดยเน้นย้ำจะตรวจสอบการเดินทางเข้า-ออกผ่านช่องทางธรรมชาติอย่างผิดกฎหมายทุกพื้นที่หากพบบุคคลที่เดินทางเข้า-ออกอย่างผิดกฎหมาย จะดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น โดยเฉพาะชาวมาเลเซียที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันทีดีเดย์ 1 ธันวาคม 2567


นายสมโภชน์ หงษ์กิตติยานนท์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมเก็นติ้ง ระบุ ตั้งแต่มีข่าวทางการมาเลเซียเข้มงวดการเดินทางเข้า-ออกอย่างผิดกฎหมาย และกระแสข่าวการปิดท่าข้าม ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งที่นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวและพักผ่อนในพื้นที่ระยะสั้นหายไป โดยยอดเข้าพักจากเดิมในช่วงสุดสัปดาห์จากเดิมจะมีประมาณ 100 - 200 ห้องต่อคืน ขณะนี้เข้ามาพักประมาณ 15 - 20 ห้องต่อคืน



 ซึ่งนักท่องเที่ยวหายไปเยอะมาก หากมีการประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้นก็จะกระทบอย่างหนักต่อภาคธุรกิจในสุไหงโก-ลกทั้งระบบ ทั้งการค้า งานบริการ และการท่องเที่ยว วอนภาครัฐช่วยหาวิธีการแก้ปัญหาหรือแสวงหาจุดร่วมที่สามารถดูแลความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยในพื้นที่ร่วมกัน เพื่อต่อลมหายใจให้ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการในพื้นที่

นายแสงทอง ปรีชาวุฒิเดช ผู้ประกอบการโรงแรมมารีน่า และโรงแรมธารา อำเภอสุไหงโก-ลก  กล่าวว่า ลูกค้าของโรงแรมจะมีทั้งกลุ่มที่เดินทางมาอย่างถูกกฎหมาย และส่วนหนึ่งมาทางช่องทางธรรมชาติเพราะสะดวกต่อการเดินทางเข้า-ออก เนื่องจากวัตถุประสงค์หลักของบุคคลกลุ่มนี้คือมาเที่ยว มากิน มาช้อปปิ้ง ซึ่งต้องยอมรับว่าธุรกิจโรงแรมทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็กได้รับผลกระทบโดยทั่วกัน อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องรอติดตามสถานการณ์อีกระยะ ควบคู่กับการต้องปรับตัวของโรงแรมเพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้ ซึ่งหากสามารถทำให้การเดินทางเข้าออกทางจุดผ่อนปรนกลับมาได้ อย่างน้อยก็จะช่วยพยุงเศรษฐกิจในพื้นที่ไม่ให้ซบเซาหนัก



นางสาวเฟาซียะห์ มะนาวี แม่ค้าร้านขายอาหารตามสั่ง ชุมชนท่ากอไผ่ กล่าวว่า ในห้วงที่ผ่านมามีข่าวออกมาตลอดว่าทางการมาเลเซียจะปิดท่าข้ามริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ซึ่งจากกระแสข่าวดังกล่าวได้ทำให้ชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามาทางจุดผ่อนปรนลดลงไปมาก จากเดิมที่ขายอาหารมีรายได้ต่อวันประมาณ 5,000 - 6,000 บาท ตอนนี้ต้องเปลี่ยนมาขายน้ำแทน ทำให้มีรายได้ไม่ถึง1,000 บาท ยิ่งวันนี้ทางการมาเลเซียประกาศใช้มาตรการดำเนินคดีกับผู้ที่เดินทางเข้า-ออก ไทย-มาเลเซียอย่างผิดกฎหมาย แม้จะมีผลวันที่ 1 ธันวาคม 2567 แต่ตอนนี้ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศก็วิตกกังวลจนไม่กล้าเดินทางเข้า-ออกช่องทางนี้กันแล้ว


ด้านนางสาวนูรีซา จะมาจี แม่ค้าร้านขายน้ำ ชุมชนท่ากอไผ่ กล่าวว่า ทันทีที่ทราบว่าทางการมาเลเซียจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เดินทางเข้า-ออก ไทย-มาเลเซียอย่างผิดกฎหมาย ก็รู้สึกเป็นกังวล เพราะรายได้ส่วนใหญ่มาจากลูกค้าที่เป็นชาวไทย และชาวมาเลเซียที่เดินทางผ่านจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก รายได้ขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท ถ้าทางการมาเลเซียเริ่มใช้มาตรการนี้อย่างจริงจัง ก็อาจจำเป็นต้องปิดร้านเพราะไม่รู้จะขายให้ใคร  ตอนนี้กังวลกับภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวมาก

ส่วนนายอภิชัย บุญจุน ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ วินชุมชนท่ากอไผ่ กล่าวว่า รายได้ทุกวันนี้ก็ย่ำแย่อยู่แล้ว เพราะที่วินมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างกลายคน ถ้าเป็นในห้วงสถานการณ์ปกติก็พอจะมีรายได้พอจุนเจือครอบครัวอยู่บ้าง แต่ในช่วงนี้ที่ประชาชนตามแนวชายแดนทั้ง 2 ประเทศวิตกกังวลกับความเข้มงวดของทางการมาเลเซียทำให้รายได้ลดลงไปมากโดยต่อวันได้เงินเพียง 200-300 บาท ซึ่งหากเริ่มใช้มาตรการดังกล่าวอย่างจริงจัง คิดว่าระบบเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว งานบริการจะล้มกันหมด เพราะคนในพื้นที่เมืองชายแดนคุ้นชินกับการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติ อยากเรียกร้องให้มีการพูดคุยระหว่างรัฐไทยกับรัฐมาเลเซียเพื่อหาแนวทางผ่อนปรนในเรื่องนี้ เพื่อต่อลมหายใจให้ประชาชน และผู้ประกอบการในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก 


ทั้งนี้สำหรับการเดินทางเข้าไทย-มาเลเซีย ทางด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก-รันเตาปันยัง ปัจจุบันประเทศไทยยกเว้นการกรอก ตม.6 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 ขณะที่การเดินทางเข้าประเทศมาเลเซีย ต้องลงทะเบียน ตม.ขาเข้าสำหรับผู้ใช้หนังสือเดินทาง และการนำยานพาหนะเข้า-ออก ต้องทำใบขนสินค้าพิเศษ ซึ่งปัจจุบันการเดินทางทางด่านพรมแดนของทั้ง 2 ประเทศก็ได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง และด่านศุลกากรทำให้พิธีการต่างๆมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยการใช้หนังสือเดินทาง หรือหนังสือผ่านแดนเข้า-ออกระหว่างประเทศ สามารถพำนักได้ต่อครั้งไม่เกิน 30 วัน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น