โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

ย้อนรอยอดีต​ เรื่อง รูปเหมือน..หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุด​ ในประเทศไทย พุทธมณฑล​ จ.สงขลา คงจะได้ปิด.. ตำนาน​ โครงการสร้างมากว่า​ 10​ ปี​ ใช้เงินไปกว่า​ 100​ ล้าน.แต่ยังสร้างไม่เสร็จ(มีคลิป)

  

ย้อนรอยอดีต​ เรื่อง รูปเหมือน..หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุด​ ประเทศไทย พุทธมณฑล​ จ.สงขลา คงจะได้ปิด.. ตำนาน​ โครงการสร้างมากว่า​ 10​ ปี​ ใช้เงินไปกว่า​ 100​ ล้าน.แต่ยังสร้างไม่เสร็จ




                                                                        ชมคลิป เปลวสีเงิน

ย้อนรอยอดีต​ เรื่อง   -   รูปเหมือน..หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุด​ ในประเทศไทยและในโลก    -​  พุทธมณฑล​ จ.สงขลา 




  . คงจะได้ปิด.. ตำนาน​ โครงการสร้างมากว่า​ 10​ ปี​ ใช้เงินไปกว่า​ 100​ ลบ.แต่ยังสร้างไม่เสร็จ..

     ขอ.. นมัสการ​ และขอแสดงความนับถือ​ ขอชื่นชมและขอขอบคุณ​ ทุกท่าน​ ทุกฝ่าย​ ที่เกี่ยวข้องในการจัดการให้

  -​  การก่อสร้างรูปเหมือนหลวงปู่ทวด​ องค์ใหญ่​ ที่สร้างเสร็จไว้ท่อนเดียว​ แล้วเสมือนทิ้งร้างไว้ที่ข้างๆพุทธมณฑล​ จ.สงขลา​ ราว​ 10​ ปี

   ตอนนี้ย้ายไปอยู่ที่​ วัดทรายขาว​ อ.เมืองสงขลา​ ซึ่ง.. กำลังจะแล้วเสร็จ

  -​  การก่อสร้างพุทธมณฑล​ จ.สงขลา​ ที่เสมือนถูกทิ้งร้างไว้นับ​ 10​ ปี​.. ให้เดินหน้าก่อสร้างต่อไปได้

    ขออนุญาตกล่าว​ ขอบคุณ​ ย้อนหลังรำลึกถึง​ คณะทำงานเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน​  จ.สงขลา 

    เมื่อปี​ 2563 องค์กรภาคประชาชนได้รวมตัวกัน​ ติดตาม​ ผลักดัน​ ให้มีการทบทวน​ รื้อฟื้น​ การก่อสร้างรูปเหมือนหลวงปู่ทวดและพุทธมณฑล​ จ.สงขลา​  ให้แล้วเสร็จ

    จากรูปที่ส่งมาพร้อมข้อความนี้​ ในขณะนั้น​ นับเป็นความไม่สบายใจของคนสงขลาเป็นอย่างมาก

    เพราะรูปเหมือนหลวงปู่ทวดและพุทธมณฑล​ จ.สงขลา​ ถูกทิ้งเสมือน.. ร้าง​ สร้างไม่เสร็จ.. ทั้งๆที่มีการระดมทุน​ ร่วมทำบุญและมีงบประมาณรวมกันแล้วมากกว่า​ 100​ ลบ.เริ่มสร้างมานานกว่า​ 10​ ปี​ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ




   ในการเริ่มต้นนั้น​ ท่านพระอาจารย์ผัน​ อดีตเจ้าอาวาสวัดทรายขาว​ อ.เมืองสงขลา​ ท่านเป็นพระผู้ใหญ่ของคณะสงค์​ จ.สงขลา​ ท่านได้ดำริและดำเนินการสร้างพุทธมณฑล​ จ.สงขลา​ และรูปเหมือนหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่​ ให้เป็นส่วนหนึ่งของพุทธมณฑล​ จ.สงขลา

     แต่ปรากฏว่า​ คณะทำงานของท่านพระอาจารย์ผันบางส่วน​ หายตัวไปพร้อมกับเงินหลายสิบล้านบาท​

    คงให้เป็นหน้าที่ของทางราชการที่จะต้องติดตามเอาความผิดและลงโทษกับผู้เกี่ยวข้องด้วย

    ท่านพระอาจารย์ผันได้พยายามแก้ไขปัญหา​อย่างเต็มความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างให้สำเร็จได้​ จนท่านพระอาจารย์ผันมรณะภาพ​ โครงการทั้ง​ 2​ จึงเสมือนถูกทอดทิ้ง​ เสมือนร้าง​ มากกว่า​ 10​ ปี



    จนกระทั่ง​ ปี​ 2563  ผมได้ประสานงานกับคณะทำงานเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน​ ซึ่งประกอบด้วย

   -​ นายพยม​ พรหมเพชร​ อดีต​ ส.ส.เขต​ 2​ จังหวัดสงขลา

   -​ นายสุรเชษฐ์​ ประยืนยง​ ประธานสภาวัฒนธรรม​ อ.เมืองสงขลา

   -​  นางภัสราภรณ์​ พลฑา  ประธานสภาองค์กรชุมชน​ อ.เมืองสงขลา

   -​ นายบันเทิง​ สุวรรณมณี​ ตัวแทนพิธีกรสงฆ์​ อ.เมืองสงขลา​ ปัจจุบันเป็น​ สท.นครสงขลา

   -​ นายศิริ  ทองพูล​ ตัวแทนกลุ่มบินหลาหาข่าว​ จ.สงขลา

    -​ สื่อมวลชน​ โทรทัศน์​ วิทยุ​ กลุ่มโซเชี่ยล​  มากกว่า​ 10​ ช่อง และ

   -​ (ตัวผม)​  นายสัญญา​ วัชรพันธุ์​  ประธานศูนย์สวัสดิการประชาชน​ จ.สงขลา​  

   ได้ร่วมกันไปขอพบและยื่นหนังสือให้มีการทบทวน​ ติดตาม​ ผลักดันโครงการดัวกล่าว​ให้แล้วเสร็จต่อ​ ผวจ.สงขลา​ โดยมี  นาย​ อำพล​ พงศ์สุวรรณ​ รอง​  ผวจ.ในขณะนั้นเป็นตัวแทน

   หลังจากนั้นก็ได้มีการประชุมคณะกรรมการระดับจังหวัด​อย่างต่อเนื่อง สรุปผลได้คือ

   1.ให้จังหวัดสงขลา​ รับเป็นเจ้าภาพในการสานต่อและพัฒนาโครงการพุทธมณฑล

   2.รูปเหมือนหลวงปู่ทวด​ (ที่สร้างเสร็จไว้ท่อนเดียว)​ มีมติให้มอบแก่วัดทรายขาว​ อ.เมืองสงขลา​ ซึ่งเป็นวัดที่พระอาจารย์ผันเคยเป็นเจ้าอาวาส​ 

    ในตอนนั้นแม้จะมีเสียงคัดค้านบ้าง​ เพราะจุดมุ่งหมายเดิมชาวบ้านตั้งใจจะสร้างไว้ให้อยู่คู่กับพุทธมณฑล​ แต่เจ้าอาวาสและชาวบ้านวัดทรายขาว มีความพร้อมและตั้งใจจะเอาไปไว้ที่วัดทรายขาว​

     ราวกับว่า​ มีสายโทร.กระซิบถึงเจ้าอาวาสว่า  ".. ท่านไปเอามาเถอะ​ เอากลับไปไว้วัดบ้านเรา.."   จึงได้เริ่มดำเนินการเคลื่อนย้ายทันที​ และทุกฝ่ายก็ยินยอม.. เงียบ.. ไม่มีการคัดค้านใดๆ

   3.ให้มีการติดตามเรื่องขออนุญาตการขอใช้ที่ดินสาธารณประโยชน์ทุ่งเสม็ดงาม​ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพุทธมณฑล​ (ยื่นขอใช้มาราว 10​ ปี​ แล้วเช่นกัน)​  จนปัจจุบันได้รับอนุญาตแล้ว​กว่า​ 100​ ไร่​

    สรุปได้ว่า​ จากแรงผลักดันของเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนในครั้งนั้น​ เป็นผลให้เกิดความสำเร็จ​ กล่าวคือ

   1.รูปเหมือนหลวงปู่ทวด​ กำลังจะแล้วเสร็จโดย​ คณะผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศ​ ได้บริจาคเงินผ่านในนามของ​ คุณเปลว​ สีเงิน​  นักเขียนชื่อดังคนสำคัญระดับประเทศ​ รวมเป็นเงินมากกว่า​ 17​ ลบ.

    เพื่อให้สร้างรูปเหมือนหลวงปู่ทวดในส่วนที่ขาด​ ให้แล้วเสร็จ​  และทุกฝ่ายก็มั่นใจว่า​ ครั้งนี้แล้วเสร็จแน่

    ซึ่งจะทำพิธีเททองหล่อเพิ่มเติม​ในส่วนที่ขาด (ท่อนส่วนอกถึงขา)​  ในวันที่​ 8​ กุมภาพันธ์​ 2567​  ที่วัดทรายขาว

   2.โครงการสร้างพุทธมณฑล​ ทราบว่า​ จังหวัดสงขลา​ ได้ตั้งงบประมาณสนับสนุนหลายสิบล้าน​ เพื่อสานต่อและเพิ่มเติมโครงการ​ให้แล้วเสร็จ​ โดยมีมูลนิธิพุทธมณฑล​  จ.สงขลา เป็นองค์กรขับเคลื่อนสนับสนุน

    3.การใช้ประโยชน์ในที่ดินก็ได้รับการอนุญาตจากทางราชการเรียบร้อยแล้ว

    จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น​ เป็นแรงบันดาลใจและภาคภูมิใจ​ของทุกคน ที่จะได้เห็นความสำเร็จของโครงการสำคัญที่สุดทางพระพุทธศาสนาในจังหวัดสงขลา​ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของหลวงปู่ทวดและเป็นเมืองที่เคยมีประวัติศาสตร์สำคัญของแผ่นดินสยาม

   เมื่อวันนั้น​ ถ้าเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนและสื่อมวลชนไม่เคลื่อนไหวขึ้นมา​ ไม่กล้าเสี่ยงต่อคำว่า

  " ทำไปทำไม​ เสี่ยง.. นะ."

   ป่านนี้ยังคิดไม่ออกนะว่า​ สภาพของรูปเหมือนหลวงปู่ทวดและพุทธมณฑล​ จ.สงขลา​ จะเป็นอย่างไร

   นี่คือ​ พลังของภาคประชาชนและสื่อมวลชน​ที่รักความถูกต้อง​ สร้างสรรค์​ คอยผลักดันความเป็นธรรมและดีงามใหัสังคม

    ขอขอบคุณ​ ขอชื่นชม​  ขอให้กำลังใจแก่ทุกท่านและทุกภาคส่วนอีกครั้งหนึ่ง​ ที่ช่วยกันทำให้ทุกอย่างเกิดความสำเร็จ

    ขออภัยที่ต้องกล่าวย้อนถึงเรื่องตามข้างต้นนี้​ ทั้งนี้ประสงค์จะให้เป็นข้อคิดแก่สังคมและเป็นการให้เกียรติ​ รำลึกถึง​ ทุกภาคส่วนที่ได้อยู่ในกระบวนการ​ เส้นทาง​ แห่งความสำเร็จดังกล่าวนี้​ และเพื่อให้เป็นการรับรู้​ เป็นความทรงจำแก่สังคมต่อไป

 .                 ขอบคุณครับ

               สัญญา​ วัชรพันธุ์

    -​   ผู้แทนเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน

    -​  ผู้แทนองค์กร​ "นักไทยคดี​ ภาคใต้ " 

            6​ กุมภาพันธุ์​ 2567

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น