โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

“นิพนธ์” มีอิทธิพลจริงหรือ แต่ทำไมศาลตัดสินจำคุกน้องชาย

 “นิพนธ์” มีอิทธิพลจริงหรือ แต่ทำไมศาลตัดสินจำคุกน้องชาย

……


น่าสนใจ…

ยิ่งต่อคำให้สัมภาษณ์สื่อของเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล ที่ระบุว่า นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย เป็นผู้มีอิทธิพล ในพื้นที่จังหวัดสงขลา จึงขอย้ายคดีฮั้วประมูลรถอเนกประสงค์ของ อบจ.สงขลา จากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ไปฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยไม่ลงรายละเอียดในคำว่า “มีอิทธิพล”ในวันแรก



       วันที่สองพยายามอธิบายถึงคำว่า มีอิทธิพลว่า เป็นผู้กว้างขวาง มีบารมี สร้างความเชื่อมั่น ศรัทธาให้กับประชาชน สร้างแรงจูงใจได้ แน่นอนว่า การใช้คำว่า “มีอิทธิพล” เป็นการสื่อสารในทางลบมากกว่าทางบวก อย่างไม่ระมัดระวัง ซึ่งทำให้นิพนธ์เสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง รวมไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ด้วย เพราะนิพนธ์ เป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อยู่ด้วย จนนิวัติไชย ต้องออกมาขอโทษนิพนธ์ กลางอากาศ

       “นิพนธ์” มีสิทธิ์ที่จะปกป้อง และเรียกศักดิ์ศรีกลับคืนมาจะด้วยวิธีการใดก็ตาม แต่ฟังน้ำเสียงการให้สัมภาษณ์ “นิพนธ์” ไม่อยากตอแย หรือฟ้องกับ ป.ป.ช. แต่ต้องร้องขอความเป็นธรรม โดยเฉพาะคดีที่ ป.ป.ช.ยื่นฟ้อง “นิพนธ์” เพราะนิพนธ์พยายามยื่นเอกสาร หลักฐานเพิ่มเติมหลายครั้งหลายคราแต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.

     ประเด็นที่”นิพนธ์” ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้มีอิทธิพลเป็นประเด็นไม่ใช่หน้าที่ของ ป.ป.ช.ในการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต หน้าที่ในการป้องกัน และปราบปราม ก็ยังไม่รู้ว่า ป.ป.ช.ได้ทำหน้าที่เต็มกำลังแล้วหรือยัง



     ถ้ากล่าวถึงว่า “นิพนธ์” เป็นผู้มีอิทธิพล เท่าที่เห็น”บริบท” ต่างๆของ “นิพนธ์”ที่ผ่านๆมา  ถ้าใครจะบอกว่าเป็นผู้”กว้างขวาง” ในวงการเมืองในภาคใต้ ก็พอจะ”เข้าใจได้” ในฐานะที่เป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ดูแลรับผิดชอบ ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล เพราะ ถ้ามีอิทธิพลจริง การเลือกตั้งที่ผ่านมาของพรรคประชาธิปัตย์สนามเลือกตั้งจังหวัดภาคใต้ประชาธิปัตย์ ที่มี”นิพนธ์” เป็นผู้รับผิดชอบ หลายพื้นที่คงจะชนะ ไม่ใช่แพ้หลุดลุ่ย แม้แต่พื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.สงขลา ซึ่งเป็นบ้านเอง ลูกเพชร-สรรเพรช บุญญามณี” ลูกชายแท้ๆลงสมัคร ส.ส. ก็ยังแพ้ให้กับ “วันชัย ปริญญาศิริ” จากพรรคพลังประชารัฐ 

      โดยส่วนตัวผู้เขียนรู้จักกับนิพนธ์มาตั้งแต่ปี 2523 นิพนธ์ยังเป็นนักศึกษา แต่ปีสุดท้ายแล้ว ก็ไม่เห็นพฤติกรรมความเป็นผู้มีอิทธิพล เรียนจบนิติศาสตร์ก็ออกไปประกอบอาชีพทนายความ และเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมก็ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดสงขลา (สจ.) หลังจากผ่านการอบรม-บ่มเพาะจากพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะ young democrat (ยุวชน)และได้รับการเลือกตั้งมาอย่างต่อเนื่องถึงเวลาก็กระโดนมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สงขลา คนสงขลาก็ไว้วางใจมาตลอด

      เมื่อตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาว่างลง “นิพนธ์”ก็กระโดดจากเวทีใหญ่มาลงเวทีท้องถิ่น เป้าหมายเพื่อหวังร่วมพัฒนาถิ่นเกิด เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน คนสงขลาก็เลือกเข้ามาบริหาร.อบจ.สงขลาอีก 



 ที่สำคัญ เท่าที่ตรวจสอบได้ “นิพนธ์” เป็นนักการเมือง ที่มี”ธุรกิจ” แต่ไม่ใช่ธุรกิจ”สีเทา” ทุกอย่างโปร่งใส-ตรวจสอบได้ มีธุรกิจปลากระป๋องส่งออก นำเงินเข้าประเทศปีละ 4-5 พันล้าน ทุกวันนี้ให้รุ่นลูกดูแลบริหารหมดแล้ว

     นอกจากนี้คนใน”ครอบครัว”ของ”นิพนธ์” มีธุรกิจซื้อ-ขาย ที่ดิน (อสังหาริมทรัพย์) ซึ่งเป็นสิทธิ์ของทุกคนในการเลือกประกอบอาชีพ และเป็นธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย และที่สำคัญ ไม่เคยมีข่าวว่า มีการใช้”อิทธิพล” ใช้”มือปืน” ไป บังคับขู่เข็ญใครต่อใคร และ ก็ไม่มีเรื่องราวการทำผิดกฎหมาย เปิดบ่อน พนันออนไลน์ ค้าของเถื่อน ค้าน้ำมันเถื่อน

       ถ้า”นิพนธ์” มีอิทธิพล เป็นผู้กว้างขวาง ทำไมนวพล บุญญามณี น้องชาย อดีตนายกฯอบจ.สงขลา ถึงถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ตัดสินจำคุกนวพลมาแล้วถึง 3 คดี โดยคดีล่าสุด เพิ่งตัดสินเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมานี้เอง


”มหากาพย์”อันยาวนานที่เกิดขึ้นกับ อบจ.สงขลา และกับ นายนิพนธ์ เกี่ยวกับคดีฮั้วประมูล จึงเป็นเรื่องที่น่าติดตามว่า สุดท้าย ศาลทุจริตฯกลาง จะตัดสินอย่างไร เพราะจะเป็น”บรรทัดฐาน” ต่อไปในอนาคต 


ที่สำคัญ นิพนธ์ จะต้องดำเนินการ คือการ “การเตรียมพยาน-หลักฐาน” ไปสู้ในชั้นศาล และ ป.ป.ช.สรุปสำนวนฟ้องเองแล้ว

….

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น