แขวงการทางนครศรีฯ รุดตรวจที่ดินนอกเขตทาง หลังผู้เช่าแสดงตัวขอรังวัดออกโฉนด ยืนยันที่ดินเป็นของกรมทางหลวง
……
. เกิดปัญหาข้อพิพาทศึกแย่งที่ดินระหว่างแขวงการทางนครศรีธรรมราชกับชาวบ้าน โดยแขวงการทางยืนยันที่ดินแปลงพิพาทเป็นของกรมทางหลวง ให้ชาวบ้านเช่าทำนา ส่วนชาวบ้านก็อ้างสิทธิ์ทำมาหากินบนที่ดินแปลงนี้มานาน ขอรังวัดออกโฉนด มีการฟ้องร้องกันในชั้นศาล ศาลให้ทำเป็นที่ดินพิพาท ต้องชี้แนวเขต ที่ดินข้างเคียงก็ต้องชี้แนวเขตด้วย มีพยานยืนยันการชี้แนวเขต
จนเมื่อวันที่ 31 มีนาคมผ่านมามีการชี้แนวเขตกัน ทั้งสองฝ่ายยังยืนยันการเป็นเจ้าของที่ดินแขวงการทางนครศรีธรรมราช โดยนายมงคล พาระพัฒน์ หัวหน้าหมวดการทาง นครศรีธรรมราช พร้อมเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย และสื่อมวลชน เดินทางเข้าตรวจสอบที่ดินนอกแนวทางของกรมทางหลวง เส้นทางหลวง 403 นครศรีธรรมราช-เสาธง ช่วงระหว่างกิโลเมตร 1 + 500 เนื่องจากพบว่า ผู้เช่าได้ยื่นคำร้องขอรังวัดเพื่อออกโฉนด ทั้งๆที่เป็นที่ดินของกรมทางหลวง และให้ชาวบ้านเช่าทำนามานาน
ที่ดินแปลงดังกล่าว ตั้งอยู่ริมถนนสายนครศรีธรรมราช - เสาธง เลยเซ็นทรัล นครศรีฯไปประมาณ 1 กิโลเมตรกว่า อยู่ใน ต.นาสาร อ.พระพรหม
“เป็นที่ดินที่กรมทางหลวงซื้อไว้นานมากแล้ว เป็นที่ดินนอกแนวทาง ซื้อไว้เพื่อวางพัสดุ และประโยชน์ในวันข้างหน้า”
แหล่งข่าว กล่าวว่า เมื่อนายใหญ่ ชาวบ้านย่านนั้นเห็นว่าว่างอยู่ จึงขอเช่าทำนา ชาวบ้านย่านนั้นก็รู้ว่าเป็นที่ดินของกรมทางหลวง ยิ่งไปถามคนเฒ่าคนแก่จะรู้ว่า นายใหญ่เขามาขอเช่าทำนา แต่พอมาถึงรุ่นหลานเขาไปแจ้งขอรังวัดเพื่อออกโฉนด
แค่นั้นยังไม่พอยังมีการสร้างบ้านขึ้นมาด้วย ทางแขวงการทางได้ทำหนังสือแย้ง และขอให้รื้อถอน พร้อมปักป้ายแสดงให้เห็นว่าเป็นที่ดินของแขวงการทาง แต่ทางฝ่ายโน้นกลับร้องศาล กล่าวหาว่าแขวงการทางบุกรุก
แหล่งข่าว กล่าวยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ทางสำนักงานที่ดินยังไม่ดำเนินการรังวัดออกโฉนดให้ ศาลให้ดำเนินการทำเป็นพื้นที่พิพาท แจ้งให้คู่กรณีทราบ ถ้าไม่มาศาลถือว่าสละสิทธิ์ แต่ทางฝ่ายคู่กรณีไม่ได้แจ้งให้แขวงการทางทราบ กลับไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน เหมือนมีเจตนาจะไม่ให้แขวงการทางทราบ และถือเป็นการสละสิทธิ์ในการโต้แย้ง ยังดีที่ผู้ใหญ่บ้านมาแจ้งให้แขวงการทางทราบ จึงรู้เรื่อง
“ที่ผ่านมาเมื่อจะมีการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินแปลงข้างเคียง ทางแขวงการทางจะถูกเรียกให้ไปเซ็นรับรองแนวเขตมาโดยตลอด ที่ดินแปลงนี้ก็มีหลักเขต ขทล.ปักเป็นแนวเขตอยู่ชัดเจนทั้งหมด
รุ่นปู่เขาเช่าที่ดินแปลงนี้ทำนามาประมาณ 56 ปี พอหมดสัญญา ก็จะขอต่อสัญญา แต่ทางกรมทางหลวง ยังไม่มีคำตอบรับใดๆลงมา พอมารุ่นหลาน ต้องการที่ดินแปลงนี้เป็นของตัวเอง จึงร้องของรังวัดเพื่อออกเอกสารสิทธิ์ และอ้างในคำฟ้องว่า ครอบครอบครองทำกินมาเป็น 100 ปี แต่จริงๆเช่ามาแค่ 56 ปี ตั้งแต่ปี 2509
ด้านนางพรพิมล วัชณพันธ์อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/5 หมู่ 3 ต.นาสาร อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช เป็นโจทย์ ยื่นฟ้อง แขวงทางหลวงนครศรีธธรรมราชที่ 1ในฐานะจำเลย ต่อศาลจังหวัดนครศรรธรรมราชฐานความผิด บุกรุก, รบกวน,การครอบครอง,รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเรียกค่าเสียหาย 100,000 บาท
นางพรพิมลกล่าว ที่ดินตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.3 ต.นาสาร อ พระพรหม มีทั้งหมด 36 ไร่ แยกเป็น 2 แปลง แปลงแรก 30 ไร่ แปลงที่ 2 จำนวน 6 ไร่ ที่ดินจำนวนดังกล่าว เป็นที่ดินบรรพบุรุษ มีอายุกว่า 100 ปี เมื่อปี 2563 หน่วยงานแขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 1 ได้เข้ามาปักป้าย "ที่ดินสงวนนอกเขตทางของกรมทางหลวง เนื้อที่ 29 ไร่ 75 ตารางวา" และเอาหลักหมุดลงปักในเขตที่ดิน
"ก่อนนี้ไม่เห็นกรมทางหลวงมาดูดำดูดีอะไร พอมีถนนตัดผ่านเข้ามาก็มาปักป้ายเป็นเจ้าของที่ดิน บรรพบุรุษได้อาศัยทำมาหากินในที่ดินแปลงดังกล่าวมาเนิ่นนาน เป็นที่ดินตกทอดมาจนถึงรุ่นของตนเอง ก่อนหน้านี้ที่ดินแปลงดังกล่าว ทำนา แต่พอนานไปขาดน้ำตนจึงใช้ปลูกหญ้าให้วัว"
ต่อมาตนได้แบ่งที่ให้ญาติเพื่อก่อสร้างที่พักอาศัย และไปขอออกโฉนด แต่ปรากฎว่า ทางที่ดินแจ้งที่ดืนแปลงดังกล่าวออกเอกสารสิทธิ์ไม่ได้ เป็นที่ของกรมทางหลวง ขอให้ไปตรวจสอบใหม่ หลังจากนั้นกรมทางหลววก็เข้ามาปักป้ายดังกล่าว ตนจึงต้องฟ้องศาลเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
ที่ดินแปลงดังกล่าว มีเนื้อที่ประมาณ 37 ไร่เศษ ถูกถนนคัดผ่านแยกออกเป็น 2 แปลง โดยมีผู้อ้างเป็นผู้ครอบครองคือนางพรพิมลฯ นายทรงกลด แก้วเกือบ รองผู้อำนวยการแขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 1
พร้อมด้วย นายพยงค์ สงวนถ้อย นายกเทศบาลตำบลนาสาร อ.พระพรหม
นายทรงกลด กล่าวว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นของกรมทางหลวง เป็นที่ดินสงวนนอกเขตกรมทางหลวง กันไว้เพื่อวางสิ่งของ เรื่องนี้พิพาทกันมานาน เหตุที่กรมทางหลวงไม่เข้ามาวุ่นวายตั้งแต่แรก ก็ปล่อยให้ประชาชนใช้ที่ดังกล่าวทำประโยชน์ถามว่าผิดหรือไม่ ต้องยอมรับว่าผิด เหมือนริมทางถนนใหญ่ชาวบ้านบุกรุกด้วยการสร้างร้านค้า วันใดที่กรมทางหลวงต้องการใช้พื้นที่ก็ต้องออก
แต่แปลงนี้กรมทางหลวงไม่ได้ใช้พื้นที่ แต่ขอออกโฉนด ซึ่งทำไมได้แต่กลับมาฟ้องกรมทางหลวง จึงต้องออกมาทำการรังวัดให้เรียบร้อย และหากว่าเป็นที่ดินบรรพบุรุษจริง เคยจ่ายภาษีให้ เทศบาลบ้างหรือไม่ และมีหลักฐานยืนยันกรรมสิทธิ์ได้หรือไม่ ในส่วนกรมทางหลวงเรามีหลักฐานสามารถเอามาหักล้างกันได้
จากการดูแปลนที่ดินของสำนักงานที่ดินจังหวัด พบว่าพื้นที่ทั้งหมดบริเวณนี้เป็นของนายทุนหมดแล้ว เข้ากว้านซื้อพื้นที่ จากเดิมมีมูลค่าไม่กี่หมื่นบาท ปัจจุบันขายไร่ละ 5-7 ล้าน ซึ่งบริเวณที่ตรงนี้เป็นที่ตั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ร้านค้า ศูนย์บริการรถยนต์ เป็นต้น ทำให้ยังคงเหลือพื้นที่ของกรมทางหลวงที่ทางโจทก์ครอบครอง 37 ไร่เศษ ทั้ง 2 แปลง (วงเส้นสีเหลือง)ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์สิทธิ์ความถูกต้อง
เรื่องราวของที่ดินแปลงพิพาทนี้ เชื่อว่าจะมีการต่อสู้กันอีกนานจนกว่าศาลจะตัดสินคดี และน่าจะมีคนอื่นอยู่เบื้องหลัง เพื่อเอาที่ดินแปลงนี้มาทำธุรกิจ เพราะเป็นที่ดินแปลงที่สวยงาม ห่างจากห้างเซ็นทรัล นครศรีธรรมราช เพียง 1 กม.เท่านั้น และทุกวันนี้ถือเป็นส่วนขยายของเมืองนครศรีฯ ย่านฝั่งตะวันตก
#นายหัวไทร #ที่ดินพิพาท #แขวงการทาง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น