ผอ.สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร
ให้ความมั่นใจ “กาแฟยะลา” จะสร้างอัตลักษณ์ในรสชาติของกาแฟ
และเป็นพืชทางเลือกแก่เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดยะลาได้อีกทางหนึ่ง
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2562นายสุภรณ์ ด้วงดี
กรรมการบริษัทเซาว์เทิร์นแอคดิเคาเจอร์ยะลา และคณะทำงานโครงการกาแฟ “คีรีเขตคอฟฟี่”
โดยการสนับสนุนของ พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาค
4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 , นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ
นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา ศูนย์วิจัยพืชสวน จังหวัดยะลา ได้เชิญ นายสนอง จรินทร
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร ร่วมทดสอบรสชาติกาแฟ
ที่ได้ปลูกในพื้นที่ จังหวัดยะลา เพื่อการันตีถึงคุณภาพและรสชาติ ที่ติดอันดับกาแฟ
ที่มีรสชาติดีที่สุดของประเทศไทย
โดยภายหลังจากที่โครงการสนับสนุนให้เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดยะลา
โดยเฉพาะ อำเภอบันนังสตา, อำเภอธารโต และอำเภอเบตง จังหวัดยะลา
ได้มีการแจกจ่ายต้นพันธุ์กาแฟโรบัสต้าให้กับเกษตรกรไปแล้วกว่า 1 แสนต้น
เมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อให้เกษตรชาวสวน ที่มีสวนยางพารา สวนผลไม้ นำต้นพันธุ์กาแฟ
ไปปลูกแซมในสวน และเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือก ที่จะช่วยให้เกษตรกรในจังหวัดยะลา
มีรายได้เพิ่มขึ้น
ซึ่งที่ผ่านมานั้นทางศูนย์วิจัยพืชสวนจังหวัดยะลา
ได้มีการจัดทำแปลงสาธิตการปลูกกาแฟโรบัสต้า และนำผลผลิต
เมล็ดกาแฟจากแปลงสาธิตไปให้นักวิชาการด้านกาแฟ ร่วมกันทดสอบและชิมรสชาติกาแฟ
จากจังหวัดยะลา จนเป็นที่ยอมรับว่ามีรสชาติที่ดีและแตกต่างจากกาแฟในพื้นที่ภาคอื่น
ๆ ของประเทศไทย ทำให้ กองทัพภาคที่ 4 และเทศบาลนครยะลา ร่วมกับภาคเอกชน
โดยบริษัทเซาเทิร์นแอคดิเคาเจอร์ยะลา
จับมือกันเพื่อขอสนับสนุนต้นพันธุ์กาแฟจากกรมวิชาการเกษตรและศูนย์เกษตรแม่ฟ้าหลวง
เชียงใหม่ นำต้นพันธุ์กาแฟอาราบีก้าอีกกว่า จำนวน 2 แสนต้น
มาแจกจ่ายให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดยะลาที่สนใจจะปลูกกาแฟเป็นพืชทางเลือก
ล่าสุดได้มีการนำเมล็ดกาแฟจากหลากหลายพื้นที่
มาร่วมทดสอบและชิมรสชาติของกาแฟอีกครั้ง
เพื่อเป็นการันตีให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดยะลา มีความมั่นใจ
เนื่องจากมีตลาดที่จะรองรับผลผลิตเมล็ดพันธุ์กาแฟของเกษตรกรที่ได้เพาะปลูกไปแล้ว
นายสนอง จรินทร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพืชสวน
กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า โดยจากการทำคัพเทสกาแฟจากจังหวัดยะลา
หลังจากที่ทำการคั่วเมล็ดกาแฟในระดับกลาง ผลที่ได้รับคือ
มีความบาลานทั้งจากความเข้มข้นของรสชาติ และความสะอาดไม่มีสิ่งเจือปน
ซึ่งผลจากการทดสอบและทดลองชิมรสชาติกาแฟแล้วก็เห็นผลว่า เป็นกาแฟโรบัสต้า
ที่มีอัตลักษณ์ของจังหวัดยะลา ทั้งค่าความหวาน
และค่าของคุณภาพความเข้มข้นในตัวของกาแฟเอง อยู่ในระดับที่สูงกว่าและเหมาะสมกว่า
กาแฟตัวอื่น ๆ ที่ได้ทดสอบร่วมกัน ทั้งนี้ เห็นว่า หากในอนาคตนั้น
มีการใส่ใจด้านคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูกจากเกษตรกร ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต
และการโปรเสทนำไปผสมรวมกับกาแฟตัวอื่น ๆ
ก็จะสามารถทำให้เกิดคุณค่าและราคามากขึ้น
นอกจากนี้ ทางสถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร พร้อมให้การสนับสนุน
ทั้งด้านวิชาการและความรู้แก่เกษตรกร โดยมีศูนย์วิจัยพืชสวนยะลา ซึ่งตั้งอยู่ที่
อำเภอธารโต จังหวัดยะลา
เป็นหน่วยงานที่ดูแลและคอยให้การสนับสนุนกับเกษตรกรในพื้นที่โดยตรง
ด้าน นายสุภรณ์ ด้วงดี คณะทำงานโครงการกาแฟ “คีรีเขตคอฟฟี่”
เปิดเผยว่า
ขณะที่หลังจากที่มีการแจกจ่ายต้นพันธุ์กาแฟไปให้กับเกษตรกรในจังหวัดยะลา เกือบ 1
แสนต้น ในห้วงที่ผ่านมา และคาดว่าในปลายปีหรือต้นปีหน้านี้
ก็จะมีผลผลิตกาแฟจากเกษตรกรชาวยะลาออกสู่ท้องตลาด
ซึ่งทางคณะทำงานโครงการสนับสนุนการปลูกกาแฟ ได้ดำเนินการในด้านการรองรับ
รับซื้อผลผลิตเมล็ดกาแฟ จากกาเกษตรกร โดยมีการก่อสร้างโรงงาน และก่อสร้างร้านกาแฟ
เพื่อเป็นจุดขายกระจายสินค้าจากเมล็ดพันธุ์กาแฟที่ได้จากเกษตรกร โดยที่ผ่านมา
จากการนำกาแฟที่ปลูกมาศูนย์วิจัยพืชสวนยะลา ไปให้นักวิชาการและนักชิมกาแฟ
ได้ทดสอบชิมรสชาติแล้ว ก็พบว่า รสชาติกาแฟยะลา อยู่ในกลุ่มของบราวซูก้าร์ คือ
เป็นกาแฟโรบัสต้า แต่รสชาติอยู่ในกลุ่มอาราบีก้า
ทั้งนี้อาจจะมีผลมาจากสภาพดินและสภาพอากาศของพื้นที่จังหวัดยะลา
ที่มีความอุดมสมบูรณ์และเหมาะสมกับปลูกกาแฟ
และสุดท้ายทางคณะทำงานสนับสนุนให้เกษตรกรยะลาปลูกกาแฟ
ก็พร้อมให้ความมั่นใจในเรื่องของผลผลิตที่จะรับซื้อจากเกษตรกร
โดยการจัดวางโครงสร้าง และการทำโรงานรับซื้อเมล็ดกาแฟ ในพื้นที่จังหวัดยะลา
เพื่อให้เกษตรกรได้นำมาขาย และต่อไปจังหวัดยะลาก็จะมีแบรนด์ของกาแฟ
ที่เป็นผลผลิตจากจังหวัดยะลา โดยชื่อว่า “คีรีเขตคอฟฟี่” ให้กับคอกาแฟได้รู้จักกันอย่างแน่นอน
ขอบคุณภาพ/ข่าว อับดุลหาดี เจ๊ะยอ จ.ยะลา
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น