พุทธศาสนิกชนทั่วสารทิศ
หลั่งไหลร่วมพิธีแห่ผ้าขึ้นห่มพระบรมธาตุเจดีย์เขียนบางแก้วอย่างเนืองแน่น
ในวันมาฆบูชา
ที่วัดพระมหาธาตุเจดีย์เขียนบางแก้ว ตำบลจองถนน
อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง วันนี้(19 ก.พ. 62)นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานเปิดงาน
งานสืบสานวัฒนธรรมประเพณีมาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์เขียนบาง
ซึ่งเป็นงานประเพณีที่จัดติดต่อกันเป็นประจำทุกปี ช่วงวันมาฆบูชา หรือวันขึ้น 15
ค่ำเดือน 3
เพื่อเป็นพุทธบูชาและรักษาไว้ซึ่ง
วัฒนธรรมประเพณีของชาวพุทธพร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่นของจังหวัดพัทลุง โดยในปีนี้กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 17
– 19 กุมภาพันธ์ 2562 ณ
วัดพระบรมธาตุเจดีย์เขียนบางแก้ว ตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน
จังหวัดพัทลุง
ซึ่งปีนี้สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
ได้ประทานผ้าห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ให้กับจังหวัดพัทลุง
เพื่อนำมาประกอบพิธีแห่ผ้าขึ้นห่มพระบรมธาตุเจดีย์เขียนบางแก้วด้วย โดยในปีนี้ได้มีหน่วยงานต่าง ๆ นำผ้าห่อบรมพระธาตุเจดีมาร่วมพิธีทั้งสิน
35 ผืน มีประชาชนร่วมพิธีอย่างเนืองแน่น
สำหรับประวัติของวัดพระบรมธาตุเจดีย์เขียนบางแก้ว เดิมชื่อวัดเขียนบางแก้ว ตั้งอยู่ หมู่ที่ 4
ตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เป็นวัดโบราณอายุกว่า 1,000 ปี
สร้างขึ้นในสมัยศรีวิชัยประมาณพุทธศตวรรษที่ 13 - 14
โดยมีตำนานการสร้างอยู่หลายตำนาน เช่น ในจารึก “เพลาวัด”
กล่าวถึงวัดเขียนบางแก้วว่า นางเลือดขาวกับพระยากุมาร
เป็นผู้สร้างวัดขึ้น มีกุฏิ วิหาร ศาลาการเปรียญ พระพุทธรูป พระมหาเจดีย์
เสร็จแล้วให้จารึกเรื่องราวการก่อสร้างลงบนแผ่นทองคำเรียกว่า “เพลาวัด”
ระบุว่าสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 1492 และต่อมาในปี พ.ศ. 1493
พระยากุมารกับนางเลือดขาว
ได้เดินทางไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากเกาะลังกามาบรรจุไว้ในพระมหาธาตุเจดีย์
นอกจากนี้ในประวัติวัดเขียนบางแก้วของ พระครูสังฆรักษ์ (เพิ่ม) กล่าวว่าเจ้าพระยากรุงทอง
เจ้าเมืองพัทลุงเป็นผู้สร้างวัดขึ้น เมื่อวันพฤหัสบดีเดือน 8
ขึ้น 5 ค่ำ ปีกุน เอกศก พ.ศ. 1482 (จ.ศ.301)
พร้อมกับสร้างพระมหาธาตุและก่อพระเชตุพนวิหาร
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา พ.ศ. 1486
ส่วนทำเนียบวัดในจังหวัดพัทลุงของพระครูอริยสังวร (เอียด) อดีตเจ้าคณะจังหวัดพัทลุงกล่าวว่า
วัดเขียนบางแก้วสร้างเมื่อ พ.ศ. 1482
จากหลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า
วัดเขียนบางแก้วน่าจะเป็นวัดที่สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษ 14 – 18
แต่นักโบราณคดีกำหนดอายุจากรูปแบบสถาปัตยกรรมขององค์พระธาตุเข้าใจว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ซึ่งข้อนี้สันนิฐานว่าองค์พระธาตุเจดีย์ปัจจุบันน่าจะได้รับการบูรณะขึ้นใหม่สมัยอยุธยามากกว่า
เพราะมีหลักฐานโบราณวัตถุอื่นที่พบ ได้แก่ ศิวลึงค์และฐานโยนิ
แสดงว่าบริเวณท้องที่แห่งนี้
มีการติดต่อรับอารยธรรมอินเดียมาตั้งแต่สมัยต้นประวัติศาสตร์ ราวพุทธศตวรรษที่ 12
– 14
และคงเป็นที่ตั้งชุมชนโบราณที่นับถือศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกายมาก่อน
และเปลี่ยนแปลงมาเป็นวัดในพระพุทธศาสนาในภายหลัง
ในสมัยอยุธยาตอนต้น วัดเขียนบางแก้วเป็นวัดที่มีความเจริญมาก
เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา เป็นที่ตั้งของคณะป่าแก้ว ต่อมาในสมัยอยุธยาตอนกลาง
เมืองพัทลุงเกิดสงครามกับพวกโจรสลัดมลายูเสมอๆ
จนบางครั้งพวกโจรสลัดเข้ามาเผาทำลายบ้านเรือนราษฎร และวัดเสียหายเป็นจำนวนมาก
ด้วยเหตุนี้วัดเขียนบางแก้วจึงทรุดโทรมเป็นวัดร้างชั่วคราว
จนเมื่อชาวพัทลุงสามารถรวมตัวกันได้จึงบูรณะวัดขึ้นอีก และเป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง
ดังปรากฏในหนังสือกัลปนาวัดหัวเมืองพัทลุง
ในสมัยอยุธยากล่าวถึงการบูรณะวัดเขียนบางแก้วครั้งใหญ่ 2 ครั้ง คือครั้งแรก ราวสมัยอยุธยาตอนกลาง
ระหว่าง พ.ศ. 2109 – 2111
ซึ่งตรงกับแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ผู้นำในการบูรณะคือ
เจ้าอินบุตรปะขาวสนกับ นางเป้า ชาวบ้านสะทัง ตำบลหานโพธิ์ อำเภอเขาชัยสน
และครั้งที่ 2
สมัยพระเพทราชา พ.ศ. 2242 ผู้นำในการบูรณปฏิสังขรณ์คือ
พระครูอินทเมาลีศรีญาณสาครบวรนนทราชจุฬามุนีศรีอุปดิษเถร คณะป่าแก้วหัวเมืองพัทลุง
เมื่อได้ทำการบูรณะแล้วจึงเดินทางเข้าไปยังกรุงศรีอยุธยา ขอให้สมเด็จพระวันรัตน์นำถวายรายงานต่อพระเพทราชา ขอพระบรมราชานุญาตให้ญาติโยมที่ร่วมทำการบูรณะ
ได้รับการยกเว้น การเสียส่วยสาอากรให้ทางราชการ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานให้ตามทูลขอทุกประการ เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าครั้งที่ 2
พ.ศ. 2310
วัดเขียนบางแก้วกลายเป็นวัดร้างอีกครั้ง
จนเมื่อมีการบูรณะขึ้นใหม่ในสมัยปลายรัชกาลที่ 5
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
จึงได้มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่เรื่อยมาตราบจนปัจจุบัน
สำหรับพระธาตุเจดีย์เขียนบางแก้ว เป็นเจดีย์ก่ออิฐฐานแปดเหลี่ยม
วัดโดยรอบยาว 16.50 เมตร สูงจากฐานถึงยอด 22 เมตร
รอบองค์เจดีย์บริเวณฐานซุ้มพระพุทธรูปโค้งมน 3 ซุ้ม
กว้าง 1.28 เมตร
สูง 2.63 เมตร
ภายในซุ้มมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง 0.94 เมตร
สูง 1.25 เมตร รอบพระเศียรมีประภารัศมีรูปโค้ง ระหว่างซุ้มพระ มีเศียรช้างปูนปั้นโผล่ออกมา
เหนือซุ้มพระมีเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม อิทธิพลศิลปจีน
ด้านทิศตะวันออกมีบันไดสู่ฐานทักษิณ เหนือบันไดทำเป็นซุ้มยอดแบบจีน มุมบันไดทั้ง 2 ข้าง มีซุ้มลักษณะโค้งแหลม
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นนูนสูง
ปางสมาธิ ประทับขัดสมาธิเพชร ฐานทักษิณและฐานรองรับองค์ระฆังเป็นรูปแปดเหลี่ยม
มีลวดลายปูนปั้นรูปดอกไม้ ซึ่งเดิมเป็นรูปมารแบก
เหนือฐานทักษิณมีเจดีย์ทิศตั้งอยู่ที่มุมทั้งสี่มุม
องค์ระฆังเป็นแบบโอคว่ำถัดจากองค์ระฆังเป็นบัลลังก์รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
ประดับด้วยถ้วยชาม ทั้งสี่มุมของบัลลังก์มีรูปกาปูนปั้นมุมละ 1 ตัว
ซึ่งหมายถึงสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ผู้พิทักษ์องค์พระธาตุทั้ง 4 คือ
พระครูกาแก้ว พระครูกาเดิม พระครูการาม
และ พระครูกาชาด (พระมหาพันธ์
ธมมนาโก สร้างไว้เมื่อ ปี 2515) ส่วนยอดสุดเป็นพานขนาดเล็ก 1 ใบ
ภายในมีดอกบัวทองคำ จำนวน 5 ดอก
(ภายหลังทองคำถูกขโมยหายไป) ลักษณะศิลปกรรมได้รับอิทธิพลจากพระบรมธาตุเจดีย์
นครศรีธรรมราช
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น