ชาวบ้านบ้านบาตง อ.รือเสาะ รวมพลังจัดกิจกรรมโคมลอยสัมพันธ์ ครั้งที่
10 ยิ่งใหญ่ ขณะที่จังหวัดเตรียมยกระดับพลัดดันเป็นระดับจังหวัด
พร้อมสนับสนุนเป็นชุมชนท่องเที่ยว Otop นวัตวิธี แห่งใหม่ของจังหวัดนราธิวาส
นายไกรวุฒิ
ช่วยสถิต พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดโครงการโคมลอยสัมพันธ์ ครั้งที่
10 ซึ่งทางชาวบ้านในพื้นที่บาตง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
ได้รวมพลังกันจัดขึ้นเป็นเวลาระยะเวลา 10 ปี
โดยใช้ช่วงเวลาหลังเทศกาลสิ้นสุดการถือสิลอดในช่วงเดือนรอมฏอน
โดยที่ผ่านมาชาวบ้านได้รวบรวมทุนส่วนตัวจัดกิจกรรมขึ้น
โดยนำเยาวชนในพื้นที่ร่วมกันผลิตโคมลอยขนาดต่างๆทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่รัศมีความกว้า
2 เมตร ยาว 8 – 10 เมตร
เพื่อแก้ปัญหาเยาวชนมักจะแอบเล่นประทัดและโคมลอยในช่วงเวลาเดือนรอมฏอน
ซึ่งสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ที่ต้องการความสงบสุข จึงมีการเรียกประชุมกับกลุ่มเยาวชนเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้
จึงมีผลสรุปจัดเทศกาลนี้ขึ้นจนสามารถจัดเป็นกิจกรรมทีเรียกประชาชนในพื้นที่และต่างถิ่นมาชมกิจกรรมดังกล่าวเป็นจำนวนมากนับพันคน
จนทางการต้องสนับสนุนงบประมาณให้เกิดเป็นกิจกรรมที่สร้างความเข็มแข็ง
สร้างรายได้ให้ชุมชน
จนต้องเตรียมยกระดับให้กิจกรรมนี้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของจังหวัด
และมีประชาชนแห่ชมเกือบหมื่นคนและยกระดับเป็น Otop นวัตวิธีอีกแห่ง
1 ในจังหวัดและเป็นแห่งแรกในภาคใต้โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีหัวหน้าส่วนราชการ
ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่และประชาชนที่สนใจมาร่วมเป็นจำนวนมาก
นายไกรวุฒิ
ช่วยสถิต พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า เป็นกิจกรรมที่สร้างความสนุกสนานแก่ประชาชนในพื้นที่ที่เกิดจากความร่วมมือของชาวบ้านบาตง
อ.รือเสาะ
ที่ได้ร่วมมือกันจัดกิจกรรมนี้ขึ้นที่เป็นกิจกรรมที่ส่อให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของชุมชนที่จัดกันมาเป็นครั้งที่
10 และยังเป็นส่วนหนึ่งของ Otop นวิตวิธีที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนที่จะดึงนักท่องเที่ยวเข้าชุมชนเพื่อขายอัตลักษณ์ของบ้านบาตงในครั้งนี้
โดยในอนาคต Otop นวัตวิธีเช่นนี้
จะดำเนินการต่อไปเรื่อยๆเพราะงานนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเพราะความร่วมมือของทุกภาคส่วนและครั้งต่อไปจะไม่น้อยหน้าไปกว่าครั้งนี้แน่นอนและจะพัฒนาการแสดง
การจัดงานไปอีกขั้น
“และเป็นไปได้สูงที่จะส่งเสริมเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนราธิวาส
เพราะเป็นอัตลักษณ์อีกอย่างหนึ่งเหมือนกับการจุดบั้งไฟ ในพื้นที่ อ.สุคิริน
และที่บ้านบาตงก็มีการปล่อยโคมลอยที่เป็นหนึ่งเดียวในภาคใต้ที่สามารถจัดกิจกรรมเช่นนี้ได้ด้วยตัวเอง
และในอนาคตถ้ามีการประชาสัมพันธ์ที่ดีและแพร่หลายให้มากกว่านี้
จะมีนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นเข้ามาเที่ยวที่บ้านบาตง
ซึ่งจะส่งผลให้เกิดรายได้ให้กับชาวบ้าน สามารถขายสินค้า ขายอัตลักษณ์ ขายภูมิปัญญา
ขาย Otop ขายอาหารการกินของตนเองได้และสร้างเศรษฐกิจในชุมชนเข็มแข็งได้”
ด้านนายฮาแว
กอแล็ง ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.บาตง อ.รือเสาะ กล่าวว่า
กิจกรรมโคมลอยที่จัดขึ้นในครั้งนี้สร้างรายได้ให้กับพ่อค้าแม่ค้าในชุมชนมากกว่าการขายของในช่วงเดือนรอมฏอน
1 เดือน เท่าตัว พร้อมนำสินค้าพื้นบ้าน อาหารการกิน ซึ่ง 9 ปีที่ผ่านมานั้น
ทางชุมชนได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้น
โดยไม่ได้ใช้งบประมาณของทางราชการ
แต่ใช้งบประมาณจากการรวบรวมกันเองของชาวบ้าน และ 9
ปีที่ผ่านไม่ได้จัดยิ่งใหญ่เหมือนในครั้งนี้เพราะได้รับงบประมาณจากพัฒนาการจังหวัดนราธิวาสมาช่วยตั้งงบประมาณให้
และด้วยสภาพเศรษฐกิจของปีที่แล้วไม่ดีจึงงดไป และในปีนี้ได้จัดขึ้นอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่
และอยากให้หน่วยงานราชการมาสนับสนุนโครงการนี้ให้มีการจัดทุกปีและยิ่งใหญ่กว่าปีที่ผ่านๆมา
เหตุผลที่มีการจัดโครงการนี้ขึ้นมา
เนื่องจากในปี 2553 ที่เศรษฐกิจยังดีอยู่ชาวบ้านส่วนใหญ่ชอบซื้อปะทัดยักษ์ พลุไฟ
มาจุดกันตามบ้าน ต่อมาปี 2554
ได้เรียกประชมกับชาวบ้านลงมติให้จัดสถานที่เพื่อจุดปะทัดหรือพลุไฟเล่นกันเป็นที่เป็นทางเพื่อแก้ปัญหาสร้างความรำคาญให้กับชาวบ้านที่เป็นที่เดียว
ครั้งเดียวจบ จึงเกิดโครงการนี้ ณ
สถานที่สนามของโรงเรียนบ้านบาตงแห่งนี้ในวันรายอที่หกของทุกปี
“ส่วนเรืองโคมลอยนั้น
ตามประวัตสมัยโบราณเล่าต่อๆกันมาว่า
เป็นการสื่อสารแบบหนึ่งของคนสมัยก่อนที่ยังไม่มีการคมนาคมที่ก้าวหน้าเหมือนในสมัยนี้
โดยแรงงานที่มาจากประเทศมาเลเซียที่มาขายแรงงานในประเทศไทยและช่วงเทศกาลวันฮารีรายอที่ไม่ได้เดินทางกลับบ้านเกิดได้สร้างโคมลอยด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์เพื่อจุดให้ลอยขึ้นบนฟ้า
เพราะในช่วงกลางคืนลมจะพัดไปทางทิศใต้
และจะทำให้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ประเทศมาเลเซียจะได้เห็นและยังเป็นการส่งสัญญาณว่าญาติของเขาที่อยู่ในประเทศไทยยังมีชีวิตอยู่นั้นเอง”
สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย
ศิลปินท้องถิ่นชื่อดัง คือ คามัส คาน อานาซีดจากเด็กนักเรียน การจุดพรุไฟ 1,000
นัด การปล่อยโคมลอยแฟนตาซีลูกยักษ์พร้อมโคมเล็ก จำนวน 100 ลูก
การประกวดโคมลอยแฟนตาซีลูกยักษ์ 14 ลูก การแสดงบนเวที
การประกวดโคมลอยแฟนตาซี 24 ลูกพร้อมโคมไฟเล็ก 100 ลูก การจุดพลุ 200 นัด
โดยภายในงานมีประชาชนทั้งในพื้นที่และต่างถิ่นมาร่วมชมงานเป็นจำนวนมากและจัดขึ้นรวม
2 คืน. โดยในคืนที่ 2 จะเป็นการแข่งขันกีฬาชาวบ้าน
จากคนในพื้นที่และต่างถิ่นที่สนใจพร้อมมอบรางวัลเป็นกำลังใจ
เพื่อสร้างรอยยิ้มและความสนุกสนานและสร้างความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้นระหว่างกันเป็นหลัก.
ขอบคุณข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น