นราธิวาส ชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก วอนนายกรัฐมนตรี ทบทวนการสั่งปิดจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก
เพราะจะกระทบกับประชาชนเป็นวงกว้างจนทำให้อาจกลายเป็นเมืองร้าง
สวนทางกับนโยบายอำเภอต้นแบบการค้าชายแดนระหว่างประเทศ สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง
ยั่งยืน
นายไพรัตน์ บินมามะ ประธานชุมชนโปฮงยามู เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลกในนามกลุ่มประชาชนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก
และนายสมโภช เจนพาณิชพงศ์ รองประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส
ยื่นหนังสือเปิดผนึกผ่านนางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก
เพื่อส่งต่อให้นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล นำไปมอบให้กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
เรียกร้องความเป็นธรรมเรื่องการยกเลิกคำสั่งปิดจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก
หลังมีกระแสข่าวว่าฝ่ายความมั่นคง เตรียมปิดจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก
เพื่อป้องกันภัยด้านความมั่นคง และเป็นการให้ความร่วมมือกับทางการประเทศมาเลเซียในการจำกัดพื้นที่การเข้าออกของกลุ่มไอเอส
ที่อาจลักลอบเข้าออกมาก่อเหตุในพื้นที่ของทั้ง2ประเทศ
นายไพรัตน์ บินมามะ ประธานชุมชนโปฮงยามู เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก
ได้กล่าวถึงข้อเรียกร้องของประชาชนในพื้นที่ว่า
หากมีการปิดจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกจริง
พื้นที่ตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกที่มีประชาชนอาศัยอยู่จำนวน 8 ชุมชน กว่า 1
พันครัวเรือน จำนวนกว่า 5,000 คน กลุ่มมอเตอร์ไซด์รับจ้างอีกจำนวน 300 คน
รวมทั้งผู้ประกอบการทั้งสถานบริการ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร
และระบบเศรษฐกิจในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลกทั้งหมดจะได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง
และอาจทำให้อำเภอสุไหงโก-ลกที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายให้เป็นอำเภอต้นแบบการค้าชายแดนระหว่างประเทศ
สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ต้องล้มทั้งเมือง ประชาชนจะไร้อาชีพ
ประสบภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง
และท้ายที่สุดประชาชนอาจจะโยกย้ายทิ้งถิ่นฐานออกจากพื้นที่เพราะทนกับการเป็นเมืองร้าง
ของอำเภอสุไหงโก-ลกไม่ไหว
จึงอยากให้ทบทวนเรื่องดังกล่าวและยกเลิกการปิดจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก
ส่วนหากจะเปิดจุดผ่อนปรนที่ท่าประปาเพียงจุดเดียว
ก็จะทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกว่าภาครัฐไม่จริงใจ และไม่ให้ความเป็นธรรมในการแก้ปัญหาในพื้นที่
เพราะเป็นผู้ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
เปิดจุดเดียวทำให้ผู้ได้รับประโยชน์มีเพียงกลุ่มเล็กๆ
แต่สร้างความเดือดร้อนอย่างใหญ่หลวงให้กับประชาชนอีกเป็นจำนวนมากเพราะท่าเรือริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก
บริหารจัดการโดยประชาชน แยกท่ากันชัดเจน หากท่านทำเช่นนี้
ประชาชนที่เหลือจะอยู่อย่างไร จะเอารายได้จากที่ไหนมาเลี้ยงครอบครัว
และภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกมากมาย ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
ทั้งนี้หากมองในด้านความมั่นคง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
กลุ่มผู้ให้บริการเรือข้ามฟาก
และกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง
ได้รับหน้าที่เป็นตาสับปะรดในการช่วยงานเจ้าหน้าที่ตรวจตรา สอดส่อง และสังเกตบุคคลต้องสงสัย
ที่อาจลักลอบเข้ามาในพื้นที่อยู่แล้ว เพราะหากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น
ทุกคนก็จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจะหายไปทั้งหมด
จึงอยากสอบถามนายกรัฐมนตรีว่า
หากใช้มาตรการนี้จะมั่นใจได้อย่างไรว่า
เมื่อปิดจุดผ่อนปรนในพื้นที่ตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกแล้ว กลุ่มไอเอส หรือ
กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจะไม่ใช้ช่องว่างนี้ในการลักลอบเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
แล้วหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นหลังจากนี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
การแก้ปัญหาด้านความมั่นคงที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือ
การดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการแก้ปัญหาและปกป้องพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเร
าให้ความร่วมมือ เป็นอย่างดีมาโดยตลอด
ได้โปรดอย่าผลักประชาชนในพื้นที่ไปสนับสนุนฝ่ายตรงข้าม
เพียงเพราะการมุ่งแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ปลายเหตุอย่างไม่ถูกทาง
โดยยังไม่ทราบว่าจะเห็นผลในเชิงประจักษ์หรือไม่
ว่าจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นอีกหลังจากนี้
แต่สิ่งที่เห็นชัดเจนที่สุดจากคำสั่งของท่าน
ได้ทำร้ายและรังแกคนในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลกอย่างเจ็บปวดที่สุด
และพวกเรามองว่าเป็นความใจดำของเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำกับประชาชนในพื้นที่โดยไม่คำนึงถึงสภาพสังคม
วิถีชีวิต ความเป็นอยู่และปากท้องของประชาชนที่จำเป็นต้องมีอาชีพเพื่อเลี้ยงครอบครัว
ส่งบุตรหลานเรียนหนังสือ และภาระอีกมากมายของคนหาเช้ากินค่ำของชาวสุไหงโก-ลก
ขอบคุณข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น