โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2560

นราธิวาส ชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก วอนนายกรัฐมนตรี ทบทวนการสั่งปิดจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก เพราะจะกระทบกับประชาชนเป็นวงกว้างจนทำให้อาจกลายเป็นเมืองร้าง สวนทางกับนโยบายอำเภอต้นแบบการค้าชายแดนระหว่างประเทศ สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน


นราธิวาส ชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก วอนนายกรัฐมนตรี ทบทวนการสั่งปิดจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก เพราะจะกระทบกับประชาชนเป็นวงกว้างจนทำให้อาจกลายเป็นเมืองร้าง สวนทางกับนโยบายอำเภอต้นแบบการค้าชายแดนระหว่างประเทศ สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน     


             นายไพรัตน์ บินมามะ ประธานชุมชนโปฮงยามู เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลกในนามกลุ่มประชาชนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก และนายสมโภช เจนพาณิชพงศ์ รองประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส ยื่นหนังสือเปิดผนึกผ่านนางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก เพื่อส่งต่อให้นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล นำไปมอบให้กับพลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกร้องความเป็นธรรมเรื่องการยกเลิกคำสั่งปิดจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก หลังมีกระแสข่าวว่าฝ่ายความมั่นคง เตรียมปิดจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก



             เพื่อป้องกันภัยด้านความมั่นคง และเป็นการให้ความร่วมมือกับทางการประเทศมาเลเซียในการจำกัดพื้นที่การเข้าออกของกลุ่มไอเอส ที่อาจลักลอบเข้าออกมาก่อเหตุในพื้นที่ของทั้ง2ประเทศ

              นายไพรัตน์ บินมามะ ประธานชุมชนโปฮงยามู เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ได้กล่าวถึงข้อเรียกร้องของประชาชนในพื้นที่ว่า หากมีการปิดจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกจริง พื้นที่ตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกที่มีประชาชนอาศัยอยู่จำนวน 8 ชุมชน กว่า 1 พันครัวเรือน จำนวนกว่า 5,000 คน กลุ่มมอเตอร์ไซด์รับจ้างอีกจำนวน 300 คน


      รวมทั้งผู้ประกอบการทั้งสถานบริการ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และระบบเศรษฐกิจในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลกทั้งหมดจะได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง และอาจทำให้อำเภอสุไหงโก-ลกที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายให้เป็นอำเภอต้นแบบการค้าชายแดนระหว่างประเทศ สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ต้องล้มทั้งเมือง ประชาชนจะไร้อาชีพ ประสบภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง

          และท้ายที่สุดประชาชนอาจจะโยกย้ายทิ้งถิ่นฐานออกจากพื้นที่เพราะทนกับการเป็นเมืองร้าง ของอำเภอสุไหงโก-ลกไม่ไหว จึงอยากให้ทบทวนเรื่องดังกล่าวและยกเลิกการปิดจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ส่วนหากจะเปิดจุดผ่อนปรนที่ท่าประปาเพียงจุดเดียว ก็จะทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกว่าภาครัฐไม่จริงใจ และไม่ให้ความเป็นธรรมในการแก้ปัญหาในพื้นที่ เพราะเป็นผู้ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม เปิดจุดเดียวทำให้ผู้ได้รับประโยชน์มีเพียงกลุ่มเล็กๆ แต่สร้างความเดือดร้อนอย่างใหญ่หลวงให้กับประชาชนอีกเป็นจำนวนมากเพราะท่าเรือริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก บริหารจัดการโดยประชาชน แยกท่ากันชัดเจน หากท่านทำเช่นนี้ ประชาชนที่เหลือจะอยู่อย่างไร จะเอารายได้จากที่ไหนมาเลี้ยงครอบครัว และภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกมากมาย ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ


               ทั้งนี้หากมองในด้านความมั่นคง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กลุ่มผู้ให้บริการเรือข้ามฟาก          และกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ได้รับหน้าที่เป็นตาสับปะรดในการช่วยงานเจ้าหน้าที่ตรวจตรา สอดส่อง      และสังเกตบุคคลต้องสงสัย ที่อาจลักลอบเข้ามาในพื้นที่อยู่แล้ว เพราะหากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น ทุกคนก็จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจะหายไปทั้งหมด
            จึงอยากสอบถามนายกรัฐมนตรีว่า หากใช้มาตรการนี้จะมั่นใจได้อย่างไรว่า เมื่อปิดจุดผ่อนปรนในพื้นที่ตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกแล้ว กลุ่มไอเอส หรือ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจะไม่ใช้ช่องว่างนี้ในการลักลอบเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นหลังจากนี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ การแก้ปัญหาด้านความมั่นคงที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือ การดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการแก้ปัญหาและปกป้องพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเร
าให้ความร่วมมือ         เป็นอย่างดีมาโดยตลอด

         ได้โปรดอย่าผลักประชาชนในพื้นที่ไปสนับสนุนฝ่ายตรงข้าม เพียงเพราะการมุ่งแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ปลายเหตุอย่างไม่ถูกทาง โดยยังไม่ทราบว่าจะเห็นผลในเชิงประจักษ์หรือไม่ ว่าจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นอีกหลังจากนี้

          แต่สิ่งที่เห็นชัดเจนที่สุดจากคำสั่งของท่าน ได้ทำร้ายและรังแกคนในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลกอย่างเจ็บปวดที่สุด และพวกเรามองว่าเป็นความใจดำของเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำกับประชาชนในพื้นที่โดยไม่คำนึงถึงสภาพสังคม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่และปากท้องของประชาชนที่จำเป็นต้องมีอาชีพเพื่อเลี้ยงครอบครัว ส่งบุตรหลานเรียนหนังสือ และภาระอีกมากมายของคนหาเช้ากินค่ำของชาวสุไหงโก-ลก
     ขอบคุณข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น