พ.ต.อ.ทวี ชี้ต้องเร่งแก้ 'อุทยานฯ ทับซ้อน'-ภัยพิบัติ ด้าน 'นายกูเซ็ง' อบจ. ย้ำพลังท้องถิ่น-เลือกผู้แทนทำเพื่อประชาชน "อย่าเห็นแก่เงิน"

พ.ต.อ.ทวี ชี้ต้องเร่งแก้ 'อุทยานฯ ทับซ้อน'-ภัยพิบัติ ด้าน 'นายกูเซ็ง' อบจ. ย้ำพลังท้องถิ่น-เลือกผู้แทนทำเพื่อประชาชน "อย่าเห็นแก่เงิน"


 ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาสรายงาน Tel.0824154474 

    วันที่ 5 ธันวาคม 2568 - พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ราษฎรฯ สภาผู้แทนราษฎร ได้สรุปผลการลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นจังหวัดสุดท้ายของการเก็บข้อมูลอย่างเข้มข้น โดยระบุว่าพื้นที่แห่งนี้เผชิญกับ "พหุปัญหา" ด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติที่ซับซ้อนและต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทั้งประเด็นที่ดินทำกิน การประกาศเขตอุทยานทับซ้อน และปัญหาภัยพิบัติซ้ำซ้อน

     คณะกรรมาธิการฯ ซึ่งมี นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส ร่วมเป็นกลไกสำคัญ ได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็น ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส (อบจ.) โดยมี นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายก อบจ. และ นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าร่วมอย่างเต็มที่

    พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยถึงความคืบหน้าของร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมฯ ว่า ขณะนี้ได้ยกร่างและประชุมรอบแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยเหลือเพียงการลงมติในวันที่ 10 และ 11 ธันวาคมนี้ คณะกรรมาธิการฯ มั่นใจว่า กฎหมายดังกล่าวจะสามารถครอบคลุมปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นแล้วได้ถึง 99%

     นอกจากนี้ ในร่างกฎหมายยังได้บรรจุมาตรการคุ้มครองเพื่อให้ประชาชนที่ได้รับการนิรโทษกรรมสามารถ พิสูจน์สิทธิ์ ในที่ดินเดิมได้ และจะมีการขอให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง เพื่อให้กฎหมายนี้ครอบคลุมไปถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคตด้วย

 ประธาน กมธ. ชี้ว่า ปัญหาเร่งด่วนที่สุดในนราธิวาสคือ "พหุปัญหา" ซึ่งรวมถึง ประชาชนห่วงใยการประกาศพื้นที่อุทยาน (เช่น อุทยานซีโป) เนื่องจากพวกเขาโต้แย้งว่า ที่ดินดั้งเดิมของตนไม่เคยมีสถานะเป็นป่าสงวนหรืออุทยานมาก่อน และมั่นใจว่าเป็นที่ดินทำกินของตน ปัญหาเกิดจากกรมป่าไม้มีแนวคิดว่า ที่ดินที่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ต้องถือว่าเป็นป่าทั้งหมด

    พบที่ดินของรัฐที่ถูกประกาศเป็นป่า แต่ ไม่มีป่าจริง ถึงกว่า 200,000 ไร่ ซึ่งประชาชนได้เข้าไปอยู่อาศัยและเข้าใจว่าตนมีสิทธิ์

    พ.ต.อ.ทวี กล่าวเน้นย้ำว่า นราธิวาสยังเผชิญปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข นอกเหนือจากความขัดแย้งเรื่องที่ดินปัญหาอุทกภัยยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งกระทบประชาชนเกือบแสนคนในนราธิวาส รวมถึงปัญหาภัยแล้งในบางช่วง การพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา และการพัฒนาคน เป็นเรื่องเร่งด่วนและสำคัญไม่แพ้กัน ท่านย้ำว่า อดีตเป็นบทเรียน แต่ปัจจุบันและอนาคตคือความรับผิดชอบที่ต้องสร้างมรดกที่ดีให้ลูกหลาน

     พ.ต.อ.ทวี สรุปปิดท้ายว่า รัฐบาลจำเป็นต้อง "พัฒนาให้ดีกว่ามาเลเซีย" เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและสร้างความภูมิใจในความเป็นเจ้าของประเทศ   

    ด้าน นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายก อบจ.นราธิวาส ได้กล่าวเสริมในเวที โดยยืนยันว่าตนเองเป็นคนสายพัฒนาที่มาดูแลประชาชนในท้องถิ่น และได้ชี้ถึงกลไกการทำงานในพื้นที่ หากท้องถิ่นระดับ อบต. ไม่มีกำลังหรืออำนาจพอในการแก้ไขปัญหา ก็จะต้อง ส่งไม้ต่อให้ อบจ. ดำเนินการ

  นายกกูเซ็งกล่าวอย่างมีนัยยะว่า "ถ้าผู้บริหารท้องถิ่นและนายก อบจ. ตรงกัน (สายเดียวกัน) เรื่องแค่นี้สบายมาก" พร้อมย้ำว่า การทำงานต้องคิดถึงแต่เรื่องพัฒนา ไม่ใช่คิดแค้น

    นายกูเซ็ง ยังได้กล่าวเตือนใจประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยเน้นย้ำถึงหลักการสำคัญว่า "อย่าเห็นแก่เงิน" แต่ให้เลือกผู้แทนที่มาจากใจและมีเจตนาทำเพื่อพี่น้องอย่างแท้จริง โดยยกตัวอย่างพรรคประชาชาติที่คณะ กมธ. เดินทางมาด้วยใจ และกล่าวอย่างเผ็ดร้อนว่า "ใครให้เงิน 2,000-3,000 ก็เอาไป แต่คนที่ช่วยจริง ๆ ต้องเป็นพวกเรา" โดยเน้นว่า เงินที่ได้มานั้นไม่คุ้มค่ากับการเป็น ส.ส. 4 ปี

ใหม่กว่า เก่ากว่า

Popular Items