”ปฏิพัทธ์“ กับพรรคใหม่ “พลวัต” หนุ่มผู้มุ่งมั่นพัฒนา “หัวไทร”บ้านเกิด

 ”ปฏิพัทธ์“ กับพรรคใหม่ “พลวัต” หนุ่มผู้มุ่งมั่นพัฒนา “หัวไทร”บ้านเกิด

……

ฏิพัทธ์ เมืองสุวรรณ (เกตุแก้ว)ว่าที่ผู้สมัคร สส. เขตหัวไทร จ.นครศรีธรรมราช

พรรคพลวัต เขาถูกปฏิเสธจากพรรคเพื่อไทย มี สส.ใต้ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในพรรคกีดกัน แต่ “กัณวีร์ สืบแสง” สส.บัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรมทาบทามให้มาร่วมอุดมการณ์กับพรรคใหม่ “พรรคพลวัต”ที่กัณวีร์เริ่มตั้งไข่ขึ้นหลังถูกปลดจากเลขาธิการพรรคเป็นธรรม

“ผมตั้งใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. โซนหัวไทร เสนอตัวทำงานในนามพรรคเพื่อไทย แต่ต้องยอมรับว่า ผิดหวังอย่างมาก เมื่อถูกผู้ใหญ่บางคนกีดกัน ทั้งที่สิ่งเดียวที่ผมทำ คือทักให้ท่านพูดถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนบ้านผม คนหัวไทรบ้าง

วันนี้ ท่านไม่ให้ผมลงสมัครในนามบ้านหลังเดิม ผมไม่โกรธ ไม่เคือง และไม่กล่าวโทษใคร

ผมเคารพการตัดสินใจนั้น

แต่วันนี้ บ้าน “พลวัต”

พรรคใหม่ของคุณกัณวีร์ สืบแสง เปิดโอกาสให้ผมได้มี “ความหวัง” อีกครั้ง

ความหวังที่จะได้ทำงาน

ความหวังที่จะเป็นกระบอกเสียงให้คนหัวไทร

ผมขอยืนยันว่าผมจะเป็น สส.น้ำดี สิ่งที่ท่านไม่พูดให้ในวันนั้น ผมจะพูดเอง

ให้ท่านได้เห็น ให้ท่านได้ฟัง ในวันข้างหน้า ในสภาแห่งนี้

หวังว่าวันหนึ่งท่านจะได้เข้ามานั่งฟังในสภาและจะได้รู้ว่าความเดือดร้อนของคนบ้านผมมันหนักหนาเพียงใด

ท่านรักบ้านท่านหรือไม่ ต้องดูกันต่อไปแต่ผมรักบ้านผมยิ่งกว่าสิ่งใด

ผมมุ่งมั่นพัฒนา หัวไทร บ้านเกิดของผมให้พ้นจากความยากจน

และยืนหยัดอย่างมีศักดิ์ศรี

หัวไทรต้องไปต่อ : นโยบายพัฒนาบ้านเกิดจากคนหัวไทร ถึงคนหัวไทร

ปฏิพัทธ์ มองว่า หัวไทร เป็นอำเภอที่มีศักยภาพมากกว่าที่ใครหลายคนมองเห็นมีทั้งทะเล ป่าชายเลน พื้นที่เกษตร อาหารพื้นถิ่น และวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ แต่ในความเป็นจริง คนหัวไทรจำนวนมากยังเผชิญปัญหาปากท้อง รายได้ไม่แน่นอน ขาดโอกาส และคุณภาพชีวิตที่ไม่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่

ผมเชื่อว่า หัวไทรไม่ควรจน และไม่จำเป็นต้องจน

หากได้รับการพัฒนาอย่างเข้าใจพื้นที่ และให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

1. หัวไทรต้องเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงเชื่อมโยง

ผมมองว่า หัวไทรสามารถพัฒนาเป็น แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่เชื่อมโยงทะเล อาหาร และวัฒนธรรม ได้อย่างครบวงจร ไม่ใช่การท่องเที่ยวแบบฉาบฉวย แต่เป็นการท่องเที่ยวที่คนในชุมชนได้ประโยชน์

 

-ทะเลและชายฝั่ง ต้องได้รับการอนุรักษ์ควบคู่กับการท่องเที่ยว

-อาหารพื้นถิ่นและประมงชุมชน ต้องถูกยกระดับเป็นจุดขาย

-วัฒนธรรม วิถีชีวิต และประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ต้องถูกเล่าอย่างมีคุณค่า

-หัวไทรควรมีท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับเกาะสมุย

-ความสวยงามของชายหาด-ทะเลหัวไทร ไม่แตกต่างจากขนอม-สิชล

การท่องเที่ยวของหัวไทร ต้องสร้างรายได้ให้ชุมชน ไม่ใช่แค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

2. หัวไทรเมืองเกษตร : ยกระดับทั้งระบบ ไม่ทิ้งเกษตรกรไว้ข้างหลัง

หัวไทรเป็นเมืองเกษตร แต่ที่ผ่านมาเกษตรกรจำนวนมากยังต้องพึ่งดินฟ้าอากาศ ขาดแหล่งน้ำที่มั่นคง และไม่มีตลาดรองรับที่เป็นธรรม

ผมเสนอการยกระดับเกษตรหัวไทรแบบครบวงจร

-มี แหล่งน้ำเพียงพอ สำหรับการเพาะปลูกตลอดปี

-สนับสนุนเกษตรสมัยใหม่ ควบคู่กับภูมิปัญญาท้องถิ่น

-ใช้เทคโลโลยี่สมัยใหม่เข้ามาช่วยภาคเกษตร

-สร้างตลาดรองรับผลผลิต ทั้งตลาดในพื้นที่และตลาดออนไลน์

-ลดต้นทุน เพิ่มอำนาจต่อรองให้เกษตรกร

-เกษตรกรต้องไม่เป็นผู้แบกรับความเสี่ยงเพียงลำพัง แต่ต้องมีรัฐยืนอยู่ข้างหลัง

3. คนหัวไทรต้อง “มีอยู่ มีกิน” และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

การพัฒนาใด ๆ จะไม่มีความหมาย หากคนยังลำบาก ผมต้องการเห็นคนหัวไทร

 -มีรายได้ที่มั่นคง

 -เข้าถึงบริการสาธารณสุข การศึกษา และสวัสดิการอย่างทั่วถึง

 -ลูกหลานมีโอกาส ไม่ต้องทิ้งบ้านเกิดไปหาอนาคตที่อื่น

หัวไทรต้องเป็นเมืองที่คนอยู่ได้ อยู่ดี และอยากอยู่

4. การพัฒนาที่ฟังเสียงคนในพื้นที่

ผมเชื่อว่า การพัฒนาที่ดีที่สุด ต้องเริ่มจากการฟัง

ฟังเสียงชาวบ้าน ฟังเสียงเกษตรกร ฟังเสียงชุมชน

ไม่ใช่นโยบายจากบนลงล่าง แต่เป็นนโยบายที่เกิดจากความจริงของพื้นที่

ผมอาจไม่ใช่คนที่มีอำนาจมากที่สุด

แต่ผมเป็นคนหัวไทร ที่รู้ว่าบ้านเราขาดอะไร และต้องการอะไร

หัวไทรต้องพ้นจากความยากจน และยืนได้อย่างภาคภูมิ

ผมลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ใช่เพื่อตำแหน่ง

แต่เพื่อเป็นเสียงของคนหัวไทรในสภา

เพื่อพูดในสิ่งที่หลายคนไม่เคยพูดให้

และเพื่อผลักดันให้หัวไทร ก้าวไปข้างหน้าอย่างแท้จริง

ท่านจะรักบ้านท่านมากแค่ไหน ต้องพิสูจน์กันต่อไป

แต่สำหรับผม หัวไทรคือบ้าน คือชีวิต และคือความหวัง

หลายทศวรรคมาแล้วที่ไม่มีคนหัวไทรเป็น สส.มีคนปากพนัง ชะอวด จุฬาภรณ์ ร่อนพิบูลย์ มาเป็น สส.โซนหัวไทร ยุคสุดท้ายคือ ”นายคล่อง รักษ์ทอง“ ขอโอกาสให้คนหัวไทร ได้ใช้สมอง ประสบการณ์ในการพัฒนาบ้านเกิด

 #นายหัวไทร

 #ทำเฒ่าเรื่องเพื่อน

 #การเมืองนครศรีฯ