อบจ.นครศรีฯร้าวหนัก “ผึ้งแตกรัง”แล้ว นายกฯน้ำจะเดินอย่างไรต่อไป..
อบจ.นครศรีฯส่อวุ่น นายกฯน้ำสั่งปลดรองนายกฯ เดินหน้าตั้งทีมใหม่ เลขาฯส่อไขก็อกอีก ประธานสภาฯก็ป่วย
…เรามาลองวิเคราะห์กันดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายกฯน้ำ (อบจ.นครศรีฯ)วาริน ชิณวงศ์ นายกฯอบจ.นครศรีฯ สั่งปลดรองอำนวย ยุติธรรม (ดร.อัครเดช)
-ประธานสภาฯอบจ.(สจ.ยา) ก็ลาป่วย ท่ามกลางข่าวลืออาจจะลาออก
-เลขานุการฯนายกฯ สิทธิรัก ทิพย์อักษร เตรียมลาออกไปสมัคร สส.
-ทีมที่ปรึกษาหลายคนเตรียมตีจาก
-นายกฯจะอยู่อย่างไร
มองแบบนักวิเคราะห์การเมืองท้องถิ่น ถือเป็น “สัญญาณอันตราย” ต่อเสถียรภาพทางการเมืองของ นายกฯน้ำ (นายก อบจ.นครศรีธรรมราช) อย่างชัดเจนครับ
ขอแยกวิเคราะห์เป็นประเด็นดังนี้
1. “สั่งปลดรองอำนวย ยุติธรรม” จุดเริ่มของรอยร้าวในทีม จริงๆก็ส่อร้าวมาตั้งแต่ต้น จากการแบ่งงานที่ไม่เป็นธรรม รวบงานไว้ที่นายกฯเป็นหลัก
รองอำนวยถือเป็น “เสาหลักฝ่ายบริหาร” ที่อยู่ใกล้นายกฯน้ำมาตั้งแต่ช่วงหาเสียง การปลดออกโดยเฉพาะถ้าไม่ได้มาจากเรื่องงานตรง ๆ (แต่เป็นความขัดแย้งทางการเมืองหรือผลประโยชน์) จะสะเทือนฐานะภายในทันที เพราะรองอำนวยน่าจะมีฐานมวลชนและเครือข่ายในพื้นที่จำนวนหนึ่ง การปลดเขาออกเท่ากับ “สูญเสียขา” ไปหนึ่งข้างของทีม
2. มีข่าวลือ“ประธานสภาฯ อบจ. (สจ.ยา)จะลาออก เนื่องจากป่วยรอแพทย์วินิจฉัยยิ่งหนักเข้าไปอีก
นี่สะท้อนว่าความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายบริหาร–ฝ่ายสภา “ไม่ราบรื่น” อีกต่อไป เพราะโดยธรรมชาติแล้ว ประธานสภา อบจ. คือคนที่นายกฯต้องอาศัยในการผลักดันงบประมาณและโครงการ ถ้าถึงขั้นลาออก หรือตีตัวออกห่างแสดงว่า “หมดใจ” กับทีมเดิมแล้ว หรือมองว่าเรือใหญ่ใกล้จะล่ม จึงรีบลงจากเรือไปหาฐานที่มั่นใหม่
3. “เลขานุการฯ นายกฯ เตรียมลาออกไปสมัคร ส.ส.”
นี่คือสัญญาณว่าคนในทีมระดับใกล้ชิดกำลังมอง “เส้นทางการเมืองส่วนตัว” แทนที่จะอยู่ค้ำอำนาจเดิม แปลตรง ๆ ได้ว่า ทีมอบจ.ชุดนี้อาจไม่ใช่จุดรวมอำนาจอีกต่อไปแล้ว หากคนใกล้ชิดยังมองว่าไปต่อกับนายกฯน้ำแล้ว “ไม่โต” ก็จะทยอยย้ายค่ายหรือหาช่องทางใหม่
4. “ทีมที่ปรึกษาหลายคนเตรียมตีจาก”
นี่คือภาพของ ภาวะสูญญากาศทางการเมือง เหมือนวงล้อมกำลังแตก การเมืองท้องถิ่นถ้าเสียทีมที่ปรึกษาไป หมายถึงขาดกลไกวางกลยุทธ์ หาเสียง ประสานผลประโยชน์ และคอนเนกชันระดับพื้นที่
5. “นายกฯจะอยู่อย่างไร?”
ตรงนี้มี 2 ฉากทัศน์ที่เป็นไปได้:
(ก) อยู่แบบ “โดดเดี่ยวแต่ทรงอิทธิพล”ถ้านายกฯน้ำยังมีฐานเสียงในสภาอบจ.จำนวนมาก หรือคุมระบบราชการท้องถิ่นได้ ก็อาจอยู่ต่อได้ในรูปแบบ “ขาใหญ่ไม่ต้องมีทีมเยอะ” แต่ต้องเร่งปรับภาพลักษณ์ สร้างพันธมิตรใหม่ และควบคุมงบประมาณสำคัญไว้ในมือ แต่เข้าใจว่า ฐานเสียง สจ.เริ่มร่อยหรอ
(ข) อยู่แบบ “นับถอยหลังทางการเมือง”
ถ้าแรงเสียดทานภายในมากขึ้น ทั้งสภาไม่หนุน ทีมบริหารแตก และคู่แข่งเริ่มจับกลุ่มท้าทาย (เช่น กลุ่มเดิมของรองอำนวยหรือเครือข่ายท่าศาลา) นายกฯน้ำอาจอยู่ไม่ครบเทอม หรือถูกกดดันให้ถอยทางการเมืองก่อนเลือกตั้งท้องถิ่นรอบหน้า
สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่า อาณาจักรทางการเมืองของนายกฯน้ำกำลังอยู่ในช่วง “ถอดรหัสอำนาจ” คนรอบข้างเริ่มไม่มั่นใจในเส้นทางต่อไป และกำลังหาช่องทางสร้างอนาคตของตนเอง
ถ้าไม่รีบ “รีแบรนด์” สร้างทีมใหม่ และฟื้นศรัทธาฐานมวลชนใน 6 เดือนข้างหน้า มีสิทธิเสี่ยงต่อการ “ถูกล้มโต๊ะ” หรือแพ้สนามเลือกตั้งท้องถิ่นรอบหน้าได้เลยครับ
นายกฯน้ำมองว่า พวกวิพากษ์วิจารณ์ เป็นพวกปั่น รู้ไปหมดทุกเรื่อง คนเดินอยู่ในซอยดีดี ก็ไปเขียน ไปพูดว่าเป็นคนบ้า พูดกันต่อๆว่า ไอ้นั้นมันบ้า ทุกคนก็เลยเชื่อกันว่า บ้าจริง
เรื่องของนายกฯน้ำ ก็มีการเขียนการพูด ถามหาผลงาน ไม่มีผลงาน เกี่ยวข้องกับคดีฮั้ว สว.
น่าแปลกว่า นายกฯน้ำเลือกที่จะตอบโต้ แทนที่จะเลือกแจกแจงผลงานว่าในรอบ 1 ปี ทำอะไรไปบ้างที่เป็นรูปธรรม และปฏิเสธอย่างสมจริงสมจังกับข้อกล่าวหาร่วมฮั้ว สว.
น่าสนใจยิ่ง นายกฯน้ำจะปรับขบวนยุทธอย่างไร เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายให้ได้ ไม่งั้นจะล้มทั้งกระดาน
#นายหัวไทร
#ทำเฒ่าเรื่องเพื่อน
#อบจนครศรีฯ


