ยุทธศาสตร์ภูมิใจไทย “อิสานประสานใต้” เกมรุกยึดเสียงข้างมาก
ภาพแกนนำบ้านใหญ่ทยอยเดินเข้าภูมิใจไทยเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมาก เป็นปรากฏการณ์สานต่อภารกิจ “อีสานประสานใต้” ของพรรคภูมิใจไทยถือเป็นยุทธศาสตร์ที่พรรควางไว้ตั้งแต่ยุคเนวิน ชิดชอบ กุมอำนาจหลักอยู่จนถึงยุคอนุทิน โดยใช้ฐานเสียง 2 ภูมิภาคหลัก ที่มีน้ำหนักสูงต่อการเลือกตั้ง คือ อีสาน + ใต้ มาผนวกกัน
พรรคภูมิใจไทยรู้ว่าฐานอีสานนั้นใหญ่ที่สุด (จำนวน ส.ส. มากที่สุดในประเทศ) แต่การแย่งกับเพื่อไทยและก้าวไกลตรง ๆ ยาก แต่จำเป็นต้องยึดฐานใหญ่ ไม่แตกต่างจากพรรคความใหม่ หรือไทยรักไทยเคยคิดเคยทำ
ส่วนฐานใต้ แม้จะไม่ใหญ่เท่าอีสาน แต่ขึ้นชื่อว่ามีระเบียบวินัยและความจงรักภักดีต่อพรรคเดิม (ประชาธิปัตย์) ซึ่งขณะนี้เสื่อมถอย
การสร้างสะพานเชื่อม “อีสานกับใต้” จึงเป็นยุทธศาสตร์ที่เน้น ผนวกฐานเสียงใหญ่ที่สุด + ฐานเสียงที่มีวินัยสูง เข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิด “แกนเลือกตั้ง” ที่มั่นคง
รูปแบบการขับเคลื่อนอิสานประสานใต้ ดึงบ้านใหญ่ ทั้งในอีสานและใต้ บ้านใหญ่ถือเป็นตัวแปรสำคัญ ภูมิใจไทยใช้วิธีดึงหัวคะแนนท้องถิ่นเข้ามาเป็น ส.ส. หรือผู้สมัครโดยตรง
นโยบายจับต้องได้ อีสาน เน้นเกษตร, ราคาพืชผล, ถนนหนทาง, สุขภาพถ้วนหน้า
ใต้ เน้นโครงสร้างพื้นฐาน, การท่องเที่ยว, การค้าชายแดน, ยางพารา-ปาล์ม
โครงสร้างพรรคแนวราบ: ใช้แกนนำท้องถิ่นบริหารจัดการ ไม่พยายามสั่งการจากส่วนกลางเหมือนพรรคใหญ่บางพรรค
ใช้ภาพลักษณ์ “ไม่ขัดแย้ง”: ภูมิใจไทยวางตัวเป็นพรรคประนีประนอม ไม่แบ่งขั้ว ไม่เผชิญหน้า เป็นที่ยอมรับได้ทั้งอีสาน (ฐานเพื่อไทย) และใต้ (ฐานประชาธิปัตย์)
วิธีการปฏิบัติ ตั้งแม่ทัพภูมิภาค: เช่น ศักดิ์สยาม, ชาดา, ทรงศักดิ์ ในอีสาน และใช้บ้านใหญ่ในภาคใต้ ทำหน้าที่เชื่อมฐานเสียง
ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ใช้รถตู้-เฮลิคอปเตอร์ของอนุทินลงพื้นที่ สร้างภาพว่า “เข้าถึงประชาชน”เจาะจุดที่พรรคเก่าทิ้งร้าง:
อีสาน เจาะเขตที่เพื่อไทยแพ้บ่อยหรือคะแนนห่างไม่มาก รวมถึงการดึงตัวมาเข้าร่วมงาน ตัดปัญหาคู่แข่ง
ใต้ เจาะเขตที่ประชาธิปัตย์เสื่อม หรือมีการแตกแยกในตระกูลการเมืองท้องถิ่น สร้างคนของตัวเองขึ้นมาสู้ และสนับสนุนอย่างจริงจัง เน้นพื้นที่ที่สู้ได้จริงๆ
ใช้งบประมาณและผลงานกระทรวง: เช่น คมนาคม, สาธารณสุข, มหาดไทย (ช่วงได้โควต้า) ทำให้มีโครงการลงพื้นที่จริง เห็นจริง ทำจริง ตามสโลแกน “พูดแล้วทำ
ผลลัพธ์ที่หวัง หาก “อีสานประสานใต้” สำเร็จ ภูมิใจไทยจะกลายเป็นพรรคแกนกลางระดับชาติ (เกิน 150–180 ที่นั่ง) จะไม่ใช่พรรค “ภูมิภาคเดียว” แบบที่ผ่าน ๆ มา แต่จะเป็นพรรคที่ “ครอบคลุมเหนือ–อีสาน–ใต้” และกลายเป็นคู่แข่งตรงของเพื่อไทย สามารถต่อรองเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ โดยไม่ต้องพึ่งกระแสจากส่วนกลาง
ความเสี่ยง อีสาน: การชนกับเพื่อไทยยังยาก เพราะเพื่อไทยมีรากลึกและความผูกพันทางอารมณ์ แต่ความเพรี้ยงพล่าล่าสุด ทำให้เพื่อไทยอ่อนล้าไปเยอะ
ใต้: แม้ประชาธิปัตย์อ่อนแรง แต่การเมืองท้องถิ่นใต้ดุเดือดและแข็งแรง ถ้าบริหารความขัดแย้งในบ้านใหญ่ไม่ดีอาจพังได้
ภาพลักษณ์ “บ้านใหญ่รวมกัน” อาจทำให้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นพรรคที่รวม “ผลประโยชน์ท้องถิ่น” มากกว่านโยบายระดับชาติ
จริงๆยุทธศาสตร์อิสานประสานใต้ ยังมีกลเกมซ่อนอยู่ อิสานเน้นการใช้ปัจจัยเป็นหลัก แม้ช่วงหลังใต้ก็หนักไปทางปัจจัย แต่ภาพใหญ่คือการเมืองคุณภาพ การเมืองเชิงอุดมการณ์ เน้นการปราศรัยให้ความรู้ ปลุกใจประชาชน
กลเกมที่ซ่อนอยู่ คือ ปราศรัย-ปัจจัย ที่จะมีการหยิบมาใช้อย่างจริงจัง
โดยสรุป:ยุทธศาสตร์ “อีสานประสานใต้” ของภูมิใจไทยคือการสร้างฐานเสียงคู่ขนาน (อีสาน – จำนวนมาก + ใต้ – คุณภาพสูง) โดยอาศัยบ้านใหญ่เป็นกลไกหลัก นโยบายจับต้องได้ และภาพลักษณ์ไม่ขัดแย้ง เพื่อยกระดับจากพรรคภูมิภาคสู่พรรคแกนชาติ
แต่ยุทธศาสตร์หาเสียงคือ ปราศรัย : จ่าย คือปลายทางของชัยชนะ
#นายหัวไทร
#ภูมิใจไทย
#อิสานประสานใต้
#ทำเฒ่าเรื่องเพื่อน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น