เสียงประชาชนถึงสื่อปลายด้ามขวานชายแดนใต้ สะท้อน: ข้อเสนอแนะเพื่อความโปร่งใสในการกู้เงินซ่อมถนน 2,009 ล้านบาทของ อบจ.สงขลา
เรียน สื่อมวลชนปลายด้ามขวานชายแดนใต้ และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน
ในฐานะที่ผมเป็นส่วนหนึ่งของภาคประชาชนในพื้นที่ "ปลายด้ามขวานชายแดนใต้" ผมขอใช้พื้นที่นี้สะท้อนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับประเด็นสำคัญที่กำลังเป็นที่จับตาของสาธารณะ นั่นคือกรณีที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) มีแผนจะกู้เงินจำนวนมหาศาลถึง 2,009 ล้านบาท เพื่อดำเนินการซ่อมแซมถนน ซึ่งแม้จะผ่านการพิจารณาของสภา อบจ.สงขลาแล้ว แต่กลับเกิดเสียงทักท้วงและข้อกังวลอย่างกว้างขวางจากภาคประชาชน
สถานการณ์ที่เป็นอยู่และข้อกังวลของประชาชน
ปัจจุบัน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ใช้สิทธิตามบทบาทหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว:
- นายก อบจ.สงขลา: มีสิทธิในการนำเสนอโครงการเพื่อบริหารและพัฒนาจังหวัด ตามที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน
- สภา อบจ.สงขลา: ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการพิจารณาและอนุมัติโครงการต่างๆ ของฝ่ายบริหาร
- ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา: กำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริงและความเป็นไปได้ของโครงการตามกรอบของกฎหมาย
- ภาคประชาชน: ได้ใช้สิทธิในการตั้งคำถาม ทักท้วง และคัดค้าน เมื่อมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการบริหารงาน ความโปร่งใส และความคุ้มค่าของโครงการ รวมถึงพฤติกรรมของภาคการเมืองและภาครัฐ
ประเด็นสำคัญที่ภาคประชาชนกังวลคือ หากโครงการนี้ผ่านไปโดยไม่มีการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน และหากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ภาระหนี้สินจำนวนมหาศาลนี้จะตกเป็นของสังคมโดยรวม และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ? ในทางกลับกัน หากผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาตัดสินใจไม่ให้โครงการผ่าน ก็อาจเกิดความขัดแย้งกับสภา อบจ.และกระบวนการทางการเมืองได้ ซึ่งล้วนเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีฝ่ายใดต้องการ
ข้อเสนอแนะเพื่อทางออกที่เป็นธรรมและโปร่งใส
เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ สร้างความเชื่อมั่น และนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ผมจึงขอเสนอแนวทางดังนี้
1. ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาชะลอการอนุมัติโครงการนี้ไว้ก่อน: การชะลอโครงการจะเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้ทบทวนและพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้านยิ่งขึ้น
2. แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อศึกษาโครงการ:
- คณะกรรมการชุดที่ 1 (ศึกษาความเป็นไปได้): ควรประกอบด้วยตัวแทนจากภาคประชาชน ภาคราชการ และภาคนักการเมือง โดยมีหน้าที่ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการอย่างละเอียด ทั้งในด้านความจำเป็นเร่งด่วน ความคุ้มค่าของการลงทุน และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม
- คณะกรรมการชุดที่ 2 (กำกับดูแลและตรวจสอบ): หากผลการศึกษาของคณะกรรมการชุดแรกเห็นชอบให้ดำเนินโครงการได้ ควรแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจอีกชุดหนึ่ง ที่มีองค์ประกอบเช่นเดียวกับชุดแรก เพื่อทำหน้าที่สนับสนุน กำกับดูแล และตรวจสอบการดำเนินโครงการในทุกขั้นตอน รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามวัตถุประสงค์
3. การทำสัญญาและเบิกจ่ายเงินกู้: ควรทำสัญญากู้เงินในลักษณะยอดรวม แต่ให้มีการเบิกจ่ายเงินเป็นงวดๆ ตามความก้าวหน้าของแผนงานและผลการดำเนินงานจริง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างรัดกุมและตรวจสอบได้
ผลลัพธ์เชิงบวกที่คาดหวัง
แนวทางดังกล่าวนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลต่อจังหวัดสงขลาและประเทศชาติ:
1. สร้างต้นแบบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม: โครงการนี้จะได้รับการตรวจสอบอย่างรอบด้านจากทุกภาคส่วน ซึ่งจะเป็นแบบอย่างที่ดีของการบริหารราชการแผ่นดินตามหลักธรรมาภิบาล และอาจเป็นต้นแบบให้กับจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ
2. เสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี: ทุกฝ่ายจะได้แสดงถึงความตั้งใจ ความโปร่งใส และความบริสุทธิ์ใจในการปฏิบัติงานเพื่อส่วนรวม ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นและความศรัทธาให้กับประชาชน และส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดสงขลาในระยะยาว
3. ลดความขัดแย้งและปกป้องผลประโยชน์ของสังคม: การมีส่วนร่วมและการตรวจสอบจากหลายภาคส่วนจะช่วยลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น และป้องกันไม่ให้สังคมต้องตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ
ข้อเสนอแนะนี้เป็นเพียงเสียงสะท้อนจากภาคประชาชน ที่ต้องการเห็นการบริหารจัดการภาครัฐเป็นไปอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและจังหวัดสงขลาอย่างแท้จริง
ขอแสดงความนับถือ
สัญญา วัชรพันธุ์
26 กันยายน 2568
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น