จำนวนผู้เข้าชม

วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2568

โควต้ากล้าธรรม ใครจะเป็นรัฐมนตรี ฝากพิจารณา ”บิ๊กโอ“

 โควต้ากล้าธรรม ใครจะเป็นรัฐมนตรี ฝากพิจารณา ”บิ๊กโอ“

……


เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พรรคกล้าธรรม ที่มี ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นหัวหน้าพรรค มี รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นประธานที่ปรึกษา ให้การสนับสนุน “อนุทิน ชาญวีระกูล“หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ฉีกตัวออกมาจากการสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอย่างผิดคาด

ผิดคาดเพราะคิดกันว่า พรรคกล้าธรรม คือพรรคสาขาของเพื่อไทย ต้องสนับสนุนเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน แต่วันนี้พรรคกล้าธรรมหอบหิ้ว สส.26 คน พร้อมยกมือให้ ”อนุทิน“เป็นนายกรัฐมนตรี

มาถึงเวลานี้พรรคภูมิใจไทยน่าจะมีเสียงสนับสนุนเกิน 290 เสียงแล้ว รวมพรรคเล็กพรรคน้อย แต่ยังไม่รวมบางคนจากพรรคประชาธิปัตย์

292 +ประชาธิปัตย์ (บางส่วน) ก็เกินพอในการสร้างเสถียรภาพให้กับรัฐบาลแบบแข็งโป๊ก รัฐบาลเพื่อไทยมีเสียงเกินครึ่งแบบหมิ่นเหม่ สภาล่มแล้วล่มอีก ปิดประชุมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยมาก็หลายครั้ง

ถ้ามาถัวเฉลี่ยจำนวน สส.:รัฐมนตรี จะพบสัดส่วนประมาณ 4.1 หรือ 4.2 คน : รัฐมนตรี 1 คน (หักสัดส่วนของพรรคประชาชนออก เพราะพรรคประชาชนไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ แต่อาจส่งนอมินีมาแทน

พรรคกล้าธรรม 26 เสียง น่าจะมีตำแหน่งรัฐมนตรี 5 คน 5 เก้าอี้ด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันมี ดร.นฤมล เป็นรัฐมนตรีว่าการศึกษา อรรถกร ศิริลัทธยากร เป็นรัฐมนตรีเกษตร และมีอัครา พรหมเผ่า เป็นรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ

พรรคกล้าธรรมจึงน่าจะมีกำไรจากการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย ได้รัฐมนตรีเพิ่มอีก 2 คน เป็น 5 คน หันซ้ายมองขวา ก็ยังไม่เห็นว่าจะเอาใครมานั่งเป็นรัฐมนตรี แต่ควรจะจัดสรรไปตามภูมิภาคต่างๆ เช่น ใต้ที่ยังไม่มีรัฐมนตรี หรืออิสานก็ยังไม่มีรัฐมนตรีของพรรคกล้าธรรม มีแต่ภาคเหนือ ภาคตะวันออก เพื่อเป็นการขยายฐานของพรรคจึงควรมีรัฐมนตรีกระจายไปตามภาคต่างๆด้วย

มองไปยังแกนนำพรรคกล้าธรรมภาคใต้ ก็ยังไม่เห็นตัวชัดเจนนัก สส.บีลา-สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ (ชื่อเล่น “บีลา”) 

รองหัวหน้าพรรคกล้าธรรม สส.นราธิวาส (เขต 3) 2 สมัย  

เป็นประธานคณะกรรมาธิการการแก้ไขปัญหาหนี้สินแห่งชาติ ก็พอจะจัดวางได้ 

มีข่าวหนาหูว่า สุราษฏร์ธานี จะมีคนนอกเป็นรัฐมนตรีในนามพรรคกล้าธรรม เพราะได้ สส.มาหลายคน จึงเล็งไปยัง“พงศ์ศักดิ์ จ่าแก้ว”แกนนำสุราษฏร์ธานี ก็เคยเป็นนายกฯอบจ.สุราษฏร์มา 1 สมัย เป็น ส.อบจ.และเป็นกำนันมาก่อน

ถ้านึกถึงคนรุ่นใหม่จริงๆก็มี “ก้องเกียรติ์ เกตุสมบัติ”หรือ “บิ๊กโอ”ปัจจุบันอายุราว 44 ปี  

 เขาเพิ่งได้รับเลือกตั้งเป็น สส.เขต 8 นครศรีธรรมราช ในการเลือกตั้งซ่อมเมื่อ 27 เมษายน 2568 ที่ผ่านมาด้วยคะแนนนำเกินหมื่นคะแนน เอาชนะมือเก๋า “ชินวรณ์ บุณยะเกียรติ์ ผู้เป็นพ่อตาจากพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยคะแนนท่วมท้นเกือบ 4 หมื่นคะแนน คงไม่ต้องกล่าวถึงที่มาของคะแนน วิธีการทำคะแนน

บิ๊กโอ เคยได้รับเลือกตั้งเป็น ส.อบจ.เขตอำเภอฉวาง ปี 2566 ลาออกหวังจะลงสมัคร สส.แต่มีปัญหาขัดแย้งกับพ่อตา จึงไม่ได้ลงเลือกตั้ง เขาจึงตัดสินใจแยกทางเดินกับประชาธิปัตย์ บ่ายหน้าเขาพรรคกล้าธรรม และได้รับเลือกตั้งเป็น สส.สมใจ

บิ๊กโอ เป็นคนรุ่นใหม่ มีฐานเสียงแน่นในพื้นที่ อ.ฉวาง นครศรีธรรมราช 

มีภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ ไฟแรง

พรรคกล้าธรรมเน้นสร้างคนรุ่นใหม่และตัวแทนแนวความคิดใหม่ บิ๊กโอจึงอาจได้รับโอกาสในบทบาทที่ใหญ่ขึ้นทั้งในระดับพรรคและระดับชาติ

หากเขาทำงานได้ดีในสภาฯ และสะสมประสบการณ์การเมือง เขาอาจได้รับโอกาสก้าวขึ้นเป็นแกนนำคนรุ่นใหม่ภายในพรรค หรือได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญ เช่น โฆษกพรรค หรือกรรมาธิการในสภา

ถ้าพรรคกล้าธรรม หวังขยายฐานภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนครศรีธรรมราช จาก 1 เป็น 2 หรือ 3 ก็ควรสนับสนุนให้บิ๊กโอลงชิงในตำแหน่งที่สูงขึ้น เช่น รัฐมนตรี ประธานกรรมาธิการ หรือ เลขาธิการพรรคในอนาคต

ด้วยวัยวุฒิคุณวุฒิ ถือว่า เหมาะสม ถ้าพรรคต้องการสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้เข้ามามีบทบาททางการเมือง  แม้ประสบการณ์ในการบริหารยังน้อย แต่เป็นเรื่องที่เรียนรู้กันได้ มีที่ปรึกษาดีๆ เหมือนพรรคสนับสนุนอรรถกร ศิริลัทธยากร ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใหญ่ ก.เกษตรและสหกรณ์ มาแล้ว ส่วนจะเป็นกระทรวงไหน ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรอง

ฝากไว้ให้กรรมการบริหารพรรคกล้าธรรมพิจารณาคนรุ่นใหม่ ใจถึงครับ

 #นายหัวไทร

 #ทำเฒ่าเรื่องเพื่อน

 #พรรคกล้าธรรม

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โฆษณา


วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้