BRNยอมรับวางระเบิดแล้วยิงซ้ำ 2 พ่อลูก ตชด.ที่ศรีสาคร ครูกล่าวทั้งน้ำตาขาดกัปตันเรือแล้วไม่รู้จะเอาอย่างไร(ชมคลิป)
ส่วนแม่ทัพภาค4จัดทำแผน3ระดับลดความสูญเสีย มั่นใจแผน รปภ.นายกฯลงพื้นที่พุ่งนี้
สำหรับความคืบหน้ากรณีคนร้ายลอบวางระเบิดแล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงซ้ำ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ ครูใหญ่โรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ ช่างกลปทุมวันอนุสรณ์ 13 และ ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ ครูสอนวิชาเกษตร โรงเรียนเดียวกัน ซึ่งเป็น 2 พ่อลูก เสียชีวิต ก่อนที่คนร้ายจะขโมยอาวุธปืนหลบหนีไป 2 กระบอก เหตุเกิดบนถนนสายศรีสาคร - ลูโบ๊ะยือริง ช่วงบริเวณบ้านไอร์กือแด ม.4 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 ม.ค.68 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด กลุ่มขบวนการโจรก่อการร้าย BRN หรือ BARISAN REVOLUSI NASIONAL ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟรสบุ๊ค ด้วยข้อความว่า ด้วยพระนามแห่งอัลเลาะห์ผู้ส่งปรีชาและเมตตายิ่ง ขอกล่าวคำว่า แท้จริงพวกราเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะห์ และแท้จริงพวกราจะกลับไปยังพระองค์ แต่พลรบสยามไทยที่เสียชีวิต
จากการปกป้องผืนแผ่นดินที่ปล้นชิงมา แม้ด้วยภาระหน้าที่ของท่านถูกมอบหมายให้เป็นครู แต่ด้วยภาระหน้าที่หลักของท่านคือ พลรบ ท่านจึงมิอาจหลีกหนีจากการสู่รบได้ การเสียชีวิตของท่านถือเป็นการพลีชีพแต่สยามไทยอย่างแน่วแน่ แม้จะเสียดายผู้มากด้วยฝีมือและประสบการณ์ แต่ในสถานะนักรบจึงมิอาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้และทำลายได้ ซึ่งถือว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ขบวนการก่อการร้าย BRN ได้ออกมายอมรับการกระทำในครั้งนี้
ซึ่งต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ ช่างกลปทุมวันอนุสรณ์ 13 ตั้งอยู่ ม.4 ต.ศรีบรรพตอ.ศรีสาคร หลังจากที่ 2 พ่อลูก ตชด.เสียชีวิต พบว่า โรงเรียนดังกล่าวปิดการเรียนการสอน และคาดว่าจะทำการเปิดการเรียนการสอนอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค.68 เนื่องจากครูผู้ปกครองและนักเรียนต่างเสียใจกับความสูญเสียกระทันหันต่อ 2 พ่อลูก ตชด. ที่อุทิศตนและเสียสละเพื่อเด็กเยาวชนที่อาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดาร
โดยทางผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพบ จ.ส.ต.หญิงยามีละห์ เจ๊ะแม็ง และได้พูดคุย พร้อมกับพาไปเดินชมโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ที่ พ.ต.ท.สุวิชย์ ครูใหญ่ ได้ทุ่มเทและเสียสละที่จะซ่อมแซมโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่และไก่เนื้อ ที่มีความชำรุดทรุดโทรมพร้อมกับที่จะขยับขยายให้ใหญ่กว่าเดิม เพื่อที่จะเลี้ยงไก่ทั้ง 2 สายพันธุ์ให้มีจำนวนมากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ให้เด็กในโรงเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล3 ถึง ป.6 จำนวน 115 คน ได้รับประทานอาหารกันอย่างทั่วถึง ส่วนที่เหลือตั้งใจจะนำแจกจ่ายให้นักเรียนนำไปให้ผู้ปกครองใช้เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เพื่อต่อยอดเป็นอาชีพในครัวเรือน
ด้าน จ.ส.ต.หญิงยามีละห์ กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังเป็นคำถามอยู่ในใจ ในเมื่อคนขับเรือหรือกัปตันเรือนี่ไม่อยู่แล้ว แล้วคนที่นั่งเรือจะเอาอย่างไรต่อ เมื่อวานพอเกิดเหตุการณ์ปุบได้ใหผู้ปกครองมารับลูกๆ ครูมันช็อกกับเหตุการณ์มันทำใจไม่ได้ คือตอนนี้ยังมึนว่าไม่รู้จะทำอย่างต่อ เพราะว่าเราผูกพันกับแกอยู่ๆแกก็จากไปอย่างกะทันหัน
น.ส.ไซดา มะแซ (เสื้อลายเขียว ผ้าคลุมผมสีดำ) ศิษย์เก่าโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านละโอ ตอนนั้นเป็นลูกศิษย์ตอนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 แถวบ้านละโอ ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร เผยกับผู้สื่อข่าวว่า
ตอนนี้ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกันครูเป็นคนดีมากๆและตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้ ที่จะต้องเสียคนดีๆไป ซึ่งครอบครัวนี้เป็นคนดีมากทั้งครอบครัว ซึ่งเดือนที่แล้วยังไปที่บ้านอยู่เลย เราอยู่ด้วยกันเหมือนพี่น้อง ปรึกษาได้ทุกเรื่องช่วยเหลือทุกอย่าง ครูมาอยู่ที่นี่ตอนนั้นยังอยู่ ป. 2 แล้วตอนนี้อายุก็ 35-36 แล้ว
ครูอยู่ที่นี่มานานมากแล้วชาวบ้านที่นี่ก็รักครูมากด้วย ครูเป็นคนที่เข้ากับชาวบ้านได้ดีและชาวบ้านเองก็รักแกหมดทุกคน เป็นลูกศิษย์รุ่นแรกที่ครูมาสอนที่นี่ก่อนที่จะย้ายไปสอนที่บ้านตืองอ ครูสอนหลายอย่างทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ครูไม่เพียงแต่สอนยังให้คำแนะนำและปฏิบัติเองด้วย
ซึ่งตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะไปขายของที่พัทลุงบ้านของครูโดยครู ให้พื้นที่ขายของโดยไม่คิดค่าเช่าแล้วเวลาเดินทางไปกลับก็จะได้ติดรถครูกลับ และเทอมหน้าก็คิดไว้ว่าจะย้ายลูกสาวไปเรียนที่พัทลุงด้วยแต่ตอนนี้ทุกอย่างมันพังหมดแล้ว ตอนแรกมีคนมาบอกว่าครูวิทย์เสียตอนนั้นตกใจมากยังไม่เชื่อแล้วสตาร์ทรถไปดูด้วยตัวเองเห็นรถสีขาว คิดแล้วว่าใช่ครูจริงๆด้วย
ด้าน พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้จัดทำแผนพิทักษ์กำลังพล ซึ่งการ รปภ.แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ การ รปภ.ด้วยตัวเองต้องรู้ตัวเองว่าเป็นเป้าหมายหรืออย่างไร ถ้าพื้นที่ตังเองอยู่ล่อแหลมก็ต้อง มาหาพื้นที่ที่ปลอดภัยอยู่ยอมเสียค่าเช่าบ้านมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย มาตรการ รปภ.ในชุมชนหรือด่าน ต้องมีทั้งผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่นหรือลูกบ้านต้องมาร่วมกันดูแล
ส่วนกำลังฝ่านปกครองทหารตำรวจมีแผนการปฏิบัติงานในพื้นที่อยู่แล้ว ต้องเข้าใจว่าฝ่ายตรงกันข้ามก็พยายามหาช่องว่างในการก่อเหตุ แล้วก็ในส่วนการขอความร่วมมือที่สำคัญ พี่น้องประชาชนในพื้นที่ต้องช่วยกันการแจ้งข่าวสารความเคลื่อนไหว สิ่งผิดปกติที่พบกับทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4 ส่วนหน้าให้รับทราบ จะได้ร่วมกันป้องกันหรือว่าแจ้งเตือน เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามดูแล
นอกจากนี้ พล.ท.ไพศาล แม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้กล่าวถึงภารกิจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 ชจต.ในวันที่ 16 ม.ค.68 นี้ว่า การรักษาความปลอดภัยต่างๆนายกรัฐมนตรี มาตรการต่างๆเรามีอยู่แล้ว ทั้งชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก เป็นไปตามที่เรากระทำอยู่แล้ว ร่วมกันทั้งฝ่ายตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น