โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2566

เกมพลิก ส่ง ”เฉลิมชัย“ ลงชน ”มาดามเดียร์“แทน ”นราพัฒน์“

 เกมพลิก ส่ง ”เฉลิมชัย“ ลงชน ”มาดามเดียร์“แทน ”นราพัฒน์“

…..


”เสียง สส.ส่วนใหญ่เรายังผนึกกำลังกันแน่นเหมือนเดิม“ เป็นคำยืนยันจาก ”แทน-ชัยชนะ เดชเดโช“ สส.นครศรีฯ พรรคประชาธิปัตย์ อันเป็นการตอกย้ำว่า ขั้วของ ”เฉลิมชัย ศรีอ่อน-เดชอิศม์ ขาวทอง“ ยังคงเดินหน้าสู้ยึดพรรคประชาธิปัตย์มาบริหาร

ภาพปรากฎชัดเมื่อ สส.21 คนมาตั้งวงคุยกันวิเคราะห์อนาคตกับการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนที่ 9 ในวันที่ 9 ธันวาคม อันเป็นการตั้งวงวิเคราะห์หลังจาก ”มาดามเดียร์“ วทันยา บุนนาค หรือวงศ์โอภาศรี ตัดสินใจเปิดตัวลงชิงหัวหน้าพรรค พร้อมประกาศเจตนารมณ์ ”ฟื้นฟูพรรค เรียกศรัทธาคืน“ ตามด้วยการออกคลิปส่งสัญญาณเจตนารมณ์ไปยังสมาชิกพรรคทั่วประเทศถึงความมุ่งมั่น

เอาเป็นว่ากระแสตอบรับดีเกินคาด ”นิด้าโพลล์“ เป็นเครื่องยืนยันว่า มาดามเดียร์มาเต๋งหนึ่ง แต่มีคะแนนไม่ตัดสินใจมากถึง 28% เลือกมาดามเดียร์ 27% ”นราพัฒน์“ และ ”อภิสิทธิ์“ ยังตามหลังมาดามเดียร์




ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือถูกกลุ่ม สส.สาย ”เฉลิมชัย-เดชอิศม์“ ประเมินว่า นราพัฒน์ แก้วทอง ต้องแพ้ ”มาดามเดียร์“ จึงลงมติเปลี่ยนม้ากลางศึก ส่งเทียบเชิญ ”เฉลิมชัย“มาลงชิงหัวหน้าพรรคเอง แต่เฉลิมชัยยังไม่ตัดสินใจ ขอเวลา 1-2 วันในการตัดสินใจ ส่วนตัว #นายหัวไทร อยากให้เฉลิมชัยตัดสินใจบนพื้นฐานของเหตุและผล ไม่ใช่เกิดจากแรงยุ แรงเชียร์ 


เหตุและผลที่ว่า คือภารกิจหนักในการนำพาพรรค ฟื้นฟูพรรค เรียกศรัทธาพรรคจากประชาชนกลับคืนมา อุดมการณ์ของพรรคต้องกลับมาพิจารณาทบทวน ตรงไหนสึกหรอ กร่อนไป จะเสริมเข้ามาอย่างไร เพื่อให้พรรคมีความเป็นพรรคที่ทันสมัย เขาผลักให้ไปอยู่ฝ่ายอนุรักษ์ก็ยอม ไม่ดันตัวเองไปอยู่ฝ่ายก้าวหน้า เสรีนิยมประชาธิปไตยตามอุดมการณ์ของพรรค


เหตุอีกประการที่ไม่ควรลืม คือการที่เฉลิมชัย ประกาศกร้าวบนเวทีว่า ”ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ สส.น้อยกว่าเดิม จะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต จะกลับไปประจวบคีรีขันธ์ ถ้าเฉลิมชัยกลับมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เท่ากับ“เฉลิมชัย” ตระบัตสัตย์“ครั้งสำคัญ นักการเมืองจำนวนไม่น้อยเสียผู้เสียคนกับการตระบัตสัตย์ นักการเมืองต้องพูดจริงทำจริงไม่ทิ้งประชาชน

เมื่อประกาศวางมือทางการเมืองแล้ว ก็ไม่ควรมาจุ้นจ้านอะไรอีก ควรผันตัวเองไปทำอย่างอื่น ไม่ควรอยู่แม้กระทั้งเบื้องหลัง รักษาการหัวหน้าพรรคก็ไม่ควรรับแล้ว ถ้ายังมีใจรักประเทศชาติประชาชน ก็ยังมีบทบาทอื่นรองรับได้ ทำงานได้ มูลนิธิ สมาคม หรืออะไรก็ได้ที่สามารถช่วยเหลือชาติประชาชนได้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเมือง พรรคการเมือง

การเมืองไม่ใช่เรื่องของการแข่งขันเพื่อชัยชนะเพียงด้านเดียว การเมืองมีหลากหลายมิติ แต่นักการเมืองที่ก้าวเข้ามาคิดว่าทำอย่างไรให้ชนะ ทำอย่างไรในการช่วงชิง ”อำนาจรัฐ“ มาอยู่ในมือ เข้าใจได้ว่า การแก้ไขปัญหาบางอย่างต้องใช้งบประมาณของรัฐ ต้องใช้อำนาจรัฐ ต้องใช้กลไกของรัฐเป็นเครื่องมือ


แต่สถานการณ์ปัจจุบันของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการช่วงชิงอำนาจบริหารพรรค เพื่อนำพาพรรคไปเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ชาติประชาชน แต่เป้าหมายคือพวกพ้อง และผลประโยชน์ บรรดาโหวตเตอร์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือตัวสำรอง ยังมีเวลาในการนั่งสมาธิ ให้เปิดปัญญา ตั้งสติคิดให้รอบคอบ เดินเข้าสู่ห้องประชุมโดยไม่มีแรงจูงใจอื่น นอกจากสติที่คิดได้ ปัญญาที่มุ่งหวังดีต่อชาติบ้านเมือง


อุดมการณ์ประชาธิปัตย์จะยังไม่ตายหรอก ถ้าพลพรรคทั้งหลาย มีสติ มีปัญญา และมุ่งมั่นต่อชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้งตามเจตนารมณ์ของ ”ควง อภัยวงศ์“ ผู้ก่อตั้งพรรค เมื่อ 77 ปีก่อน

…..

 #นายหัวไทร

 #หัวหน้าประชาธิปัตย์

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น