โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2566

ยิ่งใหญ่! “จุรินทร์” นำทัพเปิดตัว 99 ผู้สมัครอีสาน ชู “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ”ประกาศพาคนอีสานร่ำรวยด้วย “อีสาน เชื่อมโลก”

 ยิ่งใหญ่! “จุรินทร์” นำทัพเปิดตัว 99 ผู้สมัครอีสาน ชู “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ”ประกาศพาคนอีสานร่ำรวยด้วย “อีสาน เชื่อมโลก”

 


 เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2565 เวลา 10.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนนำทีมผู้บริหารของพรรค อาทิ นายนิพนธ์ บุญญามณี นายไชยยศ จิรเมธากร รองหัวหน้าพรรค  คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส. บัญชีรายชื่อ นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค ร่วมงาน “รวมพลัง ประชาธิปัตย์” เพื่อเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ท่ามกลางเสียงเชียร์ “ประชาธิปัตย์ สู้ๆ” “จุรินทร์เป็นนายกฯ”

 

 นายจุรินทร์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า การเปิดตัวผู้สมัครในภาคอีสานวันนี้มีความพร้อม โดยจะเปิดตัวผู้สมัครส.ส. ภาคอีสาน จำนวนทั้งหมด 99 เขตเลือกตั้ง จาก 132 เขต ไม่รวมบัญชีรายชื่อ ที่พรรคจะประกาศในโอกาสต่อไป แต่สำหรับบัญชีรายชื่อนั้นจะมีผู้ที่มีศักยภาพในภาคอีสานเข้าร่วมด้วย ส่วนผู้สมัครเขตที่เหลือ อีก 33 เขตจะรอการแบ่งเขตที่มีความชัดเจนก่อน ทั่วประเทศพรรคจะส่งครบทั้ง 400 เขต บวกบัญชีรายชื่อ 100 คน ส่งครบทั้ง 500 คน

  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า “อีสานเชื่อมโลก” เป็นวิสัยทัศน์ประชาธิปัตย์ ที่จะขับเคลื่อนอีสานไปสู่ความร่ำรวยต่อไปในอนาคต เพราะวันนี้ถึงเวลาที่จำเป็นต้องพาภาคอีสานทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะเชื่อมไทยแต่ต้องพาอีสานเชื่อมโลก ด้วยเส้นทางคมนาคม ด้วยการท่องเที่ยว ด้วยการค้า รวมถึงการค้าชายแดน ซึ่งมีความสำคัญกับอีสานมาก และที่สำคัญคือเชื่อมโลกด้วยซอฟต์พาวเวอร์ ศิลปวัฒนธรรม อัตลักษณ์ของความเป็นอีสาน ที่สามารถขายให้คนทั้งโลกได้เพื่อสร้างเงิน สร้างอนาคตให้คนอีสานต่อไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือวิสัยทัศน์อีสานเชื่อมโลกของประชาธิปัตย์ที่จะทำให้คนอีสานทั้งหมด นอกจากนโยบายอื่นๆ อีกอย่างน้อย 8 นโยบายที่ได้ประกาศไปแล้ว

 

  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวอีกว่า ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมทุกจังหวัดในภาคอีสาน คนอีสานนั้นเป็นคนสร้างประชาธิปัตย์ เพราะผู้ก่อตั้งพรรค เมื่อปี 2489 เป็น ส.ส. จากภาคอีสาน 13 คน ประชาธิปัตย์จึงเป็นพรรคของคนอีสาน เพียงแต่บางช่วงมีผู้แทนมากบ้าง น้อยบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ประวัติศาสตร์ได้บอกกับเราว่าคนอีสานไม่เคยทิ้งประชาธิปัตย์ เพราะตั้งแต่ปี 2500 ที่มีการเลือกตั้งมาแล้ว 16 ครั้ง ประชาธิปัตย์ได้ผู้แทนในภาคอีสานตลอด ไม่ว่าจะเป็นผู้แทนเขต ผู้แทนบัญชีรายชื่อ เราก็มีผู้แทนตลอด ซึ่งสะท้อนให้เป็นว่าคนอีสานสร้างประชาธิปัตย์มาแล้วก็ไม่เคยทิ้งประชาธิปัตย์ และประชาธิปัตย์ก็พร้อมรับใช้คนอีสานต่อไป

 

 “พรรคประชาธิปัตย์ เราสู้กับตัวเอง สู้กับความเชื่อมั่นศรัทธาที่เรายึดมั่นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และมั่นใจว่าความเชื่อมั่น ศรัทธาที่ประชาชนคนอีสาน และคนไทยทั้งประเทศที่มีต่อประชาธิปัตย์ดีขึ้นเป็นลำดับ ตลอดระยะเวลาหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์มีผลงานชัดเจนเป็นรูปธรรม จับต้องได้ รวมทั้งเรามีผลงานที่ทำให้กับคนอีสาน ไม่ว่าจะเป็นประกันรายได้ จ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกร ซึ่งพิสูจน์ชัดเจนว่าเรา #ทำได้ไวทำได้จริง และยังมีนโยบายอื่นๆ ที่จะประกาศต่อไปว่าเราจะทำอะไรให้คนอีสานบ้าง” นายจุรินทร์กล่าว

 ผู้สื่อข่าวถามถึงความมั่นใจในพื้นภาคใต้ในขณะนี้ซึ่งถือเป็นพื้นที่เป้าหมายของหลายๆ พรรค ซึ่งนายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคมีความมั่นใจ ซึ่งประชาธิปัตย์ส่งครบทั้ง 58 เขต และได้เตรียมผู้สมัครไว้ก่อนหน้านี้นานแล้ว โดยจะมีการเปิดตัวในวันที่ 11-12 ก.พ. ทั้ง 58 เขต ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนวันที่ 29 มกราคมนี้จะมีการเปิดตัวผู้สมัครจังหวัดภูเก็ต ทั้ง 3 เขต

 ภาพรวมในภาคใต้นั้น ผมยังมั่นใจว่าเสียงตอบรับประชาธิปัตย์ดีขึ้น วันนี้กับเมื่อวานก็มีความแตกต่างแล้ว และผลการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา 2-3 ครั้ง ประชาธิปัตย์ก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสงขลา ชุมพร และพื้นที่อื่นๆ เพราะฉะนั้นเรามั่นใจว่าเที่ยวหน้า ประชาธิปัตย์ในภาคใต้ดีขึ้น คราวที่แล้วเราได้แค่ 22 แต่เที่ยวนี้ไม่ 22 แล้ว อาจจะเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัวก็เป็นไปได้ จากทั้งหมด 58 เขต” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

 นายจุรินทร์กล่าวว่า พรรคจะเดินหน้าตามแนวทางของเราต่อไป โดยขายอุดมการณ์ ขายผลงาน และขายความตั้งใจจริงที่เรารับใช้พี่น้องคนภาคใต้มายาวนาน รวมทั้งยังมีจุดขายความเป็นสถาบันการเมืองที่ชื่อว่า “ประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ” เรามีนโยบายอะไร บอกอะไรกับพี่น้องประชาชน วันข้างหน้าเราต้องมาพบกับประชาชนอีก ไม่ใช่ 2-3 ปี 4 ปี ไปตามตัวไม่เจอแล้ว สำหรับประชาธิปัตย์ไม่เป็นอย่างนั้น ประชาชนฝากผีฝากไข้ในทางการเมืองไว้กับประชาธิปัตย์ได้

 

ผมยังมั่นใจว่าประชาธิปัตย์ในภาคใต้ หรือคนปักษ์ใต้ ในการเลือกตั้งเที่ยวหน้า กับการเลือกตั้งเที่ยวที่แล้ว ผมคิดว่ามีความแตกต่างกัน เมื่อวานกับพรุ่งนี้ไม่เหมือนกันแล้ว คราวที่แล้วประชาชนอาจจะตัดสินใจการเลือกตั้งที่ภาคใต้ด้วยกรณีเฉพาะที่เกิดขึ้นในทางการเมือง แต่เที่ยวหน้าผมเชื่อว่าจะมีปัจจัยอื่นเข้ามาเพิ่มเติมมากขึ้น และมีความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นพรรคการเมืองที่เป็นตัวยืนอยู่สำหรับพี่น้องชาวภาคใต้ 

ผมยังมั่นใจอย่างนั้น และอีสานก็เหมือนกัน ผมก็มั่นใจว่าเที่ยวหน้าอีสานเราจะดีกว่าเดิม เลือกตั้งคราวที่แล้วประชาธิปัตย์ได้ผู้แทนเขตเพียง 2 คน แต่ก็มีบัญชีรายชื่ออีก 4 คน ถือว่าเรามีตัวแทนจากภาคอีสาน 6 คน ที่ทำหน้าที่ในปัจจุบัน เลือกตั้งเที่ยวหน้าก็น่าจะได้เสียงตอบรับที่ดีขึ้น เราทำการบ้านมา 3 ปีกว่าๆ อย่างไม่เคยหยุด และทำงานให้คนอีสานมาตลอด โดยเฉพาะประกันรายได้ จ่ายเงินส่วนต่าง ถือเป็นความชัดเจนที่สุด และอนาคตก็มี อีสานเชื่อมโลก ที่จะได้ขับเคลื่อนต่อไปให้กับคนอีสาน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่านายจุรินทร์ พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งนายจุรินทร์กล่าวว่า หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนต้องพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะตอนที่สมาชิกพรรคเลือกหัวหน้าพรรคนั้น เลือกด้วย 2 เหตุผล 1. เลือกคนที่พร้อม และมีศักยภาพที่จะมานำพรรคได้ มาเป็นหัวหน้าพรรคได้ 2. ต้องพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ถ้าเป็นแกนตั้งรัฐบาล ประชาธิปัตย์เข้าใจเรื่องนี้อยู่แล้ว คนจะมาเป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องเข้าใจเรื่องนี้ ที่ต้องพร้อมอย่างน้อย 2 เรื่องนี้

 ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาธิปัตย์จะตัดสินใจร่วมรัฐบาลอีกหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่ขอพูดว่าจะเป็นอะไรในรัฐบาลหน้า แต่ขอนับหนึ่งจากประชาชนก่อน ให้ประชาชนเป็นผู้ให้คำตอบว่า เขาจะเลือกพรรคไหนมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ขอให้ประชาชนเป็นคนแรกที่ตอบ พรรคการเมืองต้องตอบทีหลัง ถ้าตอบก่อนประชาชนก็สะท้อนให้เห็นว่าวิถีทางประชาธิปไตยมันบิดเบี้ยวไปแล้ว เพราะประชาธิปไตยนั้นต้องนับหนึ่งจากประชาชนให้คำตอบก่อน ระบบนี้ก็เหมือนกันใครรวมเสียงข้างมากได้ คนนั้นก็เป็นรัฐบาล ใครเป็นเสียงข้างน้อยก็เป็นฝ่ายค้าน

 เพราะฉะนั้นจะทราบได้อย่างไรว่าใครรวมเสียงข้างมากได้ ก็ต้องรอผลการเลือกตั้ง ประชาธิปัตย์เคารพหลักการอันนี้ เพราะมันคือวิถีประชาธิปไตยระบบรัฐสภาที่เราเชื่อมั่นและยึดมั่นมาตลอด อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น