นิพนธ์ฯ รับปากช่วยร้านอาหารต้มยำกุ้ง หลังประธานเครือข่ายฯทั่วประเทศมาเลเซีย ยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือเรื่องชีวิตความเป็นอยู่และปัญหาเอกสารที่เกี่ยวเนื่องกับเอกสารราชการ (มีคลิป)
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2565 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
ในระหว่างการเดินทางเพื่อเยี่ยมเยียนและร่วมพบปะกับกลุ่มเครือข่ายร้านอาหารต้มยำกุ้ง
ในประเทศมาเลเซีย ของนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) และคณะ
ระหว่างวันที่ 2-5 ธ.ค. โดยนายนิพนธ์ รองหน.พรรคปชป.
ได้เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกันกับประธานชมรม Ukhuwah Mr. Johari Bin
Ahmad และกลุ่มเครือข่ายร้านอาหารต้มยำกุ้งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ฯว่า
ปัจจุบันการมาทำงานในประเทศมาเลเซียของกลุ่มคนไทยนั้นมีปัญหาหลายอย่างที่ต้องการให้รัฐบาลไทยได้เข้ามาช่วยเหลือแก้ไขเร่งด่วนเนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานและการใช้ชีวิตของกลุ่มคนไทยที่มาทำงานฯที่นี่
โดยทางกลุ่มฯได้ร้องขอให้ช่วยเหลือในเรื่อง
-
การแจ้งเกิด-แจ้งตายที่ปัจจุบันมีรายละเอียดและขั้นตอนการทํางานที่ยุ่งยาก
และหลายขั้นตอน
-
การอํานวยความสะดวกในการออกใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ในประเทศมาเลเซีย
-
การอำนวยความสะดวกในการออกหนังสือเดินทาง(Passport) ให้กับคนไทยที่เดินทางมาทํางาน
ให้สามารถต่ออายุ/ทำใหม่ได้ที่สถานทูตฯ
-
การกำหนดรายละเอียดการออกใบอนุญาตให้เข้ามาทํางานในประเทศมาเลเซีย (Work
Permit) โดยกำหนดประเภทแรงงาน/ราคา
-
การส่งเสริมกิจกรรมการแข่งขันกีฬา และกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ของคนไทยที่เดินทางมาทํางานในประเทศมาเลเซีย
- การจัดหาครูผู้สอนและสื่อการเรียนการสอนภาษาไทยให้กับเด็กที่ครอบครัวพามาพักอาศัย หรือ ที่แม่คนไทยคลอดในประเทศมาเลเซียด้วย ซึ่งปัจจุบันเด็กที่เดินทางมากับผู้ปกครองนั้นไม่สามารถสื่อสารและใช้ภาษาไทยได้
นายนิพนธ์ กล่าวว่า การร้องขอความช่วยเหลือดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขเพราะกลุ่มคนที่ร้องขอมานั้นก็ถือเป็นคนไทยเช่นเดียวกัน โดยรายละเอียดต่างๆนั้น โดยส่วนตัวคิดว่าบางอย่างสามารถดำเนินการได้ทันที อย่างการจัดกิจกรรมกีฬาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์นั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้คนไทยในต่างแดนได้รู้จักกันมากขึ้น สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในเรื่องต่างๆ
ส่วนในเรื่องพาสปอร์ต
และใบอนุญาตการทำงานต้องมีการประสานกับกระทรวงต่างประเทศ และทางการมาเลเซีย ต่อไป
ซึ่งจะรับไปดำเนินการต่อรวมทั้งประเด็นอื่นๆตามที่กลุ่มฯได้ร้องขอมา
ซึ่งต้องถือว่ากลุ่มคนเหล่านี้ได้ทำรายได้เข้าประเทศและหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจของจังหวัดชายแดนใต้ของเราส่วนหนึ่งด้วย
///
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น