นายหัวไทร จับตามอง จุดโฟกัส แก้รัฐธรรมนูญ ใครจะโหวตตัดอำนาจตัวเอง
แก้รัฐธรรมนูญ ใครจะโหวตตัดอำนาจตัวเอง ;นายหัวไทร
…..
วันที่ 6-7
จะเป็นวันประชุมรัฐสภา ซึ่งหมายถึงการประชุมร่วมกันของสมาชิกวุฒิสภา
และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นเอง ซึ่งมีระเบียบวาระการประชุมอยู่หลายเรื่อง
แต่วาระสำคัญคือการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีอยู่ 5
ร่าง รวมถึงร่างของนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยยาย
พรรคเสรีรวมไทย อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ล่ารายชื่อประชาชน เสนอขอแก้ไข
ม.272
ตัดอำนาจของสมาชิกวุฒิสภาในการออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี
นายสมชัย ในฐานะคณะผู้รณรงค์แก้ไข ม.272
ได้เขียนประเมินเสียงในรัฐสภา ในการประชุมเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ในบทเฉพาะกาลมาตรา 272
ประเด็นการตัดอำนาจสมาชิกวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรีในช่วง 5
ปีแรกของรัฐสภา ตามที่ประชาชน 64,151 รายชื่อเสนอ ว่า
“ประเมินเสียง ส.ส. และ ส.ว.
ประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี
สำหรับการประชุมรัฐสภา 6-7 กันยายน 2565
1.สิ่งที่ต้องการ คือ
คะแนนเสียงรวมเกินครึ่งของรัฐสภา คือ ประมาณ 365
เสียง โดยในจำนวนดังกล่าว ต้องมี ส.ว.อย่างน้อย 84
เสียง
2.สิ่งที่คาดว่าจะได้จาก ฝั่ง ส.ส. คือ
น่าจะความเห็นไปในทางเดียวกันทั้ง 100% ว่าสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว เพราะหากพรรคใดบอกว่า
อยากให้ ส.ว.ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี คงเป็นประเด็นจุดอ่อนในการหาเสียง ดังนั้น
คะแนนฝั่ง ส.ส. น่าจะได้จาก ส.ส. เกือบทั้งหมดที่มาประชุม ประมาณ 300-400
เสียง
3.สิ่งที่คาดว่าจะได้จากฝั่ง ส.ว. คือ
น่าจะได้เสียงสนับสนุนไม่เกิน 40 เสียง จาก ส.ว.ที่มาประชุมประมาณ 150
คนจาก 250 คน
โดยส่วนใหญ่ที่เหลือจะเลือกใช้วิธีงดออกเสียง มากกว่า ลงมติไม่รับ
4.หากแก้ไขสำเร็จ
ถือว่าเป็นสิ่งดีต่อระบบการเมืองไทย ที่คืนสู่ภาวะปกติ
เข้าสู่การแข่งขันทางการเมืองที่เป็นธรรม ลดความขัดแย้งในสังคม แต่หากไม่สำเร็จ
ถือเป็นเชื้อต่อความสำเร็จของฝ่ายประชาธิปไตยในอนาคต
การสะท้อนเสียงจากการประเมิน สรุปความได้ว่า
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของนายสมชัยจะไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา เพราะมีเสียง
สว.ไม่ถึง 84 เสียง หรือ 1/3
นั้นเอง เหตุที่ประเมินว่าจะได้นับเสียงสนับสนุนจากสว.ไม่ถึง 1/3
เพราะเป็นการแก้ไขเพื่อตัดอำนาจของ สว.ในการโหลตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้นเอง
ไม่เกี่ยวกับหลักการประชาธิปไตยอะไร
ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน สว.มาจากการสรรหา และแต่งตั้งโดย พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 250 คน โดยมี 6
คนมาโดยตำแหน่งจาก ผบ.เหล่าทัพต่างๆ รวมถึงปลัดกระทรวงกลาโหม
และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย อยู่ในวาระ 5 ปี
และใน 5 ปีนี้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีได้
สว.ชุดนี้ใช้สิทธ์ในการลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 1
ครั้ง และถ้าเสร็จสิ้นการเลือกตั้งครั้งหน้าปี 2566
สว.ชุดนี้ก็ยังมีสิทธ์ออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีได้อีก 1
ครั้ง เว้นเสียแต่ว่า มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.272
ได้สำเร็จด้วยการตัดสิทธิ์ของ สว.ในการออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีออกไป
ถ้าแก้ไขไม่สำเร็จ สว.250
คนก็ยังคงสิทธิ์ในการออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก 1
ครั้ง ก็ถือว่ายังเป็นคราบไครของเผด็จการที่ยังหลงเหลืออยู่ในระบอบประชาธิปไตย
ที่มี 250 เสียงอยู่ในมือไม่ต้องลงสู้สนามเลือกตั้ง
ในการเลือกตั้งครั้งหน้าฝ่ายมีอำนาจปัจจุบันเพียงรวมเสียง สส.ให้ได้เกินกึ่งหนึ่ง
หรือ 251 เสียงก็จะเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว
โดยมีเสียง สว.250 เสียงรองรังอยู่แล้ว
แต่ถ้าฝ่ายเรืองอำนาจปัจจุบัน รวมเสียงได้ไม่ถึง 251
เสียง แปลความได้ว่า อีกฝ่ายรวบรวมเสียงได้มากกว่า
ก็จะเป็นฝ่ายที่ชอบธรรมในการฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล
เพียงแต่ว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจาก สว.หรือไม่เท่านั้นเอง ถ้า
สว.ไม่ออกเสียงสนับสนุนก็ไม่อาจจะจัดตั้งรัฐบาลได้ เว้นเสียแต่ว่า
สว.สำเนียกนึกถึงเสียงของประชาชนที่เลือกตั้งอีกฝ่ายหนึ่งเข้ามามากกว่า
ยอมโหวตให้ผ่าน
นี้เป็นอีกก้าวย่างของกระบวนการประชาธิปไตยของไทยเรา
ถ้าฟังตามการประเมินเสียงของอ.สมชัย โอกาสจะตัดอำนาจ สว.ในการออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีแทบจะไม่มีเลย…อนิจจาประชาธิปไตย
#นายหัวไทร
#แก้รัฐธรรมนูญ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น