โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2565

ถึงเวลา ปชป.ปรับตัว หารัฐมนตรีใหม่แทน “นิพนธ์” สัญญาณ “นริศ ขำนุรักษ์” มาแรง

 ถึงเวลา ปชป.ปรับตัว หารัฐมนตรีใหม่แทน “นิพนธ์” สัญญาณ “นริศ ขำนุรักษ์” มาแรง

…….




       “นิพนธ์ บุญญามณี” แสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกนะทรวงมหาดไทย หลังสำนักงาน ป.ป.ช.ส่งสำนวนฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กรณีไม่เบิกจ่ายให้บริษัทที่ชนะการประมูลรถอเนกประสงค์ของ อบจ.สงขลา หลังตรวจสอบพบว่ามีการสมยอมราคา (ฮั้วประมูล) โดยทางจังหวัดสงขลาสั่งให้ชะลอการจ่าย แต่ ป.ป.ช.กลับมองว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ (ม.157) ตามประมวลกฎหมายอาญา

       การตัดสินใจลาออกของ“นิพนธ์” ได้รับเสียงเชียร์ปรบมือให้ถึงการแสดงออกทางการเมือง ช่วยยกระดับศักดิ์ศรีของนักการเมือง เป็นการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเมื่อคดีเข้าสู่ขบวนการพิจารณาของศาล 

     โดยนิพนธ์ยืนยันพร้อมสู้คดีในขั้นศาล โดยมีวสันต์ พร้อมพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ สุทัศน์ เงินหมื่น รับร่วมกันเป็นทนายความแก้ต่างใหม่


“บัดนี้ คดีได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลยุติธรรมแล้ว ผมไม่มีความประสงค์จะใช้ตำแหน่งรัฐมนตรี และเวลาราชการเพื่อต่อสู้คดีแต่อย่างใด ดังนั้นผมจึงได้ทำหนังสือกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรีขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2565 เป็นต้นไป 


      เมื่อนิพนธ์ลาออก ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในโควต้าของพรรคประชาธิปัตย์ว่างลง 1 ตำแหน่ง ซึ่งก่อนหน้านี้มีตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลงแล้วสองตำแหน่ง คือการปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พ้นตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยเกษตร และปลด ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้นตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยแรงงาน และยังมีกรณีศาลสั่งให้ “กนกวรรณ วิลาวัณย์” หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยศึกษา ในโควต้าของพรรคภูมิใจไทย

      เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน อาจจะถึงเวลาปรับคณะรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างลง เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพียงแต่ถ้าจะปรับคณะรัฐมนตรีจะปรับเพียง 3-4 ตำแหน่ง หรือปรับใหญ่ เพื่อรองรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

     ขอกล่าวเฉพาะในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยึดหลักอาวุโส ความรู้ความสามารถเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมือง จึงน่าจะถึงเวลาของ “ชินวรณ์ บุณยะเกียรติ์ รองประธานวิปรัฐบาล เพราะนอกจากอาวุโสแล้ว ยังมีคุณวุฒิ วัยวุฒิที่เหมาะสม แต่มีประเด็นว่า ชินวรณ์เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นกระทรวงใหญ่มาแล้ว จะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยไหม





      ถ้าพิจารณาลำดับรองลงมา “นริศ ขำนุรักษ์” สส.พัทลุง

ประชาธิปัตย์ 5 สมัย เคยได้รับคะแนนเลือกตั้ง เป็นอันดับ 5 ของประเทศ หรือ Top 5 เป็นรองประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อดีตรองโฆษกพรรค อดีตเลขานุการวิปฝ่ายค้าน  นริศ ยืนหยัดสู้กับการเมืองในพื้นที่พัทลุงอย่างเข็มข้น

จนได้รับชัยชนะมาตลอด ติดดินคลุกพื้นที่ มีบทบาทในสภา เมื่อครั้งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ว่างลง “นริศ”ก็ติดโผ 1/4 แต่สุดท้ายพรรคเลือก “สินิตย์ เลิศไกร” สส.สุราษฎร์ธานี ไปเป็นรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ ทำให้นริศตกขบวนไป

      ถ้าพิจารณาลำดับอาวุโสถัดมาน่าจะเป็น “กันตวรรณ ตันเถียร” สส.หลายสมัยของจังหวัดพังงา ลูกสาวของ “นายหัวบรม ตันเถียร” มีหลายคนยกมือเชียร์ “กันตวรรณ” คนบ้านเดียวกับ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีพาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์


แต่ไม่ควรมองข้าม “เดชอิศม์ ขาวทอง” ที่เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้อยู่ เพียงแต่ด้อยอาวุโสทางการเมือง เพราะเพิ่งเป็น สส.สมัยแรก ลำดับบัญชีน่าจะยังไม่ถึง ถ้าจะเข้าวินก็ต้องออกแรงล็อบบี้กันไม่น้อย

     ถ้าคิดว่า สัดส่วนรัฐมนตรีของนิพนธ์ เป็นโควต้าภาคใต้ ก็น่าจะมีแค่นี้ที่อยู่ในข่ายพิจารณา แต่ถ้าไม่ใช่โควต้าภาคใต้ ก็จะยังมีชื่อ “อลงกรณ์ พลบุตร” ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ ทำงานขยันขันแข็ง และเริ่มมีการล่ารายชื่อสนับสนุนกันบ้างแล้ว แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการขยายฐานภาคเหนือก็ควรจะเพ่งมองไปยัง ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือนราพัฒน์ แก้วทอง ด้วย

     กล่าวสำหรับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว นอกจากหาคนแทนนิพนธ์แล้ว น่าจะสั่นไหวไปถึงกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ด้วย เพราะมี “คลื่นใต้น้ำ” กดดันให้มีการเปลี่ยนตัว เพราะมองว่า “จุติ ไกรฤกษ์” ไม่เวิร์ค ไม่มีแอ็คชั่นอะไรที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดหนักๆของไวรัสโควิด 19 ทั้งๆที่เป็นกระทรวงหลักในการดูแลชีวิตมนุษย์ แต่กลับเป็นกระทรวงที่สงบนิ่ง แถมในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ “จุติ”ก็โดนอ่วม ไม่นอนทำการบ้านอยู่ 1 คืน จึงมาตอบญัตติไม่ไว้วางใจในอีกวันต่อมา

      คงจำกันได้ว่า 1 วันก่อนลงมติไว้ใจ มีการวิ่งล็อบบี้จากระดับรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ท่านหนึ่ง เพื่อล้มจุติ เพียงแต่แผนนี้ไม่สำเร็จเท่านั้นเอง

     “ในพรรคมีการพูดกันมากแล้ว บอกให้ปรับตัว ทำงานเชิงรุก ก็ยังไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง” เสียงบ่นมาจากหลังพระแม่ธรณีบีบมวยผม

      ที่สำคัญมีเสียงกระซิบถึงความไม่มั่นใจว่า เลือกตั้งครั้งหน้า “จุติ” ยังจะมีโลโก้พระแม่ธรณีบีบมวยผมอยู่อีกหรือไม่ ควรจะดับไหแต่ต้นลมหรือไม่


     การปรับ ครม.ถ้าจะมีขึ้น คงรอหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยฐานะ 8 ปีการเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรึโอชา ผ่านไปแล้ว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คงไม่ทำอะไรเกินหน้าเกินตาในช่วงรักษาการนายกรัฐมนตรี ท่านคงมีมารยาทพอ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ น้องรักยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ เพียงแค่พักการทำหน้าที่เท่านั้นเอง

      

     การปรับ ครม.ที่จะมีขึ้นมีเป้าหมายเพื่อสร้างความคึกคักเข้มข้นขึ้นในการทำงานของรัฐบาล เพื่อเดินไปสู่ชัยชนะของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอีก 6 เดือนข้างหน้า

……

 #นายหัวไทร

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น