ตำนานการสร้าง “วัดเพ็ญญาติ”
กับ “หลวงปู่กล่อม”
……นายหัวไทร
“กาโตะ” อดีตรักษาการเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติ
ต.กะเปียด อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ออกมายอมรับกับพิธีกรข่าวคนหนึ่งแล้วว่า
ได้เบิกเงินของวัดเพ็ญญาติออกไป ๖00,000
บาทจริง เพื่อนำเงินไปให้กับคนกลางในการเจรจาปิดข่าวฉาวกรณีกาโตะมีสัมพันธ์สวาทกับ
“สาวตอง” เหนืออ่างเก็บน้ำกะทูน
กะโตะออกมายอมรับว่าเบิกเงินไป ๖00,000 บาทจริง หลังทีข่าวลับออกมาว่า
กาโตะเบิกเงินวัดไป แต่กะโตะยืนยันว่าจะยืมเงินญาตินำเงินไปคืนวัดในวันนี้ (๔
พฤษภาคม ๒๕๖๕)
กล่าวถึงวัดเพ็ญญาติ ตั้งอยู่บนเนินเขา
หลังสถานีรถไฟกะเปียด อ.ฉวาง ท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงาม มีโบสถ์หลังใหญ่สวยงาม
มีศาลาการเปรียญไม้อายุกว่า 100 ปี
มีวิหาร “หลวงปู่กล่อม” อันเป็นวิหารที่เก็บสังขารของหลวงปู่กล่อมนั้นเอง
ซึ่งสังขารหลวงปู่กล่อม ไม่เน่าเปื่อย
ประวัติการก่อตั้งวัดเพ็ญญาติไม่แน่ชัดนัก
ไม่มีบันทึกที่ชัดเจน แต่ทราบว่ามีความเชื่อมโยงกับวัดบุปผารามวรวิหาร
กรุงเทพมหานคร โดยหลวงปู่กล่อม พระธรรมวราลังการ เป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดเพ็ญญาติ
ตั้งแต่สมัยเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสวิหาร
และไม่ว่าจะย้ายไปวัดไหนท่านก็ยังมุ่งมั่นสร้างวัดเพ็ญญาติ บ้านเกิดจนแล้วเสร็จ
โดยมีพระหนุ่ม พระครูถาวรวิหารกิจ (หนุ่ม ถาวโร)พระผู้น้องเป็นคนดูแลวัด
วัดเพ็ญญาติหลวงปูกล่อมสร้างติดต่อกันมาตลอดหลายสิบปี
กระทั่งท่านอาพาธถึงต้องหยุดทำทุกสิ่งทุกอย่าง
ปัจจุบันนับว่าเป็นวัดที่สมบูรณ์วัดหนึ่งในต่างจังหวัด
มีอุโบสถที่ค่อนข้างใหญ่สวยงาม (ถ่ายแบบไปจากพระอุโบสถวัดบุปผาราม
ยกเว้นใต้อุโบสถวัดเพ็ญญาติสร้างเป็นถังเก็บน้ำฝนเต็มพื้นที่ของอุโบสถ)
ศาลาการเปรียญกว้างใหญ่ ๒ ชั้น กุฎีที่พระสงฆ์ ๔๐ รูป อยู่จำพรรษาได้ โรงครัว
การประปาเฉพาะภายในวัด และโรงเรียนประชาบาล ท่านก็สร้างขึ้นมาเอง
กล่าวถึงพระธรรมวราลังการ (หลวงปู่กล่อม)เป็นคนกะเปียด
อ.ฉวางโดยกำเนิด เมื่อ อายุ ๒๑ ปี
ได้อุปสมบทที่วัดท่าโพธิ์ ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๖
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๓ ตรงกับขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีจอ เวลา ๑๔.๐๐ น.
มีพระรัตนธัชมุนี (ม่วง รตนธโช) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระวินัยธรนุ่น วัดเพชรจริก
เป็นพระกรรมวาจาจารย์ มีชื่อฉายาว่า อนุสฺเสโน
ภายหลังเมื่อย้ายเข้ามาอยู่วัดราชาธิวาสวิหาร พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมวโรดม
(อุตฺตมเถร) ได้เปลี่ยนฉายาให้ใหม่ว่า อนุภาโส
พ.ศ. ๒๔๕๓ - ๒๔๕๕ จำพรรษาที่วัดเพชรจริก
ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ๓ พรรษา
พ.ศ. ๒๔๕๖ จำพรรษาที่วัดพระนคร ต.
ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ๑ พรรษา
พ.ศ. ๒๔๕๗ จำพรรษาที่วัดท่าโพธิ์
ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ๑ พรรษา
พ.ศ. ๒๔๕๘ - ๒๔๗๘ จำพรรษาที่วัดราชาธิวาสวิหาร แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ๒๑ พรรษา และเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสวิหาร
วันศุกร์ ที่ ๑ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘
ได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบุปผาราม แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร
และต่อมาได้เป็นเจ้าคณะธรรมยุตอำเภอจังหวัดธนบุรี เป็นรองเจ้าคณะภาค ๑๖ ๑๗ ๑๘
เป็นรองเจ้าคณะภาค ๑๖ ๑๗ ๑๘ จนถึงวันเสาร์ ที่ ๒๗ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๒๙ รวมเวลา
๕๑ พรรษา
พระธรรมวราลังการเป็นผู้มีอุปนิสสัยอย่างพระโพธิสัตว์
มากด้วยเมตตากรุณาและเสียสละอย่างสูง ท่านมีจิตใจเข้มแข็งอย่างยิ่งในการทำความดี
แต่ไม่เข้มแข็งเลยในการลงโทษคนผิด
พระภิกษุสามเณรหรือศิษย์วัดประพฤติผิดที่ช่วยแก้ไขไม่ได้ ต้องลงโทษตามความผิดนั้นๆ
ท่านร้องไห้ให้เห็นหลายครั้ง พูดแล้วพูดอีกว่าสงสารเหลือเกิน
แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ท่านถือคติประจำใจว่าพระภิกษุสามเณรศิษย์วัดและประชาชนทั่วไป
ที่มีอายุรุ่นลูกหลานล้วนแต่เป็นลูกหลานของท่านทั้งนั้น พยานก็คือ
ท่านสามารถทำความสะอาดที่บำบัดทุกข์สาธารณะได้โดยไม่รังเกียจ
ท่านถามเพื่อให้ทุกคนสบายใจว่า พ่อแม่ทำความสะอาดให้ลูก ๆ พ่อแม่รังเกียจไหม? คำตอบที่ได้ก็คือว่า
เมื่อทุกคนเป็นลูกท่าน ท่านทำความสะอาดให้ลูก ๆ จะเป็นไรไป
ท่านมีความเคร่งครัดในการรักษาปฏิบัติพระวินัย จารีตประเพณีของคณะ
ขยันในการทำวัตรเช้าเย็น แม้พระเณรหนุ่ม ๆ ก็สู้ไม่ได้
ไม่พูดถ้อยคำเพ้อเจ้อปราศจากประโยชน์และคำหยาบคายเลย ไม่สั่งสมและไม่ติดในปัจจัย ๔
กับปิยภัณฑ์ที่ได้รับถวายเป็นส่วนตัว
ใช้ในการบำเพ็ญประโยชน์สาธารณะเช่นสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ในพระพุทธศาสนา
และสงเคราะห์อนุเคราะห์คนทั้งหลาย ทำบุญกุศลในโอกาสต่างๆ เป็นต้น
อาพาธและอวสานกาล
พระธรรมวราลังการ
บรรพชาอุปสมบทแล้วตั้งใจบำเพ็ญประโยชน์ตนประโยชน์ท่านตลอดมาเป็นเวลา ๗๐ ปีเศษ
ถึงปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๒ ก็เริ่มอาพาธเพราะความชรามีอาการปอดบวม หัวใจโต
เส้นเลือดตีบตัน เป็นต้น นายแพทย์ปัญญา ส่งสัมพันธ์ และภรรยาท่าน (คุณชลูด
ส่งสัมพันธ์) ได้รับและถวายการรักษาพยาบาล ไว้ที่โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา
ด้วยการรักษาอย่างดีที่สุดเท่าที่วิทยาการทางแพทย์ในสมัยนั้นจะพึงมี
ถึงวันเสาร์ที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๙ เวลา ๐๔.๑๐ น. ก็มรณภาพด้วยความสงบ
หน้าของท่านที่ถึงมรณภาพช่างเหมือนหน้าของท่านผู้สิ้นกิเลสแล้ว ไม่ยินดีไม่ยินร้าย
ไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่เศร้าโศก ไม่ชื่นบาน เป็นหน้าของท่านผู้วางเฉยด้วยอุเบกขาญาณ
ซึ่งเข้าถึงสันตบทสงบระงับความเวียนว่ายตายเกิด ที่จะถูกปรุงแต่งด้วยวิชา ตัณหา
อุปาทาน กรรม เป็นสิ่งยืนยันว่าการปฏิบัติสมถวิปัสสนากรรมฐานของท่าน
มาตลอดเวลาหลายปีนั้นไม่ไร้ผลโดยแท้แล
ก่อนมรณภาพท่านสั่งลูกศิษย์ไว้ว่า
ให้นำสังขารของท่านไปเก็บไว้ที่วัดเพ็ญญาติ และห้ามไม่ให้เผา ปรากฏว่า
สังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย ยังคงเก็บไว้ในวิหารจนถึงทุกวันนี้
และนี้คือประวัติย่อๆของวัดเพ็ญญาติ และหลวงปูกล่อม ผู้ก่อตั้งวัด
มีบทเพลงอีกมากมาย จากนักร้องดังหลายคนที่แต่ง และขับร้องเกี่ยวกับประวัติหลวงปู่กล่อม
Cr ;ภาพเพจวัดเพ็ญญาติ
#นายหัวไทร #วัดเพ็ญญาติ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น