ชายแดนใต้หลังโควิด! เอกชนขานรับเวทีศอ.บต.ร่วมแก้เศรษฐกิจ
ศอ.บต.เปิดเวทีถก “ฝ่าวิกฤติโควิด-19
ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้” ร่วมแลกเปลี่ยนถอดบทเรียนสู่การพัฒนา
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
(ศอ.บต.) จัดสัมมนา “ฝ่าวิกฤติโควิด-19
ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้” มีวิทยากร ประกอบด้วย นาวาเอก จักรพงษ์
อภิมหาธรรม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศอ.บต., นายธนวัตน์
พูนศิลป์ ประธานหอการค้า จังหวัดสงขลา, นายศิริชัย ปิติเตริญ
ประธานหอการค้าจังหวัดปัตตานี, นายรักชาติ สุวรรณ
ประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้ และ นพ.กิ๊ฟลัน ดอเลาะ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ
โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ร่วมนำสัมมนาโดย นายสมชาย สามารถ
บรรณาธิการศูนย์ภาคใต้เครือเนชั่น และ นายชัยวุฒิ บุญวิวัฒนาการ
รองประธานสภาวิทยาลัยชุมชนสงขลา ถ่ายทอดสดทางเพจศ.อบต. และสงขลาโฟกัส วันที่ 3
พฤศจิกายน 2564 เวลา 13.00 - 16.00 น.
นาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม กล่าวว่า ศอ.บต.
เป็นหน่วยที่ทำหน้าที่ในการเชื่อมโยงและบูรณาการของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้
รวมถึงภาคท้องถิ่น เป็นบทบาทตามพ.ร.บ.ของศอ.บต. ปี 2553 โดย
ทำงานร่วมกันกับทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนชายแดนภาคใต้ไปสู่สันติสุข
ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีภายใต้วิถีพหุวัฒนธรรม
ล่าสุด ดัชนีความเชื่อมั่นในจังหวัดชายแดนใต้
ซึ่งได้จัดทุกๆ 3 เดทอนพบว่า
ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและสังคม
ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายนที่ผ่านมา ปรับตัวดีขึ้นอยู่ระดับขึ้น A52
ประชาชนได้สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาหลักในขณะนี้
คือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 รองลงมาคือ ปัญหา
เรื่องปากท้อง
และปัญหาที่ต้องการให้แก้ไขเร่งด้วยคือ ค่าครองชีพ
การผ่อนคลายมาตรการของรัฐบาล
ทำให้กิจการบางส่วนกลับมาดำเนินการได้อีกครั้งหนึ่ง
ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตในประจำวันอย่างปกติมากขึ้น
และไตรมาสนี้เป็นช่วงที่ผลผลิตทางการเกษตรของชายแดนใต้ทั้ง ทุเรียน มังคุด ลองกอง
ช่วยบรรเทารายได้ของเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย
นาวาเอก จักรพงษ์
กล่าวถึงการพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพพื้นที่ หลังจากสถานการณ์โควิด-19
เริ่มคลี่คลายลง
ศอ.บต.ได้วางแผนการดำเนินร่วมกับกระทรวงกรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลักๆ
คือเรื่องเศรษฐกิจภาคเกษตร ตลาดจะต้องนำการผลิต ส่วนที่สอง
จะต้องมีวิชาการและงานวิจัยรองรับ
“การขับเคลื่อนงานศอ.บต.ในระยะเร่งด่วนมุ่งเน้นเศรษฐกิจฐานราก
ไปเชื่อมระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลมุ่งสู่เมืองต้นแบบใน 4 เมือง” นาวาเอก
จักรพงษ์ กล่าว และว่า
ธุรกิจฐานรากครัวเรือนชุมชนมุ่งเน้นภาคเกษตรจะแบ่งตามลักษณะภูมิศาสตร์
ทั้งชายทะเล พื้นที่ราบ รวมถึงการปลูกผลผลิตทางการเกษตรส่งเสริมการปลูกทุเรียน
มังคุด ลองกอง และในครัวเรือน
ชุมชนจะเน้นเรื่องปลูกไผ่เศรษฐกิจเพื่อรองรับโรงไฟฟ้าชีวมวล
ส่วนระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลได้ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
จะขับเคลื่อนเมืองปูทะเลโลกชายแดนใต้
จะฟื้นฟูนิคมอาหารฮาลาลที่ปานาเระกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
เช่นเดียวกันชายแดนใต้มีเสน่ห์เรื่องผลไม้จะขับเคลื่อนต่อไป
โครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
จะเริ่มเมืองหนองจิกอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป เช่นเดียวกับโกลก เมืองการค้าชายแดน 9
ด่าน ตั้งแต่สตูล-ตากใบ
“ขณะนี้
ศอ.บต.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนอย่างเต็มรูปแบบ
เตรียมความพร้อมการเปิดประเทศ”
อีกเมืองคือ
ท่องเที่ยวที่เบตงมาติดสถานการณ์โควิด-19 อย่างเดียว เพราะก่อนหน้านี้
มีคนมาเที่ยวอัยเยอร์เวง 2 แสนคน ตรงนี้จะขับเคลื่อน
ต่อ โดยเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เข้ามา
โดยมติที่สำคัญ 1. การแก้ปัญหาประมงปัตตานี
2. ไม้เศรษฐกิจ 58 ชนิด จะขับเคลื่อนต่อประมาณ 2 แสนไร่ในกรอบ 5 ปี
ส่งเสริมพืชเศรษฐกิจ โดยเฉพาะไม้โตเร็ว 3. คือ การวิ่งภายในภูมิประเทศในปี
2565
4. การแก้ไขปัญหาความยากจน จะนำร่องให้ราชการดูแลคนจนก่อนเพื่อแก้ปัญหาให้คนจนหมดไป
5. ปัญหาน้ำท่วมทุกปีที่ปากน้ำเทพา ก็เร่งแก้ปัญหาในตรงนี้ให้ดีขึ้น 6.
ด่านการค้าชายแดนเปิดประเทศ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา
ด่านที่ต้องการขับเคลื่อนให้เร็วที่สุดคือ ด่านสุไหงโก-ลก และสะเดา
นาวาเอก จักรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ใบยางร่วง
เป็ยปัญหาที่ได้รับอนุมัติเงินจากการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) มาแก้ไขอย่างเร่งด่วน
สำหรับแรงงานไทยที่กลับมาจากมาเลเซียประมาณ 20,000 คน
ขณะนี้ได้จัดหางานให้ทำได้ประมาณ 10,000 คน
สุดท้ายคือนักศึกษาไทยจากต่างประเทศที่ไปเรียนมา 27 ประเทศ
ประมาณหนึ่งหมื่นคนต้องกลับมา ศอ.บต.ก็เข้าไปช่วยเหลือดูแลในส่วนนี้
นายศิริชัย ปิติเตริญ กล่าวว่า
การพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนใต้ ต้องยอมรับว่าแตกต่าง จากพื้นที่อื่น
เราเป็นพื้นที่ที่มีความเปราะบางด้านเศรษฐกิจมาตลอด ยังต้องได้รับการช่วยเหลื่อจากภาครัฐโดยที่ไม่มีปัญหาเรื่องโควิด-19
เข้ามา อยากให้ภาครัฐมองว่าการเข้ามาดูแลเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนใต้
รวมถึงสงขลาต้องมีความแตกต่างในพื้นที่อื่น
“แต่ละจังหวัดมีปัญหาต่างกัน
สงขลามีโรงงานอุตสาหกรรม มีการท่องเที่ยว ซึ่งกระทบไปหมด ยะลามีเบตง นราธิวาสมีสุไหงโก-ลก
ปัตตานีมาจากอุตสาหกรรม ประมง และกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบระยะยาว
เวลานี้โควิด-19 ค่อยๆ ดีขึ้น แต่ชายแดนใต้ยังติดอันดับสูง
ถ้าจะกลับมากอบกู้ตรงนี้ในแต่ละจังหวัดที่มีฐานเดิมต้องดึงตรงนั้นกลับมา
หลังจากนั้นก็หาของใหม่อาจจะต้องใช้ระยะเวลา”
สิ่งที่ต้องมองในอนาคตคือ นโยบายการเงินการคลัง
ต้องดูแลเป็นกรณีพิเศษแตกต่างจากที่อื่น ขณะเดียวกัน
ก็ต้องหาภาคอุตสาหกรรมอื่นมาทดแทน
“นิคมอุตสาหกรรมที่จะนะ
อยากให้นโยบายส่งผลทางด้านเศรษฐกิจลงมาถึงจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
เรื่องนี้ัอยากฝากถึงศอ.บต.และประธานหอการค้าสงขลาด้วย” นายศิริชัย
กล่าว และว่า
การที่เราจะฟื้นเศรษฐกิจเมื่อโควิด-19
คลี่คลายยังยืนยันว่าปัตตานียังต้องการประมงเข้ามา
รอสงขลาที่จะส่งนักท่องเที่ยวเมื่อเปิดเมืองแล้วมายังสามจังหวัดชายแดนใต้และขอบคุณศอ.บต.ที่ทำหลายๆ
โครงการขึ้นมา อย่างเช่น ทุเรียน เป็นต้นเพื่อให้เศรษฐกิจชายแดนใต้กลับคืนมาให้ได้
นายธนวัตน์ พูนศิลป์ กล่าวว่า
ตนได้มองข้ามสถานการณ์โควิด-19 ไปแล้ว
การแก้ไขปัญหาต่างๆก็ได้ทำการแก้ไขไปบ้างแล้ว
และไม่กี่วันทุกอย่างคงเข้าสู่สภาวะปกติ ถ้าเรามองในการขับเคลื่อน 5
จังหวัดชายแดนใต้ สงขลา สตูล นราธิวาส ปัตตานี ยะลา
เห็นด้วยกับประธานหอการค้าจังหวัดปัตตานี
คือจังหวัดปัตตานีต้องเร่งอุตสาหกรรมอาหารผู้ประกอบการประสบปัญหากับประมงมาหลายปี
เป็นความโชคดีของสามจังหวัดชายแดนใต้
ยะลา ปัตตานี นราธิวาส
ถือว่ากระทบเรื่องโควิด-19 ถ้าเทียบกับสงขลาน้อยมาก เพราะภาคที่กระทบมากที่สุดคือ
ภาคท่องเที่ยว และธุรกิจบริการสามจังหวัดชายแดนใต้ยังน้อย
ถ้าเทียบกับสงขลาคือมหาศาล แต่สงขลาโชคดีว่าเรามีเครื่องยนต์หลายตัว
ในการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ 1.
ระบบราชการต้องการกำลังคุณภาพสูง 2.
การลงทุนเรื่อง
โลจิสติกส์ 3. การแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง 4. สินค้า
การเกษตรและการเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง 5.
แก้ปัญหาการก่อการร้าย ยกเลิกพื้นที่สีแดงสงขลา 6.
ภาครัฐและศอ.บต.ผลักดันแผนอย่างจริงจัง 7. ลดความยากจน มีความคุ้มครองสังคม และ 8.
SMEs เข็มแข็งศักยภาพสูงแข่งขันได้
“ถ้ามองในขณะนี้ศอ.บต.ได้ทำงานไปเยอะมากทั้งด้านการศึกษา
ทางด้านอาชีพ การสร้างงาน
ถ้าได้ขับเคลื่อนอย่างจริงจัง
น่าจะไม่มีคนจนเหลืออยู่ใน 5 จังหวัด ถ้าอีก 3 ปีข้างหน้า คนจนยังเหลืออยู่
ในสามจังหวัด ผมคิดว่าการขับเคลื่อนไม่ได้ผล”
ประธานหอการค้าสงขลา กล่าวด้วยว่า
ถ้าจะสร้างการตลาดต้องมาคุยกับเอกชน โดยใน 5
จังหวัดชายแดนใต้มีผลผลิตการเกษตรคุณภาพสูง จะต้องเกิด อาหาร พืช สัตว์
ผลไม้ต้องมีคุณภาพสูง
ต่อมาคือ
การยกระดับสินค้าและการแปรรูปต้องมีโรงงานแปรรูปอย่างรวดเร็ว
รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนสร้างงานสร้างอาชีพจะต้องจริงจัง
สุดท้ายคือ
การท่องเที่ยวสามจังหวัดมีเสน่ห์การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ทำอย่างไรก็ได้ให้คนในจังหวัดตัวเองมาเที่ยวก่อน
นายรักชาติ สุวรรณ กล่าวว่า
ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ภาคประชาสังคมลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านมาก
หลายองค์กรปรับบทบาทของตัวเองมาทำอาหารเพื่อนำไปช่วยเหลือชาวบ้านที่กักตัว
ปัญหาที่เจอกันจริงๆ คือการไม่ให้ข้อมูล ทำให้เราดูแลชุมชนค่อนข้างยาก
“ปัญหาต่อมาคือ
ความไม่ไว้วางใจอดีตเรื่องความมั่นคงในพื้นที่
แต่ปัจจุบันเริ่มไม่ไว้วางใจคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงโควิด-19
จึงต้องความพยายามอธิบายในคนในพื้นที่ต่างๆ เข้าใจ”
อีกทั้ง ยังมีความไม่ไว้วางใจ
กลุ่มคนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน
“ที่ปานาเระ
ไม่มีประเด็นคัดค้านโรงงานอุตสาหกรรมฮาลาล
แต่กังวลใจเมื่อเป็นฮาลาลเขารับคนทำงานเฉพาะมุสลิมหรือไม่
ก็ได้อธิบายไปว่าพี่น้องพุทธเขาก็รับแต่ต้องทำตามกฎระเบียบ” นายรักชาติ
กล่าว
เช่นเดียวกับ นพ.กิ๊ฟลัน ดอเลาะ ที่กล่าวว่า
ถ้าดูสถานการณ์โลกอาจจะมีระลอกที่ 5 เพราะเชื้อโรค
ปรับตัวตลอดเวลา
ส่วนสถานการณ์ของสามจังหวัดชายแดนใต้ตัวเลขจะสูงขึ้นเรื่อยๆ
และเริ่มลดลงแต่ยังวางใจไม่ได้
ส่วนตัวคิดว่าสาเหตุที่ลดลงเพราะว่าติดเชื้อกันจำนวนมากเลยมีภูมิคุ้มกันหมู่และบวกกับการฉีดวัคซีนที่ช่วยยับยั้ง
ซึ่งปัจจุบันสามจังหวัดชายแดนใต้มีการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น น่าจะอยู่ระดับกลางๆ
ของประเทศ ถือเป็นเรื่องที่ดี
ภาคปกครองน่าจะเข้ามามีบทบาทในการจัดการปัญหานี้ด้วย
ได้ตั้งข้อสังเกตในพื้นที่ที่มีภาคปกครองที่ทำงานเข้มแข็ง จริงจัง เด็ดขาด
การแพร่ระบาดจะดีขึ้นเร็วและควบคุมได้ และคิดว่าปกครองน่าจะมีบทบาทที่สุดในสามจังหวัดชายแดนใต้ก็อยากจะฝากให้ศอ.บต.
ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการประสานงาน
หลังจากนี้
ก็เป็นการฟื้นฟูทั้งร่างกายสภาพจิตใจ ถ้ามองเรื่องของโครงสร้าง หนึ่งคือ
ราชการเป็น
ตัวหลักในการขับเคลื่อนสามจังหวัดชายแดนใต้
สองเอกชน สามการเมือง สี่ประชาสังคม และห้าคือ กลุ่มศาสนาจะมีบทบาทมากในพื้นที่
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น