กระบี่ โค่นยาง หันมาทำเกษตรผสมผสาน ชีวิตเปลี่ยน
เป็นข้าราชการก็ไม่เป็นอุปสรรค มีกินเงินเหลือเก็บ (ชมคลิป)
ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก
นี่คือแนวคิดของนายวันชัย สุภาพ อายุ 48 ปี
ข้าราชการตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการชำนาญงานสถานีพัฒนาที่ดินกระบี่
ที่ได้ยึดหลักการทำเกษตรแบบพอเพียง โดยได้มีการปรับเปลี่ยนสวนยางพารา เนื้อที่ 3
ไร่ มาทำเป็นสวนเกษตรผสมผสานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ผ่านมา 1 ปี
มีทุกอย่างที่อยากกิน เหลือแบ่งขาย นำรายได้กลับมาจุนเจือครอบครัว
จนวันนี้ทำให้ชีวิตและครอบครัว มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นายวันชัย เล่าว่า เมื่อปี 2561
มีสวนยางพารา อยู่ประมาณ 3
ไร่ ตั้งอยู่บ้านคลองทับหัวกา ม.5 ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่
ด้วยภาวะที่ราคายางพาราตกต่ำจึงคิดที่จะโค่นยางทิ้ง โดยได้ปรึกษากับครอบครัว
ว่าหลังจากโค่นยางแล้วก็จะทำเกษตรผสมผสาน ต้นทุนการปลูกน้อย ผลผลิตเติบโตเร็ว
เป็นที่ต้องการของตลาด และที่สำคัญสามารถนำมาบริโภคได้ในครัวเรือน
แต่สุดท้ายความคิดลงตัว และลงมือทำจนชีวิตดีขึ้น
นายวันชัย กล่าวว่า จากวันนั้นถึงวันนี้
สวนเกษตรผสมผสานของตน กำลังให้ผลผลิตของกล้วยน้ำหว้า มะละกอ ตะไคร้ ถั่วพลู แตงกวา
ชะอม มันสำปะหลัง มะนาว ข้าวโพด ขมิ้น ข่า
และพืชผักอื่นๆซึ่งเป็นพืชผักที่สามารถนำมาบริโภคได้ในครัวเรือนและเป็นที่ต้องการของตลาด
โดยเฉพาะถั่วพลูกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ในทุกวันจะมีพ่อค้า แม่ค้ามารับซื้อถึงหน้าบ้าน
ราคากิโลกรัมละ 40 บาท และบางช่วงจะมีราคาสูงถึง 60
บาทต่อกิโลกรัม โดยแม่ค้าจะซื้อไปทำผักเหนาะ และเมนูเด็ดยำถั่วพลู
รายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 1
หมื่นบาท
นายวันชัย กล่าวอีกว่า
โดยในสวนเกษตรผสมผสานจะมีผลผลิตจากพืชที่ปลูกมากกว่า 10
ชนิด หมุนเวียนกันออกผลผลิตในแต่ละรอบแตกต่างกัน
ทำให้มีผลผลิตในสวนนำมาปรุงอาหารทุกวัน
ไม่ต้องซื้อที่เหลือก็เก็บขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่มารับซื้อถึงบ้าน
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ก็ตัดสินใจอยู่นาน
เนื่องจากอาชีพสวนยางพาราเป็นอาชีพดั้งเดิมของครอบครัว ขณะเดียวกันตนกับภรรยาก็รับราชการอยู่ด้วยเกรงว่าจะไม่มีเวลาทำสวน
จึงเริ่มวางแผนทำการบ้านตั้งแต่ก่อนโค่นยาง
โดยเห็นโมเดล โครงการพัฒนาที่ดินของสถานีพัฒนาที่ดินกระบี่ เนื้อที่ 200
ไร่ ในพื้นที่ ต.ปลายพระยา โดยแนวคิดของ ผอ.ประสิทธิ์ แสงภักดี
จัดสรรพื้นที่ของรัฐให้ชาวบ้านที่ยากจน ไม่มีที่ดินทำกิน คนละ 2
ไร่ ทำเกษตรผสมผสาน ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชการที่ 9
ลองกลับมาลงมือทำ
วันจันทร์-วันศุกร์ ซึ่งเป็นเวลาราชการ
ใช้เวลาก่อนและหลังเลิกงาน วันเสาร์-อาทิตย์ ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับสวน
เป็นความโชคดี ที่สวน กับบ้านอยู่ติดกัน ส่วนที่ทำงานก็อยู่ห่างออกไปไม่ถึง 2
กม.ใช้เวลาเดินทางไปทำงานไม่ถึง 10 นาที จึงมีเวลาดูแลสวน
และทำงานโดยไม่เบียดบังเวลาราชการ
วันนี้มียอมรับว่ามีความสุขกับการทำสวนเกษตรแบบผสมผสานมาก
และที่สำคัญมีเวลาอยู่กับครอบครัว โดยพืชผักทุกอย่างที่ปลูกในสวนปลอดภัยจากสารเคมี
เนื่องจากปลูกเพื่อบริโภคเอง ทำให้ขายดีทุกวัน รายได้เป็นเงินเก็บให้ครอบครัว
ส่วนเงินเดือนประจำจากการรับราชการทั้งของตนและของภรรยา ก็นำไปใช้ที่จำเป็น
และเป็นความโชคดีของตนอีกอย่างก็คือได้ทำงานรับราชการในสถานีพัฒนาที่ดินกระบี่
เป็นแหล่งความรู้เกี่ยวกับการเกษตรให้ศึกษาได้อย่างไม่รู้จบสิ้น
นายวันชัย ได้กล่าวด้วยว่า
ในช่วงของการระบาดของเชื้อโรคไวรัสโควิด 19 ร้านค้าห้างร้านต่างๆปิดหมด
ครอบครัวของตนไม่เดือดร้อน มีผัก มีผลไม้กินทุกวัน
และยังแบ่งปันให้เพื่อนบ้านได้อีกด้วย
ด้าน นายประสิทธิ์ แสงภักดี ผอ.สถานีพัฒนาที่ดินกระบี่
กล่าวว่า การทำเกษตร ผสมผสาน ตามศาสตร์ของพระราชาหลักเศรษฐกิจพอเพียง
เปลี่ยนจากเกษตรเชิงเดี่ยวมาเป็นเกษตรสวนผสมผสานในการเลี้ยงชีพ
สามารถสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว เหมือนอย่างครอบครัวของนายวันชัย
สามารถเป็นแบบอย่างให้กับข้าราชการและคนอื่นๆได้ หากไม่ขี้เกียจ ไม่มีจน ไม่อดตาย
แน่นอน
ในบางครั้งการทำงานเกษตรไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่มากมาย
ก็สามารถนำศาสตร์ของพระราชามาใช้ได้
โดยนำมาวางรูปแบบการทำเกษตรผสมผสานในการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์
ซึ่งทางหน่วยงายภาครัฐในกระทรวงเกษตรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างก็ยินดีที่จะสนับสนุน
สำหรับสถานีพัฒนาที่ดินกระบี่ ก็มีโมเดลการจัดรูปแบบที่ดินการทำเกษตรผสมผสาน เนื้อ
200 ไร่ แบ่งให้ครอบครัวละ 2
ไร่ ในพื้นที่ อ.ปลายพระยา พบว่าชาบ้านที่เข้าร่วมโครงการฯกำลังเก็บเกี่ยวผลผลิต
มีรายได้ครัวเรือนละไม่ต่ำกว่า 300-500 บาทต่อวัน .....
กระบี่///ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน
27/05/63
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น