นักวิชาการยะลามอง การมาเยี่ยม จังหวัดชายแดนใต้ของ นายราฮิม นูร์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ในพื้นที่

  นักวิชาการยะลามอง การมาเยี่ยม จังหวัดชายแดนใต้ของ นายราฮิม นูร์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ในพื้นที่

    เมื่อวันที่  17 มิ.ย.62 ดร.ตายูดิน  อุสมาน อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา กล่าวถึงการเดินทางของ พล.ต.อ. อับดุลราฮิม นูร์ อดีต ผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย ผู้อำนวยการอำนวยความสะดวกการพูดคุยสันติสุขกับกลุ่มมาราปัตตานี ฝ่ายประเทศมาเลเซีย มาพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับภาคประชาสังคม

 และประธานคณะกรรมการอิสลามในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า การที่ดาโต๊ะราฮิม นูร์ มาพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกที่ได้รับการแต่งตั้งจากประเทศมาเลเซีย การลงมาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งจากการมาพบมาเยี่ยม  มารับฟังข้อมูลซึ่งมาทั้ง 4วัน ซึ่งถือว่าเป็นการมารับฟัง บุคลิกของท่านเป็นคนที่รับฟังจริงๆการมาครั้งนี้ไม่ได้พบฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พบทุกฝ่ายแม้ว่าจะเป็นพี่น้องตัวแทนภาคประชาสังคม ก็รู้อยู่แล้วว่าภาคประชาสังคมมีบทบาทสำคัญในเรื่องของการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

นอกจากนั้นก็มาพบผู้นำศาสนาและมาพบกับเจ้าหน้าที่และมาพบกับชาวบ้าน ที่สำคัญพิเศษคือได้เชิญนักการเมืองที่ซึ่งได้รับการเลือกตั้งล่าสุดมาเจอด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการมาในครั้งนี้ มาเพื่อรับฟังปัญหา มาแบบต้องการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จริงๆโดยทำหน้าที่ในบทบาทของผู้อำนวยความสะดวก การมาทั้ง4วัน บุคลิกของคนที่จะเป็นผู้อำนวยความสะดวกต้องรับฟัง ยิ่งข้อมูลมากยิ่งดีเพราเป็นการตกผลิตเป็นการวินิจฉัยในการหาข้อมูลต่อไป


 การมาพบภาคประชาสังคม มาพบผู้นำศาสนา มาพบนักการเมืองถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับผู้อำนวยความสะดวกคนที่ผ่านมาแสดงว่าเป็นกำลังใจ เป็นแนวทาง เป็นหนทางที่จะนำสู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในทิศทางที่ดีขึ้นจากที่ผ่านมา

 การพูดคุยก็ต้องเดินหน้าต่อไปเพราะว่าเท่าที่สังเกตที่ฟังข้อมูลหลังจากที่ลงมาพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เห็นว่าอีกประมาณ 2 สัปดาห์จะมีการพูดคุย ตัวแทนของประเทศไทยและตัวแทนมาราตัวแทนของมาเลเซียที่รัฐปีนังของประเทศมาเลเซีย นั้นแสดงให้เห็นว่าการพูดคุยหลังจากนี้ก็เดินหน้าต่อ ประกอบกับมีนายกรัฐมนตรีที่สมบูรณ์ครบแล้ว ที่มีรัฐมนตรีที่ครบแล้วฉะนั้นการประชุมครั้งต่อไปก็มีต่อ ฉะนั้นการมาคุยในครั้งนี้การมาลงพื้นที่ในครั้งนี้ของราฮิม นูร ก็เป็นการต่อยอดเป็นการเดินให้เห็นทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม


 สรุปคือการพูดคุยเพื่อสันติภาพในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ขยับหน้า เดินหน้าต่อไปอีกขั้นตอนหนึ่ง  การแต่งตั้ง คณะ รมต.ล้าช้าก็มีผลแต่ไม่มากเพราะว่าตอนที่ผ่านมาก็ไม่มีรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องนี้จริงๆจังๆแต่ตอนนี้มีกำลังจะมีรัฐมนตรีแล้ว ถ้าแต่งตั้งรัฐมนตรีให้เร็ว ให้เป็นบุคลิกคนที่มีประสบการณ์ เป็นคนที่เข้าใจปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่ารัฐมนตรีเป็นคนขับเคลื่อน เป็นคนออกนโยบาย เป็นคนกำหนดนโยบาย

โดยเฉพาะเรื่องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้รัฐมนตรีก็ต้องลงพื้นที่เพื่อมารับฟังปัญหาเช่นเดียวกัน ฉะนั้นรัฐบาลต้องรีบตั้งรัฐมนตรีที่ดูแลปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เร็วที่สุดและให้ตรงกับความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ ทีสำคัญต้องได้รับการยอมรับกับประชาชนในพื้นที่และประเทศมาเลเซียด้วย  เรื่องที่น่าเป็นห่วงคือสังเกตดูหลายๆครั้งเมื่อมีข่าวว่าจะมีการพูดคุย เมื่อมีการพูดคุยแล้วสถานการณ์ในบ้านก็จะปะทุขึ้นมา อันนี้เป็นปัญหาที่มือที่สามที่ไม่อยากให้เหตุการณ์สงบคือกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์หรือกลุ่มอะไรบางอย่างเพราะฉะนั้นอยากจะฝากว่าเมื่อมีการพูดคุยแล้วให้รัฐบาลติดตาม เจ้าหน้าที่ก็ติดตามประกบดูความเรียบร้อยในพื้นที่แล้วก็อยากจะฝากคนที่ตัวแปร สอดแทรกให้หยุดเปิดโอกาสให้เขาคุยกันเปิดพื้นที่ให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้นำพื้นที่สันติสุขต่อไป


 ที่ผ่านมาเห็นข่าวยิงกันทุกวันอันนี้ก็น่าเป็นห่วงไม่อยากให้เกิดขึ้นในพื้นที่ แต่เกิดขึ้นไปแล้ว อยากจะฝากให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลความสงบเรียบร้อยให้ดูแลกันให้ดี อยากจะฝากประชาชนในพื้นที่ให้ช่วยกันดูแล และให้ดูแลตัวเองด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องแบบนี้บางทีเรื่องส่วนตัวก็มาตั้งเป็นประเด็นกันกลายเป็นปัญหาสร้างสถานการณ์ไปหมด มีทั้งเจ้าหน้าที่ มี รปภ. มี ชรบ.ในหมู่บ้านแต่ทำไมเหตุการณ์ก็ยังเกิดขึ้น ที่น่าเป็นห่วงคือในเมือง ในเส้นทางเดินไปมาหาสู่กัน บางทีระยะทางไกลๆไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล อยากจะฝากให้คนที่ทำสร้างสถานการณ์หยุดทำ เราจะได้หันหน้าเข้าหากัน มาพูดคุยกันเพื่อให้เกิดสันติสุขในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

ขอบคุณ ภาพ/ข่าว อับดุลหาดี เจ๊ะยอ  จ.ยะลา