(ชมคลิป) สุดเศร้ากลุ่มออมทรัพย์เกิน100ชีวิตหมดกำลังใจพึ่งศาลพระพรหมขอคนดีช่วย
ก่อนยื่นหนังสือถูกเบี้ยวเงินกว่า5ล้าน
เมื่อวันที่13
พ.ย.2561 เวลา08.30น.ที่ผ่านมา
ที่สำนักงานเทศบาลตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส
สมาชิกกลุุ่มออมทรัพย์เทศบาลตำบลรือเสาะกว่า100คน
ได้ร่วมกันพนมมือตั้งใจกราบสักการะศาลพระพรหมเทศบาลตำบลรือเสาะ
ก่อนเดินทางไปศูนย์ดำรงธรรมนราธิวาส
เพื่อยื่นหนังสือร้องแก้ปัญหาถูกเบี้ยวเงินกว่า5ล้านบาท
ในที่ห้องประชุมปริวรรตวรวิจิตร ชั้น 4 ศาลากลาง อ.เมืองนราธิวาส
กลุ่มสมาชิกออมทรัพย์เทศบาลตำบลรือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ประกอบด้วยพนักงาน
เจ้าหน้าที่ ลูกจ้างจำนวนกว่า 100 คน เข้ายื่นหนังสือที่ศูนย์ดำรงธรรม
จ.นราธิวาส
โดยมีนายฉัตรชัย อุตสาหะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนราธิวาส
เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียนจากตัวแทนสมาชิก พร้อมนายประภาศ มากทอง
หัวหน้าสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส
ร่วมพูดคุยเพื่อหาทางออกเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาร่วมกัน
ซึ่งกลุ่มออมทรัพย์พนักงานเทศบาลตำบลรือเสาะ
อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยยังเป็นสุขาภิบาล
ตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเงินออมและแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
เพื่อเป็นการช่วยเหลือสมาชิกที่ได้รับความเดือดร้อนเรื่องการเงิน
และยังเป็นช่องทางในการออมเงินของสมาชิกอีกทางหนึ่ง
ซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
มีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 129 คน
ซึ่งเป็นพนักงานเทศบาล พนักงานรับจ้าง ของเทศบาลตำบลรือเสาะ
โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อดำเนินการบริหารจัดการกลุ่มออมทรัพย์
ประกอบด้วยคณะกรรมการ 2 ฝ่าย
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์คณะกรรมการประจำกลุ่มได้รับเรื่องร้องเรียนจากสมาชิกกลุ่มว่ามีความผิดปกติในการดำเนินงานเกี่ยวกับการเงิน
ส่งผลทำให้มีกรรมการร้องขอให้มีการเปิดประชุมสมาชิกขึ้นในวันที่ 10
เม.ย.2561 ขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2548
เป็นต้นมา
ไม่เคยมีการประชุมแม้แต่ครั้งเดียว
โดยในที่ประชุมนางรวีวรรณ สุลำนาจ เจ้าหน้าที่การเงินของกลุ่มได้ชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินงานและเกี่ยวกับการเงิน
โดยได้แจกเอกสารเกี่ยวกับรายรับ รายจ่ายของกลุ่มฯ
ปรากฏว่าเงินได้หายไปจากบัญชีของกลุ่มสมาชิกฯเป็นเงิน 2.5
ล้านบาท
ซึ่งนางรวีวรรณ สุลำนาจ
เป็นเจ้าหน้าที่การเงินเป็นผู้จัดทำบัญชีรับจ่ายและดำเนินการเพื่อเบิกถอนเงิน
ไม่สามารถตอบคำถามของสมาชิกได้ว่าเงินจำนวนดังกล่าวหายไปไหน หายไปได้อย่างไร
แต่นางรวีวรรณ ได้พูดรับปากในที่ประชุมกับสมาชิกว่า
จะรับชดใช้เงินให้แต่เพียงผู้เดียว พร้อมทั้งได้ขอระยะเวลาไปหาตัวเลขที่แน่นอน
โดยขอเวลา 1
เดือน ถึงวันที่ 31 พ.ค.2561
และจะมาชี้แจงให้สมาชิกทราบ ต่อมาเทศบาลตำบลรือเสาะ
ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในการดำเนินงานของกลุ่มออมทรัพย์ตำบลรือเสาะ
เพื่อหาข้อเท็จจริงจากเรื่องที่เกิดขี้น
ต่อมาเมื่อ 31
พ.ย.2561 ได้มีการเปิดประชุมกลุ่มออมทรัพย์อีกครั้ง
นางวีรวรรณ ได้มาชี้แจงว่ายอดบัญชียอดเงินยังไม่นิ่ง
ไม่สามารถจะชดใช้เงินเข้าหุ้นคืนให้กับสมาชิกได้
และอ้างว่าจะต้องรอผลการสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงก่อน
ทำให้สมาชิกเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ต่อมาคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้สรุปผลการสอบนางวีรวรรณ
และสมาชิกบางส่วนปรากฏว่า นางวีรวรรณ ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้นำไปใช้แต่เพียงผู้เดียว
พร้อมแจ้งคณะกรรมการว่า จะเป็นผู้ชดใช้เงินคืนให้แก่สมาชิก แต่ไม่ได้ระบุจำนวนเงิน
วันเวลาที่ชัดเจน
จากนั้นสมาชิกจำนวน 99 คน
ได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.รือเสาะ
ให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์
โดยเจ้าพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนกรรมการทั้ง 7 คน
รวมทั้งสอบสวนสมาชิกทั้ง 99 คน
และได้สรุปสำนวนคดีส่งฟ้องต่อศาลอัยการ ต่อมาประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน
ทางอัยการได้ส่งเรื่องกลับมาที่เจ้าพนักงานสอบสวนแจ้งถึงข้อบกพร่องเกี่ยวกับพยานหลักฐานของคดี
และในวันที่ 6
พฤศจิกายน 2561
เจ้าพนักงานสอบสวนได้มาประชุมชี้แจงให้กับสมาชิกออมทรัพย์ทราบถึงแนวทางในการดำเนินคดีของกลุ่มว่ายังขาดหลักฐานที่จะเอาผิดกับผู้กระทำผิด
โดยให้ทางกลุ่มหาหน่วยงานเพื่อมารับรองบัญชีของกลุ่ม
ในการนี้ทางสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์จึงเรียนมาเพื่อร้องขอความเป็นธรรม
เพื่อให้ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายซึ่งมีจำนวน 129 คน
ที่ได้รับความเดือดร้อนในครั้งนี้
ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อยหวังที่จะนำเงินที่เก็บออมมาเป็นทุนใช้จ่ายในยามเกษียณ
ดังนี้
1.ดำเนินการเรียกตัวนางรวีวรรณ
สุลำนาจ มาเพื่อไกล่เกลี่ยหนี้สินคืนให้แก่สมาชิก 2.ดำเนินการประสานสำนักงานตรวจสอบบัญชี
เพื่อเข้ามาตรวจสอบบัฐขีของกลุ่มออมทรัพย์ ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย
ไม่สามารถจ้างผู้ตรวจสอบบัญชีดังกล่าวได้
นายฉัตรชัย
อุตสาหะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า
ขั้นต้นนี้อยากจะให้สมาชิกได้มีการรวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์
เพื่อง่ายต่อการเข้าดำเนินการจากสหกรณ์จังหวัด
ซึ่งตอนนี้ทางกลุ่มออมทรัพย์ยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นสหกรณ์
ซึ่งทางสหกรณ์จังหวัดยังไม่มีอำนาจที่จะเข้าไปดำเนินการใดๆได้
และทางสำนักงานจังหวัดจะทำการบันทึกข้อมูลทั้งหมดในการประชุมร่วมกันในวันนี้ส่งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด
เพื่อหาทางให้สำนักตรวจบัญชีสามารถเข้าไปดำเนินการอย่างใดได้บ้าง
พร้อมกับให้ทางสหกรณ์จังหวัดลงไปพูดคุยด้วยอีกทางหนึ่งด้วยว่าจะสามารถลงไปช่วยตรวจบัญชีได้หรือไม่
แต่ถ้าไม่ได้ ทางสหกรณ์อาจจะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปช่วยตรวจให้
เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนในเรื่องของการจ้างคนตรวจบัญชี
ถ้าทางผู้ตรวจบัญชีไม่มีอำนาจตรวจสอบ ทางสหกรณ์จังหวัดอาจจะส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วย
ประเด็นที่ 2 เรื่องของการไกล่เกลี่ยปัญหาทั้ง 2
ฝ่ายนั้น ถ้าได้ข้อสรุปเรียบร้อย ทางจังหวัดจะมอบให้ท้องถิ่นลงไปช่วยในเรื่องของการไกล่เกลี่ย
ด้านนายประภาศ
มากทอง สหกรณ์จังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า
หลังทราบเรื่องว่ามีสหกรณ์ออมทรัพย์เทศบาลรือเสาะ ในพื้นที่ อ.รือเสาะ มีปัญหา
ได้ทำการตรวจสอบในระบบการจดทะเบียนสหกรณ์ไม่พบชื่อดังกล่าวเพราะทางกลุ่มออมทรัพย์ไม่ได้มีการจดทะเบียนขึ้นเป็นสหกรณ์ไว้ในระบบ
แต่จะดูว่าจะสามารถเข้าให้การช่วยเหลือได้อย่างไรบ้างตามอำนาจที่พอจะช่วยเหลือได้ต้องมาพูดคุยกัน
น.ส.ไขนภา
แก้วสีดำ ผู้เสียหายกล่าวว่า
ทุกวันนี้หลายๆคนที่มานั่งรวมตัวกันในวันนี้ทำงานกับทางสุขภิบาลตำบลมาจนถึงทุกวันนี้ถูกยกระดับเป็นเทศบาลตำบลรือเสาะ
เก็บออมเงินมาเพื่อหวังจะนำมาใช้เป็นทุนใช้ในวัยเกษียณ
แต่ทุกวันนี้มันกลายเป็นศูนย์ ซึ่งที่มากันในวันนี้ยอมรับว่ามีความหวังที่น้อยนิด
ไร้ที่พึ่งไม่รู้จะไปพึ่งใครได้อีกแล้ว
จึงมาขอความเมตตาช่วยเหลือจากหน่วยงานทางราชการเป็นที่สุดท้าย
เพราะคนที่กระทำผิดเขายังใช้ชีวิตลอยนวล อยู่อย่างมีความสุข ใช้เงินสุขสบาย
ซึ่งเป็นเงินของสมาชิกฯแต่สมาชิกทั้งหลายกลับไม่ได้ใช้เงินก้อนนั้น
ส่วนผู้เสียหายอีก
1 ราย เปิดเผยถึงความรู้สึกว่า
การมายื่นหนังสือในวันนี้ อย่างน้อยอยากจะให้หน่วยงานราชการได้รับรู้ ในเมื่อดำเนินการทางกฏหมายแล้วยังไม่คืบหน้า
จึงอยากให้สังคมได้รับรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเทศบาลเล็กๆอย่างนี้
ทำให้คนหลายคนเดือดร้อน น้ำตานองแก้ม โดยคนเพียงคนเดียวเอาเงินเราไปเท่าที่รู้
จำนวนหลายล้านบาท บางคนบอกว่าจำนวนเงินมากถึง 6 – 7 ล้าน
จึงอยากวิงวอนขอให้ทางราชการเข้ามาดูแลและช่วยแก้ปัญหาให้กับชาวบ้านด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น