นราธิวาส กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
โดยสำนักงานคุ้มครองพยาน จัดโครงการบูรณาการ
หน่วยงานความมั่งคงและหน่วยบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับภารกิจคุ้มครองพยาน
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านคดีในพื้นที่ จชต
ณ.โรงแรมตันหยง อ.เมือง จ.นราธิวาส นายไฟฑูรย์ สว่างกมล ที่ปรึกษากรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
เป็นประธานในพิธีในโครงการบูรณาการ
หน่วยงานความมั่งคงและหน่วยบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับภารกิจคุ้มครองพยาน
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านคดีในพื้นที่ จชต. ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย จำนวน120คน
ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย (ปกครอง ตำรวจ ทหาร )
เจ้าหน้าที่ปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคประชาชนในพื้นที่ จชต.
สำหรับโครงการดำกล่าว ได้จัดขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ความมั่งคง ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ในพื้นที่
จชต. ได้มีความรู้ความเข้าใจ
เกี่ยวกับภารกิจการคุ้มครองพยานในคดีความมั่นคงและให้เครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่มีความรู้เรื่องระบบการคุ้มครองพยาน
ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ให้กับประชาชนที่ได้รู้เห็นการกระทำความผิด
กล้าที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐในฐานะเป็นพยานในคดีความมั่งคง และ
เพื่อให้หน่วยความมั่งคงทราบถึงภารกิจ แนวทางปฎิบัติและการบุรณการการคุ้มครองพยานตามอำนาจหน้าที่
ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินคดีในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในพื้นที่
จชต.มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ สำนักงานคุ้มครองพยานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
คาดหวังว่าการจัดโครงการในครั้งนี้จะทำให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องและปฎิบัติงานในพื้นที่
จชต.มีความรู้เกี่ยวกับภารกิจด้านคุ้มครองพยาน
นำไปสู่การถ่ายทอดและประชาชนในพื้นที่มีความเชื้อมั่งในกระบวนการคุ้มครองความปลอดภัยของรัฐร่วมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถบุรณการดำเนินงานร่วมกันในภารกิจการคุ้มครองพรานในคดีความมั่งคงให้มีความประสิทธิภาพมากขึ้น
ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนในพื้นที่
จชต.มีความเชื้อมั่นในกระบวนการยุติธรรม
อันจะนำไปสู่การลบความรุนแรงในพื้นที่ให้เกิดความสันติสุขทางสังคมอย่างมั่นคงและยันยืนต่อไป
นายไพฑูรย์ สว่างกมล ที่ปรึกษากรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
เปิดเผยว่า
การคุ้มครองพยานในคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงแรกๆนั้น
ผู้ที่จะให้การเป็นพยานในคดีอาญาอาจจะยังไม่มีความเชื่อมั่นในความปลอดภัย
ซึ่งกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
โดยกระทรวงยุติธรรมได้รับมอบหมายให้มาดูแลเรื่องของการคุ้มครองพยานในคดีความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งทางรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมได้สั่งการให้มีการพัฒนาคดีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ
จชต
.จึงทำให้ ณ
วันนี้พี่น้องประชาชนที่เห็นเหตุการณ์มีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยที่มากขึ้น
เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่มาทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนหรือพยาน
โดยนอกจากเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมแล้ว ยังมีการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทหาร ในพื้นที่ทั้งศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้
เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่รวมทั้งกรมการปกครอง
ซึ่งหลายฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นทิศทางที่ดีว่า ณ
วันนี้พยานเกิดความมั่นใจมากขึ้น
เนื่องจากตามสิทธิการคุ้มครองของพยานนั้นกฏหมายกำหนดไว้ให้การดูแลเป็นอย่างดี
และให้ความมั่นใจด้วยว่า
หลังจากที่มาเป็นพยานแล้วและเมื่อออกจากโครงการไปแล้วก็ยังมีรูปแบบและวิธีการดูแลเขาต่อไปอีกด้วย
ในกรณีที่เขาไม่สามารถกลับเข้ามายังพื้นที่ได้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหาที่อยู่ที่ทำกิน
ซึ่งกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพก็จะดูแลในเรื่องนี้
ในส่วนเรื่องสิทธิการใช้จ่ายหลังจากที่เข้ามาในโครงการแล้ว
กรณีที่พยานจะต้องฝึกอาชีพเพื่อการดำรงชีพต่อไปนั้นทางกรมจะดูแลในเรื่อนี้ด้วย
โดยสามารถมีเงินก้อนไปทำมาหากินตามปกติสุข ซึ่ง 6
เดือนที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่เองก็มีความชัดเจนมากขึ้นทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคไปในทิศทางที่ดี
ส่วนปัญหาอุปสรรคในการทำงานนั้น
เราจะทำอย่างไรที่จะไปสร้างความมั่นใจและเชื่อมั่นให้พยานมีความรู้สึกว่า ถ้ามาเป็นพยานแล้วเจ้าหน้าที่ของรัฐเขาจะดูแลความปลอดภัยที่ดี
โดยเราไม่ได้ดูแลเฉพาะที่พยานเพียงอย่างเดียว แต่เราจะดูแลไปถึงครอบครัว คนใกล้ชิด
ซึ่งภาหากมีภัยอันตรายไปด้วยแล้ว กฎหมายต้องดูแลอย่างเต็มที่
ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไปได้ เพียงแต่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต้องพยายามสื่อสารสร้างความเข้าใจให้มาก
และจะทำให้พยานมีความกล้า สามารถสางคดีความมั่นคงไปสู่การออกหมายเรียก หมายจับเป็น
100 คดี มาอย่างต่อเนื่อง
และเป็นแนวโน้มที่ดีที่จะทำให้คนที่กระทำความผิดควรจะถูกลงโทษทางกฏหมายได้มากขึ้น.
ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น