จากกรณีที่ชาวบ้าน บ้านในลุ่ม ม.3
ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช
เหมารถบัสบุกถึงสำนักนายกรัฐมนตรีร้องขอความช่วยเหลือเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา
เรื่องถูกนายทุนออกเอกสารที่ดินทับที่อยู่อาศัย75
ครัวเรือน ชาวบ้านอาศัยกว่า 380คน
ชาวบ้านกล่าวว่าที่ดินที่ชาวบ้านอาศัยอยู่เดิมเป็นเกาะกลางเล็กๆของปากน้ำสิชล
ซึ่งอาศัยมากว่า 40 ปี แล้ว
ซึ่งตอนหลังทางเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าได้ดูดทรายในลำคลองที่ตื้นเขินแล้วนำมาถมที่บริเวณที่ชาวบ้านอยู่ทำให้มีพื้นที่เกาะขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยจนกระทั่งมีพื้นที่มาเชื่อมต่อกับที่ดินของนายทุนที่อยู่ริมลำคลองทำให้เกิดปัญหาเรื่องเขตแดนและความไม่ชัดเจน
จนกระทั่งมีปัญหากันมาตลอด ไฟฟ้า ประปา
ก็ไม่สามารถดินท่อผ่านได้
เพราะนายทุนไม่ให้ผ่านเส้นทาง
ชาวบ้านได้ร้องเรียนไปหลายหน่วยงานแล้วแต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนจนปล่อยให้ยืดเยื้อมานานหลายสิบปีจนถึงปัจจุบัน และเมื่อกลางปี60ที่ผ่านมา
ชาวบ้านเข้าขอความช่วยเหลือจาก พ.ต.ประเสริฐ สายทองแท้
ผู้บังคับกองร้อยฝึกรบพิเศษสิชล
และได้มีดำเนินการเชิญหลายหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้ลงพื้นที่
เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา
จนกระทั่งเมื่อประมาณ 2เดือนที่ผ่านมา
สำนักงานที่ดินสาขาสิชลซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงได้มารังวัดพื้นที่ใหม่แล้ว
และยืนยันว่าเอกสารสิทธิ์ของนายทุนได้มาถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ
จึงได้รวมตัวกันเดินทางไปสำนักนายกรัฐมนตรีขอวอนให้นายกฯ
ช่วยลงมาช่วยเหลือ โดยชาวบ้านมีหลักฐาน
ที่ชัดเจน จากภาพถ่ายทางอากาศ และแผนที่ระบุว่าที่เป็นเกาะกลางน้ำจริง
ต่อมาเมื่อวันที่ 5
ม.ค.ที่ผ่านมา พลตรีพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ รองแม่ทัพภาคที่4
ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายแผนที่กองทัพภาคที่4 มทบ.41. มทบ.44 และค่ายฝึกการรบพิเศษสิชลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และจากนั้นถัดมาอีก2วันก็ได้มีน.ส.สุธีย์
ญาณชโรทร ผู้ตรวจราชการกรมที่ดินเขต 11
พร้อมคณะสำนักงานกรมที่ดินส่วนกลาง
ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในเรื่องนี้
ต่อมานายเศกสรรค์ กังสะวิบูลย์
ได้มอบอำนาจจาก นายทศวร
ทิพยมงคล ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนี้
ได้เดินทางพร้อมหอบเอกสารเกี่ยวที่ดินแปลงนี้ทั้งหมดเข้าชี้แจงขอความเป็นธรรมกับศูนย์ข่าวนคร
24 ชั่วโมง สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช และกองทัพภาคที่4 ที่ค่ายฝึกการรบพิเศษสิชล กล่าวว่าขอยืนยันว่าที่ดินไม่ได้เป็นของนายทุนตามที่ถูกชาวบ้านกล่าวอ้าง ที่ดินแปลงนี้เป็นสมบัติของนายทศวร จำนวน 73 ไร่
ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษมาจากรุ่นสู่รุ่นตกทอดเป็นรุ่นที่3 แล้ว
ตั้งแต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์มีการครอบครองตั้งแต่สมัยรัชกาลที่6 ซึ่งเดิมที่มีที่ดินทั้งหมดเกือบ
300ไร่ บริเวณปากน้ำสิชล
จนปัจจุบันมีการแบ่งแยกกันในบรรดาพี่น้องด้วยกัน
ที่ดินแปลงนี้ไม่เคยถูกระบุว่าเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ เริ่มมีเอกสารสิทธิ์ครั้งแรกตั้งแต่ ปี 2498 ซึ่งได้เอกสารสิทธิ์มาก่อนที่กลุ่มชาวบ้านกลุ่มนี้มาอาศัยอยู่ก่อนอีก ขอยืนยันว่าที่ดินไม่มีเกาะกลาง
ที่ดินเป็นผืนเดียวกันทั้งหมดแต่พอน้ำทะเลขึ้นสูงท่วมตรงบางจุดก็จะเห็นว่าเหมือนว่ามีเกาะกลางแต่พอน้ำลดก็จะเห็นชัดเจนทั้งแปลง
ในสมัยก่อนชาวบ้านที่มาอาศัยอยู่ริมคลองเพียงไม่กี่คน
จนกระทั่งเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
กลุ่มชาวบ้านที่มีปัญหามีประมาณ 70 คนเท่านั้น
ซึ่งก่อนหน้านี้ญาติของชาวบ้านกลุ่มนี้มีความสนิทสนมกับคนดูแลที่ดินแปลงนี้มาก่อน
จนกระทั่งเจ้าของที่ดินมีการเปลี่ยนคนดูเป็นคนใหม่และได้เรียกเก็บเงินจากชาวบ้านกลุ่มนี้ชาวบ้านจึงรวมตัวกันต่อต้านไม่ยอมจ่ายเงิน และกลุ่มชาวบ้านแทบทั้งหมดนี้จะเป็นญาติพีน้องกัน
ส่วนชาวบ้านที่เหลือก็จ่ายค่าเช่ากันตามปกติ
จึงได้เดินทางมาขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนและทหารกองทัพภาคที่4
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น