โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

เกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มนราธิวาส รวมพลัง ถกหาแนวทางการแก้ปัญหายางพาราตกราคา กำหนดยุทธศาสตร์ ยกระดับคุณภาพชีวิต


เกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มนราธิวาส รวมพลัง ถกหาแนวทางการแก้ปัญหายางพาราตกราคา กำหนดยุทธศาสตร์ ยกระดับคุณภาพชีวิต

                ที่ห้องประชุม ส่งเสริมและพัฒนาการยาง อาคารกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางการแห่งประเทศไทย อ.เมือง จ.นราธิวาส ตัวแทนสหกรณ์กองทุนสวนยางต่างๆในพื้นที่ จ.นราธิวาส รวม 6 สหกรณ์ ประกอบด้วย 1.สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านป่าไผ่ จำกัด (ผลิตน้ำยางสด) อ.ระแงะ 2.สหกรณ์กองทุนสวนยางไอร์กรอส จำกัด (ผลิตยางแผ่น) อ.จะแนะ 3.สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านบาโงดุดุง จำกัด (ผลิตยางก้อนถ้วย) อ.เจาะไอร้อง 4.สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านแซะ จำกัด (ผลิตยางก้อนถ้วย) อ.สุไหงปาดี 5.สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านโคกเคียน จำกัด (ผลิตน้ำยางสด) อ.เมือง และ 6.สหกรณ์การเกษตรเมืองนราธิวาส จำกัด (ผลิตยางแผ่นและยางก้อนถ้วย) อ.เมืองนราธิวาส 

                     ร่วมปรึกษาหารือถึงมาตรการต่างๆที่จะทำให้ชาวเกษตรกรที่ปลูกยางพารา และปลูกปาล์มน้ำมันที่มีราคาตกต่ำอยู่ในขณะนี้ เพื่อให้เกิดรายได้ที่สามารถช่วยเหลือหล่อเลี้ยงครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหลังประสบกับปัญหาราคาตำต่ำมายาวนานหลายปี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ มาร่วมประชุมหาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้กับเกษตรกร ประกอบด้วย ผู้แทนพิเศษรัฐบาลกลุ่มภารกิจงานพัฒนาศักยภาพในพื้นที่และคุณภาพชีวิตของประชาชน สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส สำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานสภาเกษตรจังหวัดนราธิวาส และ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส

                นายคล้อย ไกรน้อย เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมัน เปิดเผยว่า เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดในขณะนี้ คือ เกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับผลกระทบจากราคายางที่ตกต่ำ ไม่คุ้มกับต้นทุนที่ลงไป และอยากเรียกร้องให้รัฐบาลปรับสมดุลกับความต้องการพื้นที่ให้เหมาะสม ซึ่งถ้าผลผลิตออกสู่ตลาดมากเกินไปราคาก็ย่อมจะตกต่ำลง อีกอย่างผู้ที่ปลูกยางพาราในพื้นที่ป่าสงวนในขณะนี้รัฐบาลควรจะปรับผลผลิตลงบ้าง และสำหรับผู้ที่ปลูกยางพาราในพื้นที่ตัวเองที่ถูกต้องตามกฏหมายนั้นรัฐบาลกลับพยายามให้ลดการผลิตและพื้นที่ลง แต่ถ้ารัฐบาลปรับผลผลิตและพื้นที่ให้ลดลงทั้ง 2 พื้นที่ให้สมดุลกันผลผลิตที่ออกสู่ตลาดก็จะน้อยลง ทำให้ราคาดีขึ้นตามลำดับอย่างสมดุลกับความต้องการของตลาด

                ด้านนายนอร์ดีน เจะแล สหกรณ์จังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาว่า เป็นการเปิดเวทีพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาและน่าจะถึงเวลาแล้วที่ชาวเกษตรกรปลูกยางพารากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.นราธิวาส มาร่วมคิดกันว่าจะวางยุทธศาสตร์การพัฒนายางของนราธิวาสให้มีทิศทางที่ชัดเจน ไม่ใช่ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างพัฒนา และถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนจะมาถอดบทเรียนในเรื่องการพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งในเรื่องของยางพารา โดยในอดีตที่ผ่านมาได้มีการก่อตั้งสหกรณ์ต่างๆประมาณ 60 แห่ง ทั่วทั้งภาคใต้ รวมถึง จ.นราธิวาส ด้วยระยะเวลาผ่านมากว่า 20 ปี

              ทำให้สหกรณ์บางแห่งไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ บางแห่งก็จำเป็นต้องเลิกรากิจการไป โดยในแง่ของศักยภาพการผลิตยางแผ่นรมควันนั้นถูกมองว่าอาจจะไม่สอดคล้องกับวิธีชีวิตของคนในพื้นที่บ้านเรานัก เพราะเกษตรกรในพื้นที่นั้นต้องการเงินใช้เร็ว ซึ่งเหมาะกับการขายน้ำยางสด และการทำยางอัดก้อน เพราะฉะนั้นวิธีคิดและยุทธศาสตร์ของการพัฒนายางของ จ.นราธิวาส ต้องเริ่มต้นตั้งแต่การคิดค้นที่จะพัฒนาน้ำยางสดให้เกิดมูลค่าเพิ่มและเกษตรกรสามารถขายได้ในราคาที่ดีกว่าในราคาปัจจุบัน

                “สำหรับยุทธศาสตร์ที่วางไว้ คือ สิ่งที่น่าจะศึกษาความเป็นไปได้ คือ การหาช่องทางในการที่จะจัดตั้งโรงงานปรับสกัดน้ำยางสดเป็นน้ำยางข้น เพราะอย่างน้อยที่สุดเราสามารถนำน้ำยางสดที่มีอยู่ ประมาณ 50 – 60 ตัน ต่อวัน เข้าสู่โรงงานน้ำยางข้น ซึ่งสามารถมีอายุการเก็บน้ำยางข้นได้นานกว่าน้ำยางสด ซึ่งล่าสุดพบว่าเกษตรกรในพื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้นำน้ำยางข้นไปแปรรูปเป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์ได้หลายอย่าง และสามารถสร้างรายได้ดี และเป็นเรื่องที่ทางภาครัฐจะต้องส่งเสริมในอนาคตนี้ต่อไป




                สำหรับ จ.นราธิวาส มีพื้นที่ปลูกยางพาราทั้งสิ้น จำนวน 1,008,345 ไร่ มีผลผลิต 823,691 ไร่ มีผลผลิต 201,564 ตัน ต่อปี โดยได้ผลผลิต 245 กก.ต่อไร่ โดยแยกเป็นยางก้อนถ้วย สัดส่วน ประมาณ 85 % น้ำยางสด สัดส่วน ประมาณ 10 % และยางแผ่นดิบ สัดส่วน ประมาณ 5
 ขอบคุณ ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น