โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ไขปริศนาทำไม “ฟืน” ที่ใช้ก่อไฟใต้จึง “ เปียก” ในห้วง ต.ค.ปีนี้ กับบทสรุป “ลุงตู่” ควรเจรจากับ “รัฐบาลมาเลเซีย” ดีกว่าไหม?!


ไขปริศนาทำไม ฟืนที่ใช้ก่อไฟใต้จึง เปียกในห้วง ต.ค.ปีนี้ กับบทสรุป ลุงตู่ควรเจรจากับ รัฐบาลมาเลเซียดีกว่าไหม?! 

คอลัมน์  :  จุดคบไฟใต้

โดย...ไชยยงค์  มณีพิลึก
ยังมีความพยายามเป็นอย่างยิ่งจาก แนวร่วมของ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็นฯหรือ โจรใต้กลุ่มนี้ในการพยายามก่อการร้ายในเดือนตุลาคมที่กำลังจะผ่านไป ด้วยการปลุกระดมโดยยกเอาเหตุการณ์ ตายหมู่80 กว่าศพของ คนมุสลิมจากกรณี ม็อบตากใบเมื่อเดือนตุลาคม 2547 เพื่อที่จะตอกย้ำให้คนมุสลิมเกิดความเจ็บแค้น และไม่ลืมเหตุการณ์ตายหมู่ที่เกิดขึ้นใน 13 ปีที่ผ่านมา
แต่ความพยายามของแนวร่วมหรือโจรใต้ในเดือนตุลาคมปีนี้ กลับกลายเป็นเรื่องของ ฟืนเปียกเลยจุดไฟไม่ติด ซึ่งอาจจะสืบเนื่องมาจาก 2 สาเหตุด้วยกัน
ประการแรกคือ เหยื่อของสถานการณ์ครั้งนั้นจำนวน 80 กว่าศพต่างได้รับการเยียวยาจากภาครัฐในจำนวนที่พอสมควร เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น รวมทั้งคดีในทางอาญาศาลสถิตยุติธรรมก็ได้มีการพิพากษาเป็นที่เด็ดขาดไปแล้ว ซึ่งทำให้กลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังหมดทางในการที่จะทำให้เรื่องนี้เดินหน้าต่อไปได้อีก
ประการที่สองคือ ตุลาคมเดือนนี้เป็นเดือนที่มีงานสำคัญยิ่งของประเทศ  ทำให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ใช้มาตรการที่เข้มข้นในการรักษาความสงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อควบคุมพื้นที่มิให้แนวร่วมมีเสรีภาพในการเคลื่อนไหว เพื่อก่อเหตุตามที่ต้องการ
แน่นอนว่า นกรู้อย่างบีอาร์เอ็นฯ ก็ย่อมที่จะไม่เสี่ยงกับความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากมาตรการที่เข้มข้นของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จึงทำให้สถานการณ์ความรุนแรงในเดือนตุลาคมนี้ของจังหวัดชายแดนภาคใต้มีเหตุเกิดเพียงประปราย เพื่อให้มี ตัวเลขว่าจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่มีความสงบ
แต่หลังจากนี้ไปเมื่อมาตรกรเข้มข้นผ่อนคลายลง เพราะความอ่อนล้าของกำลังพล จุดอ่อนหรือ ช่องว่างที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นช่องทางให้แนวร่วมหรือโจรใต้กลุ่มนี้ฉวยโอกาสในการก่อเหตุใหญ่ๆ อีกครั้งครั้ง เพราะวิธีการของบีอาร์เอ็นฯ คือพร้อมที่จะก่อเหตุทุกเวลาที่มีจังหวะหรือมีช่องว่างเกิดขึ้น
ส่วนเรื่องที่น่าสนใจคือ เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มมาราปาตานีซึ่งเป็นการรวมตัวกันของขบวนการแบ่งแยกดินแดน 4 ขบวนการ 6 กลุ่ม ได้มีการแถลงข่าวกับสื่อจำนวนหนึ่งที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในประเด็นกระบวนการ พูดคุยสันติสุขกับรัฐบาลไทย เพื่อแสดงจุดยืนของกลุ่มมาราปาตานี
โดยที่ตัวแทนของกลุ่มมาราปาตานียืนยันว่า พร้อมในการเดินหน้าเพื่อพูดคุยสันติสุขกับรัฐบาลไทย และกล่าวว่าในขณะนี้การพูดคุยยังอยู่ในห้วงของ การสร้างความไว้วางใจเท่านั้น

นั่นแสดงว่ามาราปาตานีได้ปฏิเสธที่จะเข้าสู่ขบวนการกำหนด พื้นที่ปลอดภัยตามที่ตัวแทนของฝ่ายไทยอย่าง พล.อ.อักษรา เกิดผล ได้แถลงข่าวไว้
ซึ่งในการแถลงข่าวครั้งนี้ของมาราปาตานี ได้เรียกร้องต่อรัฐบาลไทย 3 ข้อด้วยกัน ประกอบด้วย 1.กำหนดให้การพูดคุยเพื่อสันติสุขเป็นวาระแห่งชาติ 2.ให้ยอมรับว่าองค์กรมาราปาตานี ไม่ใช่กลุ่มที่มีความเห็นต่างจากรัฐ และเป็นองค์กรที่อยู่บนโต๊ะเจรจา และ 3.รัฐบาลไทยต้องให้ความคุ้มครองทางกฎหมายกับคณะพูดคุยสันติสุขของ มาราปาตานีจำนวน 15 คน เพื่อให้การเดินหน้าของกระบวนการพูดคุยเป็นความจริง
การออกมาแถลงข่าวเรียกร้องครั้งนี้ของมาราปาตานี เป็นการ ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า หากรัฐบาลไทยยังไม่ตกลงทำตามข้อเรียกร้องใน 3 ประเด็นนี้ก่อน การที่จะเดินหน้าเพื่อพูดคุยในเรื่องของการกำหนดพื้นที่ปลอดภัยก็ยังมาไม่ถึง
โดยทั้ง 3 ข้อเรียกร้องนี้ก็คือ ประเด็นหลักหากรัฐบาลไทยต้องการ เดินหน้าในเรื่องการพูดคุยสันติสุข ในเงื่อนไขของการสร้างพื้นที่ปลอดภัยร่วมกัน ซึ่งรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องตอบตกลงในข้อเสนอทั้ง 3 ข้อก่อน
และที่สำคัญ สุกรี ฮารี แกนนำบีอาร์เอ็นฯ ปีกการเมือง หัวหน้าพูดคุยสันติสุข กล่าวว่า สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น บีอาร์เอ็นฯ ไม่มีนโยบายในการทำร้าย เป้าหมายอ่อนแอแต่ที่เป้าหมายอ่อนแอต้องบาดเจ็บล้มตายนั้น เป็นเพียง ลูกหลงเพราะบังเอิญไปอยู่ใน พื้นที่สังหารเท่านั้น
แต่ที่น่าสนใจคือ ข้อแถลงของตัวแทนจาก  ขบวนการบีไอพีพีที่กล่าวว่า เป้าหมายสูงสุดของเรายังคงอยู่ที่ เอกราชโดยมองเห็นการเข้าร่วมพูดคุยสันติสุขคือช่องทางหนึ่ง ส่วนจะไปถึงคำว่าเอกราชได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับโต๊ะเจรจา
และยังมีการตบท้ายด้วยว่า จนถึงขณะนี้รัฐบาลไทยยังเรียกกลุ่มมาราปาตานีว่าเป็น ปาร์ตี้ บีแสดงถึงการไม่ยอมรับในกลุ่มมาราปาตานีว่าเป็นองค์กรที่เป็น ตัวแทนของ ชาวปาตานี
ความจริงแล้วยังมีอีกหลายประเด็นย่อยที่กลุ่มมาราปาตานีได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ซึ่งทุกประเด็นถ้านำมา ขยายความจะทำให้เห็นถึงปัญหาและอุปสรรคจากข้อเรียกร้องของกลุ่มมาราปาตานี ที่ทำให้การขับเคลื่อนเวทีพูดคุยสันติสุขเดินไปสู่การร่วมกันเพื่อกำหนดพื้นที่ปลอดภัย หรือ เซฟตี้โซนแทนจะปิดประตูตาย
เพราะเพียงข้อเรียกร้อง 3 ข้อที่กลุ่มมาราปาตานีเรียกร้องต่อรัฐบาลไทย นั่นไม่ใช่ข้อเรียกร้องใหม่ แต่ล้วนเป็นการเรียกร้องที่เคยเรียกร้องมาแล้ว แต่ไม่ได้รับการ ยอมรับจากรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตั้งแต่ต้น และเชื่อว่าในครั้งนี้ก็คงจะยากที่จะให้รัฐบาลทำตามข้อเรียกร้องของกลุ่มมาราปาตานี
เนื่องเพราะหากรัฐบาลยอมทำตามข้อเรียกร้องของกลุ่มมาราปาตานี โดยเฉพาะในข้อที่ 3 ต้องถามความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยว่า จะยอมรับหรือไม่
ล่าสุดข่าวจาก ขบวนการองค์กรสหปัตตานีเสรีหรือ องค์กรปลดปล่อยรัฐปัตตานีหรือที่รู้จักกันในนาม พูโลแจ้งว่า กาแม ยูโซ๊ะ หรือ นูร อับดุลเลาะห์มาน ประธานขบวนการพูโลวัย 68 ปี ได้เสียชีวิตในที่พักที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซียแล้ว

สำหรับ กาแม ยูโซ๊ะ ขึ้นมาทำหน้าที่แทน ตนกูบีรอ กอตอนีรอ ประธานพูโลคนเก่าที่เสียชีวิตเมื่อปี 2552 และไม่เป็นที่ยอมรับของขบวนการมากนัก จนทำให้สุดท้ายขบวนการพูโลต้องแตกออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน
โดยกลุ่มที่ 1 คือ พูโลเก่าที่มี กาแม ยูโซ๊ะ เป็นผู้นำ กลุ่มที่ 2 คือ พูโล พีแอลเอที่มี ซำซูดิง คาน เป็นผู้นำ และกลุ่มที่ 3 คือ พูโล เอ็มเคพีที่มี กัสตูรี มะโกตา เป็นผู้นำ
คงต้องจับตามองว่าหลังการเสียชีวิตของ กาแม ยูโซ๊ะแห่งพูโลเก่า ขบวนการแห่งนี้จะมีใครมาเป็นหัวหน้า และมีท่าทีอย่างไรกับการพูดคุยสันติสุข แต่โดยข้อเท็จจริงไม่ว่าใครจะมาเป็นหัวหน้า หรือประธานขบวนการพูโลเก่า ก็ไม่มีความหมายกับการขับเคลื่อนการพูดคุยสันติสุขแต่อย่างใด
เพราะเป็นที่รับรู้กันมานานแล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นพูโลเก่า พูโลพี 4 หรือ พูโลใหม่ ล้วนแต่ ไม่มีศักยภาพใน ทางทหารมานานแล้ว
ดังนั้นในทั้ง 3 ขบวนการพูโลจึงเป็นเพียง กาฝากของกระบวนการพูดคุยสันติสุข ซึ่งรัฐบาลมาเลเซีย จัดตั้งขึ้น เพราะต้องการให้มีความสำคัญในการ ขับเคลื่อนของกระบวนการพูดคุยที่มาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก หรือถ้าจะเรียกให้ถูกคือ เป็นผู้กำกับตัวจริง
จะเห็นว่าการจัดแถลงข่าวของกลุ่มมาราปาตานีในโรงแรมหรูกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ยอมได้รับ ไฟเขียวจากรัฐบาลมาเลเซีย ดังนั้นจึงเชื่อว่าข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อของมาราปาตานีย่อมได้รับ ความเห็นชอบจากรัฐบาลมาเลเซียเช่นกัน
วันนี้หัวหน้าขบวนการแบ่งแยกดินแดนในแผ่นดินปลายด้ามขวานของไทยทุกขบวน อยู่อย่างผาสุกในประเทศมาเลเซีย แถมยังสามารถ นั่งวางแผนในการก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างเสรี
จึงมีคำถามว่าเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว การ ดับไฟใต้ที่ได้ผลอย่างแท้จริงนั้น ประเทศไทยเราควรที่จะไปเจรจากับใคร ระหว่าง กลุ่มมาราปาตานีกับ รัฐบาลมาเลเซีย

ขอบคุณ.ไชยยงค์  มณีพิลึก

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น